ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1651

ทำไมถึงไปดึงหมิงเจ๋อมาเกี่ยวข้องด้วย?

ความบาดหมางระหว่างเซียวเฉวียนและหมิงเจ๋อ เจ้าครองนครอื่นๆไม่ได้รู้เรื่องราวนี้มากนัก

รู้แค่ว่าหมิงเจ๋อสังหารตระกูลเซียว และเซียวเฉวียนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของหมิงเจ๋อ

เพราะฉะนั้นในมุมมองของเว่ยหงเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้หมิงเจ๋อได้ผลประโยชน์มากกว่า

เขาได้สังหารตระกูลเซียว มีชีวิตผู้คนมากมายอยู่ในมือของเขาแต่เขากลับเสียแขนไปเพียงข้างเดียวถือว่าหมิงเจ๋อไม่ได้เสียเปรียบ

เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง เจ้าครองนครคนอื่นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอีก ดังนั้นเว่ยหงเลยอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ถึงแม้หมิงเจ๋อจะระงับความโกรธที่ต้องสูญเสียแขนไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ถึงกับต้องส่งกองกำลังทหารไปโจมตีราชวงศ์ต้าเว่ยเพื่อแก้แค้นเซียวเฉวียน

เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว จู่ๆ ก็มีความคิดแวบขึ้นมาในหัวของเว่ยหง ตั้งแต่ที่ฮองเฮาสำเร็จราชการและคำพูดที่ว่าทำลายอย่างน่าเวทนาของนักปราชญ์แล้ว เว่ยหงเดาว่าเซียวเฉวียนจะต้องทำอะไรหมิงเจ๋อหลังจากนั้นแน่ๆ เลยทำให้หมิงเจ๋อไม่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งซินเจียง

นอกจากหมิงเจ๋อแล้วก็ยังมีองค์ชายองค์อื่น ๆในซินเจียง มันไม่ใช่หน้าที่ของฮองเฮาที่จะมาปกครอง

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือฮองเฮาได้วางแผนยึดอำนาจการปกครอง

คำเลื่องลือที่ว่าฮองเฮาแห่งซินเจียงนั้นเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ และไม่แยแสต่อชื่อเสียงและความมั่งคั่ง แต่พระนางกลับตัดสินใจยึดอำนาจเช่นนี้ดูเป็นการกระทำที่ไม่ปกติ

อะไรที่ทำให้พระนางไม่ลังเลที่จะฝ่าฝืนกฎแม้ว่ามันผิดก็ยังตัดสินใจทำเช่นนี้ได้?

จากคำพูดของนักปราชญ์ เว่ยหงก็พอจะเดาสาเหตุได้ เขาจึงหรี่ตาลงแล้วถามว่า "ถ้าอย่างนั้น การแต่งตั้งฮองเฮาสำเร็จราชการก็เพื่อองค์ชายหมิงเจ๋องั้นเหรอ?"

นักปราชญ์พนักหน้าตอบรับ “ใช่แล้ว”

ด้วยเหตุนี้ทุกอย่างก็ได้คลี่คลาย

นักปราชญ์ไม่อยากจะเชื่อว่าที่เว่ยหงเปลี่ยนมาแสวงหาพันธมิตร เพียงเพราะต้องการตัวเซียวเฉวียนจริงๆ หรือ

แบบนี้ค่อยพูดง่ายๆหน่อย

เว่ยหงพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นท่านอาวุโสกลับไปเตรียมการเถิด”

ในเวลาเดียวกัน เว่ยหงบอกนักปราชญ์ว่าพวกเขากำลังเตรียมส่งทหารเพื่อไปโจมตีราชสำนักต้าเว่ยโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

พวกเขาร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก เมื่อทำการสำเร็จแล้วเว่ยหงจะจับเซียวเฉวียนส่งมอบให้กับนักปราชญ์ด้วยมือของเขาเอง

