จวนอ๋องแห่งรัฐหวู่โจวคือสถานที่หลักของเว่ยหง
เว่ยหงเป็นคนมีฐานะร่ำรวยในเมืองนี้ ดังนั้นการวางกำลังป้องกันในจวนอ๋องจึงเข้มงวดกว่าจวนรัฐไทโจวมาก
ทำให้ที่จวนแห่งนี้มีการนองเลือดขององครักษ์มากกว่าจวนรัฐไทโจว
ทันทีที่เห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเซียวเฉวียน ไม่สนว่าเซียวเฉวียนเป็นใคร ภายใต้คำสั่งของพ่อบ้าน เหล่าองครักษ์เข้ามาล้อมเซียวเฉวียนไว้ จากนั้นก็ลงมือกับเขาอย่างรุนแรง
จำนวนขององครักษ์แห่งจวนอ๋องรัฐหวู่โจวนั้นก็มีมากกว่าจวนอ๋องรัฐไทโจวถึงสองเท่า
ต้องบอกเลยว่า เว่ยหงผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงๆ
สิ่งที่เขากลัวก็คือสิ่งนี้ เขาถึงทิ้งองครักษ์พวกนี้ไว้ในจวน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่มาสร้างปัญหา!
คนแก่นั้นมีประสบการณ์มากกว่าอย่างที่คิด ทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังเป็นอย่างดี จัดเตรียมทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม
แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะวางแผนไว้รอบคอบเพียงใด เขาก็คงคาดไม่ถึงว่าเซียวเฉวียนจะมาที่นี่ด้วยตัวเองถูกไหม?
เซียวเฉวียนจัดการองครักษ์เหล่านั้นอย่างใจเย็น พร้อมกับพูดออกมาว่า “ข้าคือเซียวเฉวียน และข้าก็เดินทางมาที่รัฐหวู่โจวแห่งนี้ตามคำสั่งของฝ่าบาท”
คำสั่งของฝ่าบาทที่เซียวเฉวียนกล่าวถึงเป็นเพียงข้อแก้ตัว เรื่องนี้เซียวเฉวียนคิดขึ้นได้อย่างกะทันหัน เขาไม่ได้เคยพูดคุยกับฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน และหลังจากคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้เขาก็ไม่ได้รายงานให้ฝ่าบาททรงทราบ
อย่างไรเสียเรื่องนี้ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เซียวเฉวียนจะรายงานให้เขารู้ก่อนหรือหลังก็มีค่าเท่ากัน
เมื่อได้ยินว่าคือเซียวเฉวียน เหล่าองครักษ์ก็ยิ่งโจมตีรุนแรงมากขึ้น
พ่อบ้านเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ เตรียมพร้อมรอจังหวะในการโจมตี หวังว่าจะจัดการเซียวเฉวียนให้อยู่หมัดภายในคราวเดียว
เจ้าตัวดี เจ้าครองนครยกทัพไปเมืองหลวงแล้ว เวลานี้ที่เมืองหลวงก็น่าจะได้รับข่าวนี้แล้ว
แต่เซียวเฉวียนกลับใช้โอกาสนี้ในการเดินทางมายังจวนของเจ้าครองนคร
การกระทำของเขาเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนจริง!
และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะเดินทางมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่ได้พาทหารมาแม้แต่คนเดียว เขาบุกเข้ามาต่อสู้เพียงลำพัง
แบบนี้มันจะดูถูกกันเกินไปหรือเปล่า!
องครักษ์แห่งจวนเจ้าครองนครผู้สง่างาม พวกเขามีจำนวนหลายพันชีวิต คิดว่าจะจัดการกับเซียวเฉวียนเพียงคนเดียวไม่ได้งั้นหรือ?
เซียวเฉวียนประเมินตัวเองสูงเกินไป!
ครั้งนี้พ่อบ้านจะทำให้เซียวเฉวียนได้รู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายให้กับความโอหังคืออะไร และไม่มีวันปล่อยให้เขากลับไปตามที่เขาปรารถนา!
คำสั่งของฝ่าบาทบ้าอะไร อ๋องทั้งหลายพากันยกทัพไปเมืองหลวงแล้ว พวกเขาจะไปสนใจฝ่าบาทเพื่ออะไร!
พ่อบ้านตะโกนออกมาดังลั่น “จัดตัวเซียวเฉวียนให้เร็วที่สุด!”
กล้าเดินทางมายังรัฐหวู่โจว เดินมาหาพวกเขาด้วยตัวเอง แบบนี้ก็ดี!
เมื่อเสียงเงียบลง เหล่าองครักษ์ก็เหมือนกับเลือดขึ้นหน้า พวกเขาโจมตีใส่เซียวเฉวียนอย่างดุเดือด
เซียวเฉวียนชักดาบจิงหุนออกมา ป้องกันการโจมตีจากเหล่าองครักษ์อย่างสบายใจ พร้อมกับพูดอย่างเยือกเย็นว่า “รัฐไทโจวอยู่ในกำมือของราชสำนักแล้ว รัฐหวู่โจวเองก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าอย่าได้ต่อสู้ให้เปล่าประโยชน์เลย!”
