จากความเข้าใจของหมิงเจ๋อที่มีต่อราชินี ราชินีเป็นคนที่เมินต่อลาภยศสรรเสริญอยู่เสมอ เหตุผลที่นางขึ้นครองอำนาจก็อาจเป็นเพราะจะเปิดทางให้หมิงเจ๋อ
นางต้องการเป็นผู้หนุนหลังของหมิงเจ๋อ
ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าราชินีขึ้นสู่อำนาจ หมิงเจ๋อก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อราชินี ทีแรกที่เขาโกรธเคืองราชินีด้วยนั้นไม่สมควร
หลังจากกลับมาที่เขาหมิงเซียน หมิงเจ๋อยังได้เขียนจดหมายถึงราชินีเพื่อรายงานว่าเขาปลอดภัยแล้ว ยังบอกราชินีด้วยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่เขาหมิงเซียน
ราชินียังตอบจดหมายให้หมิงเจ๋อ และสั่งให้คนนำสิ่งดีๆ มากมายส่งให้หมิงเจ๋อด้วย
แน่นอน ราชินีทำทั้งหมดนี้อย่างแอบๆ และผู้คนที่นางใช้ก็ไว้วางใจได้อย่างแน่นอน
ติดต่อกันไปติดต่อกันมาเช่นนี้ ปมระหว่างแม่กับลูกไม่เพียงแต่คลี่คลายแล้ว แถมความรักระหว่างแม่กับลูกก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
ตามคำพูดของราชินี ขอเพียงหมิงเจ๋อต้องการสิ่งใด เขาหาราชินีได้ทุกเมื่อ
โดยไม่ชักช้า หมิงเจ๋อลงมือเขียนจดหมายทันที
นักปราชญ์ก็มองดูหมิงเจ๋อเขียนด้วยสีหน้าพึงพอใจอยู่ข้างๆ
ฮึ !
ขอเพียงราชินียอมตกลงส่งทหาร ตีต้าเว่ยชนิดที่ตั้งตัวไม่ทัน นักปราชญ์ไม่เชื่อว่าเซียวเฉวียนยังสามารถรับมือรอบด้านได้ !
ที่พระราชวังภูมิภาคตะวันตก
ราชินีได้รับจดหมายของหมิงเจ๋อ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อน
เห็นลายมือของหมิงเจ๋อ นางรู้สึกทรมานใจทุกครั้งที่อ่าน
ในอดีต หมิงเจ๋อมีลายมือเรียบร้อย ประณีตและสง่างาม ราชินีรู้สึกชื่นชมปีติยิ่งนัก
แต่ลายมือในปัจจุบันนี้ เรียงไม่เป็นแถวไม่เป็นตัว กระจัดกระจายซึ่งทำให้ราชินีเห็นแล้วใจสลาย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ราชินีได้เชื่อสิ่งที่หมิงเจ๋อพูดก่อนหน้านี้ว่าเซียวเฉวียนทำร้ายเขา
นางเชื่อว่าเป็นเซียวเฉวียนที่ทำให้หมิงเจ๋อตกเป็นลักษณะนี้
เพราะราชินีก็รู้มาก่อนว่า หมิงเจ๋อได้ทำร้ายเซียวเฉวียนมาไม่น้อย
ด้วยกำลังของเซียวเฉวียน เขาสามารถทำร้ายหมิงเจ๋อเป็นถึงขนาดนี้ได้แน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ราชินียังรู้สึกว่ามีเพียงคนที่ใจกล้าบ้าระห่ำอย่างเซียวเฉวียนเท่านั้นที่กล้าลงมือโหดร้ายกับหมิงเจ๋อ
ถ้าเป็นคนอื่น อย่างน้อยต้องเกรงกลัวต่อสถานะของหมิงเจ๋อบ้าง จะไม่กล้าทำโหดร้ายถึงขนาดนี้
ยังไงหมิงเจ๋อก็เป็นเจ้าชายแห่งภูมิภาคตะวันตก หากทำล่วงเกินราชวงศ์แห่งภูมิภาคตะวันตก ถูกสืบรู้ในภายหลังจะไม่มีจุดจบที่ดีแน่
ความเหิมเกริมของเซียวเฉวียนเป็นที่รู้จักกันดีในต้าเว่ย วีรกรรมของเขาไม่น้อยก็แพร่กระจายไปยังหูของราชินี
เมื่อพิจารณาจากนิสัยและพฤติกรรมของเซียวเฉวียน ราชินีก็ยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเซียวเฉวียนก็คือคนที่ทำร้ายหมิงเจ๋อ
เขาบอกว่าเขาแค่ตัดแขนของหมิงเจ๋อไปข้างเดียว ส่วนอื่นเซียวเฉวียนไม่ได้ทำ ตอนนี้ราชินีถึงตายก็ไม่เชื่อ !
นางรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเซียวเฉวียนคนเดียว !
เอาลูกชายที่โดดเด่น ที่นางภูมิใจมากมาทำร้ายจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ราชินีต้องเกลียดชังเซียวเฉวียนอย่างแน่นอน
แต่เกลียดชังเซียวเฉวียนเป็นเรื่องหนึ่ง ความรักชอบชิงชังส่วนตัวกับเรื่องของประเทศชาติไหนสำคัญกว่า ราชินียังคงสามารถแยกแยะได้
กษัตริย์สวรรค์คดนางขึ้นครองอำนาจ สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันตกยังไม่สงบนิ่ง
ถึงพลังของชาติภูมิภาคตะวันตกจะพอไปได้ แต่สำหรับต้าเว่ยประเทศยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังดูด้อยกว่า
หากส่งทหารไปตีต้าเว่ยในเวลานี้ ดีไม่ดีจะเป็นการจุดไฟเผาตัวเอง
ถึงแม้หมิงเจ๋อกล่าวว่าเหล่าเจ้าเมืองของต้าเว่ยกำลังเตรียมการก่อกบฏ พวกเขาจะร่วมเป็นพันธมิตรกับเจ้าเมืองทั้งหลายเชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอก ทำงานร่วมกันเพื่อยึดเอาต้าเว่ยมาครองค่อยแบ่งปันทีหลัง
ดินแดนต้าเว่ยนั้นกว้างใหญ่และอุดมไปด้วยทรัพยากร เป็นเนื้อชิ้นใหญ่ที่ใครๆ ก็อยากกัดกินสักคำ
รวมทั้งภาคตะวันตกด้วย
ในอดีต กษัตริย์ทรงมีพระอัธยาศัยอ่อนโยนไม่ทรงสนับสนุนให้เกิดสงคราม อีกเหตุผลหนึ่งคือสภาพการณ์ยังไม่อำนวย
ตอนนี้เกิดความขัดแย้งภายในต้าเว่ย ถือเป็นโอกาสดี !
พูดดูดี แต่หากส่งกองกำลังไป ภูมิภาคตะวันตกจะเป็นฝ่ายจงใจทำลายสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศ ไม่เพียงแต่จะถูกสาปแช่งโดยชาวต้าเว่ย แต่ยังจะถูกชาวประชาของภูมิภาคตะวันตกเองตำหนิติเตียนด้วย
ทำสงครามต้องคำนึงถึงเสบียง และเสบียงส่วนใหญ่นี้จะต้องรับเกณฑ์มาจากมือของประชาชน
เวลากระชั้นชิด นักปราชญ์จึงไม่พูดอะไรมาก รีบออกเดินทางไปยังต้าเว่ยทันที
ที่เมืองไถแห่งต้าเว่ย
ทีแรกนักปราชญ์คิดว่าที่เขาเดินทางมายังต้าเว่ย จะไม่มีใครสามารถรับรู้ได้
แต่เขาไม่คาดคิดว่า ทันทีที่เขามาถึงที่ประตูของจวนเจ้าเมืองไถ เตรียมจะอาศัยพบเว่ยอี้หราน แล้วให้เว่ยอี้หรานแนะนำเขาให้รู้จักกับเจ้าเมืองคนอื่นๆ แต่บังเอิญถูกไป่ฉีที่เพิ่งออกมาสูดอากาศจากห้องพบเห็นเข้า
เพียงแวบเดียว ไป่ฉีก็จำได้ว่าเป็นนักปราชญ์ ก่อนที่นักปราชญ์จะพบเห็นเขา ไป่ฉีรีบซ่อนตัวไว้
นี่เป็นวันที่สามที่ไป่ฉีมาอยู่ที่เมืองไถแล้ว
ตอนเช้าไป่ฉีได้ถามพ่อบ้านแล้วว่าเว่ยอี้หรานจะกลับมาเมื่อไร
พ่อบ้านโกหกบอกว่าจะกลับมาวันนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมาถึงเวลาไหน
ได้ยินพ่อบ้านพูดแบบนี้ ไป่ฉีก็รู้อยู่ในใจว่า วันนี้เขาก็อาจจะรอเก้ออีกตามเคย
อย่างที่ไป่ฉีคาดไว้ไม่ผิด เกือบค่ำแล้วก็ยังไม่เห็นเว่ยอี้หรานกลับมา
แต่กลับรอจนเจอนักปราชญ์โผล่มา ถือเป็นผลได้โดยไม่คาดคิด
ไอ้หมอนี่มาถึงที่นี่ คงไม่มีเรื่องดีแน่
ดังนั้น ไป่ฉีจึงครุ่นคิดว่าจะแจ้งเซียวเฉวียนทราบได้อย่างไร
คิดแล้วคิดอีก ไป่ฉีก็ตัดสินใจรอจนฟ้ามืดแล้วแอบออกไปข้างนอก ค่อยติดต่อกับเซียวเฉวียน
ด้วยความสามารถของไป่ฉี หลบคนพวกนี้แอบย่องออกไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเรื่องขี้ประติ๋ว
ที่ไป่ฉีไม่ออกจากนี่ไป เพราะต้องการวางยาชาให้กับเจ้าเมืองทั้งหลาย ให้พวกเขาใจกล้าๆ ไปแสวงหาที่ตายก็เท่านั้น
รอถึงเวลาค่ำมืดลมแรง ไป่ฉีก็หลบจากหูตามากมายของจวนเจ้าเมือง แอบย่องออกไปทางหลังคาอย่างเงียบๆ
“เจ้านาย” ทันทีที่เขาออกจากจวน ไป่ฉีก็ลองเชื่อมญาณกับเซียวเฉวียน
เกินความคาดหมาย เขาติดต่อได้ "ไป่ฉี ทางนั้นเป็นไงบ้าง ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...