อย่างไรก็ตามเว่ยหงไม่ได้บอกกับนักปราชญ์เรื่องที่เซียวเฉวียนจะมาที่มู่อวิ๋น

เนื่องจากเวลาเร่งด่วน และนักปราชญ์ก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน จึงได้กล่าวคำอำลาเจ้าครองนครอื่นๆ แล้วเขาก็ออกเดินทางกลับไปยังซินเจียง

วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ไป๋ฉี่พำนักอยู่ที่จวนอ๋องไทโจว ไป๋ฉี่แกล้งถามพ่อบ้านว่า” พ่อบ้าน ท่านอ๋องยังไม่กลับมาเหรอ?”

พ่อบ้านยิ้มอย่างประจบประแจงแล้วพูดว่า”นายพลไป๋ ท่านอ๋องเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ เขาบอกว่าเขาจะกลับมาวันนี้ เขาจะกลับมาแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าจะมีอะไรบางอย่างทำให้เขาเสียเวลาระหว่างทาง”

ในเวลานี้ มีเด็กรับใช้เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดเดินโซชัดโซเซจากข้างนอกเข้ามาแล้วพูดว่า "แย่แล้ว พ่อบ้านแย่แล้ว"

พ่อบ้านขมวดคิ้ว จ้องไปที่เด็กรับใช้ และพูดด้วยความโกรธว่า "อะไร! พ่อบ้านแย่แล้ว? ข้าสุขสบายดี!"

“เจ้าพูดจาอะไร!

“พูดสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เมื่อเด็กรับใช้วิ่งเข้ามาก็เห็นว่าขาและเท้าของเขาคล่องแคล้วมาก

เห็นได้ชัดว่าเลือดบนตัวเขาไม่ใช่ของเขา

เด็กรับใช้กลืนน้ำลายในลำคอ แล้วพูดว่า "ท่านอ๋องถูกลอบสังหารระหว่างเดินทางกลับมา ไม่ทันระวังตัวถูกนักฆ่าทำร้ายได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่บาดแผลไม่ได้ร้ายแรงแต่ต้องทำแผลก่อนจึงทำให้กลับมาล่าช้า"

“ท่านอ๋องรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ทำให้นายพลไป๋ต้องรอ จึงส่งข้าน้อยมารายงานให้ทราบก่อน”

หลังจากฟังคำเด็กรับใช้จบ ไป๋ฉี่ก็เข้าใจว่าพวกเขากำลังแสดงละครกันอยู่

ไม่ใช่เพราะเว่ยอี้หรานหาข้ออ้างไม่อยากมาปรากฎตัวมากกว่า

เพื่อรั้งตัวไป๋ฉี่ให้อยู่ที่จวนแห่งนี้ แม้แต่กลอุบายที่เงอะงะก็ถูกนำมาใช้

ทันทีที่เด็กรับใช้เข้ามา ไป๋ฉี่ก็เห็นว่าเลือดบนร่างกายของเขาไม่ใช่เลือดของเขา มันไม่ใช่แม้แต่เลือดมนุษย์

ไป๋ฉี่ยังสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเลือดมนุษย์กับเลือดสัตว์ได้

ไป๋ฉี่กล่าวอย่างสงบว่า "เมื่อเป็นเช่นนี้ คิดว่าท่านอ๋องคงจะไม่สามารถกลับมาได้อีกสักพักหนึ่ง พ่อบ้านเจ้าไปรายงานท่านอ๋องให้เขาพักผ่อนรักษาร่างกายให้หายก่อน ข้าจะกลับไปที่รัฐมู่อวิ๋นก่อน "

“หลังจากออกมาหลายวัน เอกสารทางการของมู่อวิ๋นคงกองพะเนินเทินทึกเหมือนภูเขาแล้ว”

เกี่ยวกับฉากละครที่พ่อบ้านและเด็กรับใช้แสดงไปเมื่อสักครู่นี้ ไป๋ฉี่มองออกแต่ไม่อยากถือสา

พ่อบ้านก็มีสีหน้าลำบากใจ เขามองดูเด็กรับใช้แล้วพูดว่า “ท่านอ๋องมีแจ้งหรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

เดิมทีเขายังคงคิดว่าถ้าไป๋ฉี่จะไปจริง ๆ เขาจะหยุดไป๋ฉี่อย่างไรดี?