ว่ากันว่าวีรบุรุษคือผู้ที่มองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ก่อนหน้านี้มีรัฐไทโจวเป็นตัวอย่างแล้ว การที่พวกเขายอมแพ้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่หยาบคาย
คำพูดแห่งความหวังดีดังออกมา แต่เมื่อเข้าไปในหูของพ่อบ้านและเหล่าองครักษ์ มันกลับกลายเป็นคำพูดที่น่าอับอาย
อะไรคือต่อสู้ไปก็เปล่าประโยชน์ ปากดีนักนะ!
เขาเซียวเฉวียนคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะคนหลายพันคนได้ด้วยมือสองข้างของเขางั้นหรือ?
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักประมาณตน!
ต่อให้เขาจะมีความอดทนมากแค่ไหน แต่สองมือก็ไม่มีทางเอาชนะสี่หมัดได้!
วันนี้พวกเขาจะทำให้เซียวเฉวียนได้รู้ว่า อะไรคือความพ่ายแพ้ของกองทัพที่เย่อหยิ่ง!
และจะทำให้เขารู้สึกเสียใจกับความเย่อหยิ่งของตัวเขาเอง!
“เหล่านี่น้องทั้งหลาย! จัดการมัน! ขอแค่จับตัวเซียวเฉวียนมาได้ พวกเราก็ชนะแล้ว!” พ่อบ้านตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจเหล่าองครักษ์
ในตอนนั้น ในจวนเต็มไปด้วยแสงดาบ จิตวิญญาณแห่งการฆ่าฟันพลุ่งพล่านออกมาจากเหล่าองครักษ์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเซียวเฉวียนได้
ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอ หากเป็นคนฉลาก แค่มองก็สามารถตัดสินได้
แต่พ่อบ้านก็ยังมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก คิดว่าพวกจะสามารถจับตัวของเซียวเฉวียนได้เป็นแน่
แม้แต่พ่อบ้านเองก็ยังสำลักน้ำลายด้วยความหวาดกลัว จ้องมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ตอนนี้พ่อบ้านถึงจะตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เซียวเฉวียนนั้นไม่ได้คิดที่จะลงมือกับพวกเขา!
ทันทีที่ลงมือ ความเหี้ยมโหดของเขานั้นน่ากลัวเกินกว่าคำบรรยาย!
เซียวเฉวียนยืนอยู่ห่างจากพวกเขาประมาณหนึ่งเมตร มองดูพวกเขาอย่างเย็นชาพร้อมกับเลิกคิ้ว “ทำไมงั้นหรือ ยังอยากจะสู้อยู่ไหม?”
เหล่าองครักษ์พากันหันมามองที่พ่อบ้าน พ่อบ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตะโกนออกไปอย่างหนักแน่น “จัดการมัน!”
เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ จะยอมแพ้เพียงเพราะมีคนเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเซียวเฉวียนไม่ได้
บางทีเซียวเฉวียนอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ได้ อาจเป็นเพราะเมื่อสักครู่องครักษ์ยังไม่ทันตั้งตัว เขาถึงฉวยโอกาสนั้นในการลงมือ
ใช่ มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่
องครักษ์ได้ยินเช่นนั้นก็บุกเข้าไปทันที!
ชั่วพริบตา เสียงการปะทะกันของดาบดังขึ้น ดังกึกก้องไปทั่วทั้งจวนอ๋อง
เสียงการต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!
ผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป เสียงการต่อสู้ทั้งหมดก็หายไป
องครักษ์ทุกคนจ้องมองดาบที่เหลือเพียงครึ่งเดียวในมือของตัวเอง พวกเขาตกใจ ตื่นตระหนกจนพูดไม่ออก มันน่าตกใจเหลือเกิน
เซียวเฉวียนทำได้ยังไง?
แค่ระยะเวลาสั้นเพียงครึ่งก้านธูป ดาบที่อยู่ในมือขององครักษ์ทุกคนก็หักเป็นสองท่อน!
เซียวเฉวียนมองดูผลงานชิ้นเอกของตัวเองด้วยใบหน้าดูถูก เขาพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “เอายังไงต่อ? ยังจะสู้อีกไหม?”
ใครบอกว่าสองหมัดเอาชนะสองมือไม่ได้?
ต่อให้พวกเจ้ามีเป็นพันคนแล้วมันยังไง?
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซียวเฉวียน หากพวกเจ้าเชื่อฟังก็สิ้นเรื่อง แต่หากไม่เชื่อฟัง สิ่งที่รออยู่ก็คือความโชคร้ายเป็นธรรมชาติ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...