มาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะเวลา
เซียวเฉวียนกล่าวออกมาว่า “ไป๋ฉี่ เอาอาหารออกมาให้เป็นรางวัลพ่อบ้าน”
ได้ยินเสียงของเซียวเฉวียน ไป๋ฉี่ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่นานเขาก็เข้าใจความหมายของเซียวเฉวียน ในอาหารมีพิษ?
เขาจ้องมองมาที่เซียวเฉวียนด้วยแววตาแห่งความสงสัย
เซียวเฉวียนพยักหน้าเพื่อคลายความสงสัยของไป๋ฉี่
ดูเหมือนว่าการตระหนักรู้ในการป้องกันของไป๋ฉี่จะต่ำเกินไป
แต่เมื่อผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว เขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาเอง
พ่อบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็บังคับให้ตัวเองมองไปที่เซียวเฉวียน “เจ้าเป็นใคร! บุกรุกเข้ามาในจวนอ๋องได้อย่างไร?”
เห็นได้ว่า การบุกรุกเข้าไปในจวนอ๋องนั้นมีโทษที่ร้ายแรงถึงตาย
ไม่ต้องพูดว่าพ่อบ้านไม่รู้จักเซียวเฉวียน แม้แต่เจ้าครองนครทั้งห้าก็ยังไม่รู้จักเซียวเฉวียนด้วยซ้ำ
แม้พ่อบ้านจะได้ยินมาว่าวันนี้เซียวเฉวียนจะเดินทางไปรัฐมู่อวิ๋น แต่ที่เขาจะไปคือรัฐมู่อวิ๋น ดังนั้นพ่อบ้านจึงไม่คิดว่าคนที่อยู่ด้านหน้าของตัวเองนั้นคือเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว เขาพูดออกไปว่า “ฉันก็คือเซียวเฉวียนที่พวกเจ้าคอยระแวดระวังอยู่ไง”
รูปร่างหน้าตาของเซียวเฉวียนเป็นอย่างไรยังไม่รู้ แต่คิดจะป้องกันตัวจากเซียวเฉวียน ป้องกันบ้าอะไร!
เมื่อได้ยินว่าเขาคือเซียวเฉวียน พ่อบ้านตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก ดวงตาเบิกกว้าง จ้องเขม็งไปที่ เขาตกใจจนริมฝีปากสั่นเทา
คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเซียวเฉวียนคือญาติที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันไปนาน พ่อบ้านถึงได้ตื่นเต้นถึงขนาดนี้
คิดจะวางยาพิษไป๋ฉี่?
ไป๋ฉี่ยกมือขึ้นหยิบอาหารยัดเข้าไปในปากของพ่อบ้าน
ทันทีที่พ่อบ้านรู้สึกตัว เขาคิดจะคายอาหารที่อยู่ข้างในออกมา
แต่ไป๋ฉี่จะมอบโอกาสเช่นนั้นให้กับเขาได้อย่างไร ไป๋ฉี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากดศีรษะ มืออีกข้างปิดปากของพ่อบ้าน ไม่ยอมปล่อยพ่อบ้านจนกว่าเขาจะกลืนอาหารพวกนั้นเข้าไป
พ่อบ้านรีบเอานิ้วล้วงเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็ว ต้องการที่จะเอาอาหารเหล่านั้นออกมา
ไป๋ฉี่มองเขาด้วยสายตาอันเยือกเย็น พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “อย่าเสียเวลาเลย ต่อให้เจ้าคายออกมา ตรงนี้ก็ยังมีเหลืออยู่”
ความหมายของมันก็คือ วันนี้คือวันตายของเจ้า
ได้ยินเช่นนั้นพ่อบ้านก็มองไปที่เซียวเฉวียนและไป๋ฉี่ด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็หันหลัง รีบวิ่งไปหยิบยาถอนพิษ ขอแค่กินยาถอนพิษเข้าไปให้ทันเวลา เท่านั้นก็สามารถถอนพิษได้
พ่อบ้านวิ่งไปพร้อมกับตะโกนว่า “ทหาร! มีนักฆ่าบุกเข้ามา!”
ในเมื่อเซียวเฉวียนมาที่นี่แล้ว งั้นเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เซียวเฉวียนได้กลับออกไป!
เขาวิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ร่างของไป๋ฉี่ก็หายไปจากที่เดิม ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขาชั่วพริบตา แสงดาบจิงหุนอันแวววับสะท้อนออกมา สะบั้นลงไปที่คอของเขา ไม่มีการพูดคุย ศีรษะของพ่อบ้านหลุดออกจากบ่า
เลือดสาดกระเซ็นในทันใด ปกคลุมไปทั่วร่างของพ่อบ้าน
พ่อบ้านยังไม่ทันได้ตอบโต้ ร่างกายของเขาก็ล้มลงไปบนพื้นแล้ว
ดาบนี้ถือเป็นการมอบความสุขให้กับเขา
ไม่ต้องรอความตายที่ทุกข์ทรมานจากพิษ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมานอีกมากเพียงใด
องครักษ์ในจวนอ๋องที่ได้ยินเสียงก็เข้ามาพร้อมกับถือดาบไว้ในมือ จ้องมองฉากที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกตกใจกับฉากที่เกิดขึ้นไม่น้อย
พ่อบ้านเป็นคนที่มีวรยุทธ์ติดตัว และวรยุทธ์ของเขาก็ไม่ธรรมดา
แต่ไป๋ฉี่กลับสามารถสังหารเขาได้โดยที่เขายังไม่ได้ตอบโต้เลยด้วยซ้ำ
ความแข็งแกร่งของไป๋ฉี่นั้นอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา!
องครักษ์ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะลอง พวกเขาชี้ดาบไปที่ไป๋ฉี่และเซียวเฉวียน แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปด้านหน้า
พ่อบ้านตายไปแล้ว เว่ยอี้หรานเองก็ยังไม่กลับมา ในจวนอ๋องขาดผู้น้ำ ไร้ซึ่งกระดูกสันหลังที่คอยค้ำจุน
สู้ ยังไงก็ต้องสู้ พวกเขาทุกคนได้รับคำสั่งมาแล้ว แต่พวกเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ในตอนที่เว่ยอี้หรานอยู่ในจวนอ๋อง เว่ยอี้หรานคือคนที่ใหญ่ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา
เว่ยอี้หรานไม่อยู่ คนที่ใหญ่ที่สุดก็คือพ่อบ้าน ทุกสิ่งก็จะขึ้นอยู่กับพ่อบ้านแทน
นี่คือกฎของจวนรัฐไทโจว สิทธิในการสั่งการนั้นจะต้องอยู่ในมือของลูกผู้ชาย
พวกเขาได้ยินความเก่งกาจของเซียวเฉวียนมาตั้งนานแล้ว มีข่าวลือว่าเซียวเฉวียนสามารถเอาชนะชาวยุทธ์แท้ของเว่ยเชียนชิว และสามารถเอาชนะเว่ยเชียนชิวที่เป็นผู้นำของชาวยุทธ์แท้ได้
แถมยังเป็นคนที่สามารถทำลายผนึกจูเสินได้
คนแบบนี้ พวกเขาจะกล้ายั่วยุได้อย่างไร?
แต่พวกเขาคือทหารแห่งจวนรัฐไทโจว หากพวกเขายอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้ พวกเขาจะกลายเป็นคนขี้ขลาดและขาดอุปนิสัยของความเป็นทหารไปหรือไม่?
เซียวเฉวียนรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาพูดออกมาว่า “อุปนิสัยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทุกคนต่างเป็นราษฎรของต้าเว่ยเหมือนกัน เหตุใดจะต้องฆ่าฟันกันเองด้วย? แต่หากเป็นการต่อสู้ต่างเผ่าพันธุ์ เวลานั้นถึงจะควรเอาความเป็นทหารออกมาใช้เพื่อต่อสู้และปกป้องบ้านเมือง”
ความขัดแย้งภายในไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด
จะต่อสู้กันเองเพื่ออะไร มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขไม่ดีอย่างนั้นหรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกองครักษ์ก็รู้สึกว่าคำพูดของเซียวเฉวียนมีเหตุผลเป็นอย่างมาก
บางคนถึงกับเริ่มเก็บดาบและมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ใต้เท้าเซียว ข้าไม่ต่อสู้กับท่านแล้ว ท่านอย่าทำร้ายข้าเลย”
สาเหตุหลักก็คือ เขาไม่อาจเอาชนะเซียวเฉวียนได้
เขาทำได้เพียงฝากความหวังและภาวนาให้เจ้าครองนครพ่ายแพ้ให้กับราชสำนัก
มีเพียงเท่านี้ที่พวกเขาจะสามารถปกป้องชีวิตของตนเองเอาไว้ได้
ไม่อย่างนั้น หากเจ้าครองนครเป็นฝ่ายชนะ องครักษ์อย่างพวกเขาก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
เซียวเฉวียนกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางโกหกพวกเจ้า”
เชื่อในคำพูดของเซียวเฉวียน มันคือสิ่งที่ถูกต้อง!
เมื่อมีคนแสดงทัศนคตินี้ออกมา องครักษ์คนอื่นก็เริ่มทยอยทำตาม เก็บอาวุธในมือของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้เอง เซียวเฉวียนสามารถควบคุมสถานการณ์ในจวนรัฐไทโจวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมันราบรื่นกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
จากนั้นเซียวเฉวียนก็ให้ไป๋ฉี่เป็นคนควบคุมและสั่งการรัฐไทโจวเป็นการชั่วคราว
ส่วนตัวเขาก็เดินทางไปยังรัฐหวู่โจว ใช้วิธีการเดียวกันในการจัดการกับจวนรัฐหวู่โจว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...