ทันทีที่ไป๋ฉี่จากไปส่งข่าวให้เสี่ยวฉวน คิดมาทำลายแผ่นการใหญ่ของพวกท่านอ๋องเหรอ แม้ว่าพ่อบ้านจะมีเก้าชีวิตก็ยังคงไม่เพียงพอให้เขาตาย!

โชคดีที่วิญญาณบรรพชนคุ้มครอง ดีที่ไป๋ฉี่อยู่ต่อ

วิญญาณบรรพชนช่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!

ด้วยเหตุนี้ ไป๋ฉี่จึงอยู่ในจวนของเจ้าครองนครต่อไปอีกหนึ่งวัน

เขาก็อยากจะดูว่าพรุ่งนี้พ่อบ้านจะหาข้ออ้างอะไรมาพูดอีก

ปรากฎว่า ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ก่อนที่ไป๋ฉี่จะไปถามพ่อบ้านว่าเว่ยอี้หรานจะกลับมาเมื่อใหร่ พ่อบ้านก็มาที่ประตูบ้านของไป๋ฉี่ด้วยตัวเองและบอกไป๋ฉี่ว่า "นายพลไป๋ ข้าน้อยต้องขออภัยจริงๆ ฝั่งท่านอ๋องเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน คงจะกลับในหนึ่งชั่วยามนี้ไม่ได้”

“เพื่อไม่เป็นการถ่วงเวลาการทำงานของท่าน ท่านอ๋องขอให้ท่านกลับไปที่มู่อวิ๋นก่อน วันหน้าท่านอ๋องจะไปที่มู่อวิ๋นเพื่อขอโทษท่านด้วยตัวเอง”

ดูสิ นายพลอย่างข้ามีเกรียติขนาดไหน ขนาดที่ท่านอ๋องจะไปขอโทษข้าด้วยตัวเอง

เจ้าควรจะซาบซึ้งและขอบคุณสินะ

เมื่อไป๋ฉี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดอย่างสงบว่า "ไม่เป็นไร ข้าไหว้วานพ่อบ้านไปบอกท่านอ๋องด้วยว่าวันหลังข้าค่อยมาที่นี่เพื่อขอบคุณท่านอ๋องที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี"

ครั้งนี้ต้องกลับไปแล้วจริงๆ

ดีที่พ่อบ้านมีเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ เขาสั่งให้คนรับใช้ยกอาหารเที่ยงเข้ามา ด้วยใบหน้าที่ประจบประแจงของเขาแล้วพูดว่า "นายพลไป๋ ทำไมท่านไม่รับประทานอาหารกลางวันก่อนออกเดินทางล่ะ?"

จะแสดงความเคารพสู้ทำตามคำสั่งดีกว่า ไป๋ฉี่ก็ตอบรับว่า” ได้ ขอบใจ”

เมื่อเห็นไป๋ฉี่หันกลับเข้าห้องไปเพื่อเตรียมกินอาหาร ใบหน้าของพ่อบ้านก็มีรอยยิ้มขึ้นมา

เว่ยอี้หรานส่งจดหมายมาให้พ่อบ้านคิดหาวิธีฆ่าไป๋ฉี่ซะ

ดังนั้นพ่อบ้านจึงวางยาพิษในอาหาร

ในช่วงเวลานี้ ก็มีคนที่เขาไม่เคยคิดก็ปรากฏตัวขึ้น

คนนั้นคือเซียวเฉวียน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย