การทำให้ใครโกรธจนตายนั้นถือเป็นความถนัดของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนเก็บซ่อนความเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง เลิกคิ้วขึ้นอย่างมีความหมายและมองดูอ๋องด้วยความเยาะเย้ย เขาพูดขึ้นว่า “เว่ยเชียนชิวเป็นราชาแห่งชาวยุทธ์แท้ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แล้วจะยิ่งไปกว่านั้นได้อย่างไร”
อย่าเสียเวลาเลย
เจ้าท้าทายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ตอบโต้ข้าก็ถือว่าข้าให้หน้าเจ้าแล้ว อย่าให้หน้าเจ้าแล้วอย่าถือหน้า
ถึงตอนนั้นข้าจะตอบโต้จนเจ้าจำพ่อแม่ตัวเองไม่ได้ คงสายเกินไปแล้ว
เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า พักก่อนเถอะ เด็กน้อย
อย่าเสียเวลา อัปยศตัวเอง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความดูถูก ฮ่องเต้ก็หน้าแดงขึ้น เขาหันศีรษะไปตะโกนเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้ายังยืนนิ่งอยู่ทำไม! รีบมาฆ่าเขาซะ!”
จริงสิ ตาบอดไปเลย
สู้ไม่ได้แต่ยังอยากจะสู้ต่อ คิดจะขอความช่วยเหลือ คิดจะเอาชนะด้วยจำนวนคน
แต่ ขออภัย!
ทันใดนั้น เซียวเฉวียนก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
เซียวเฉวียนเดินออกไปเพราะไม่อยากให้พ่อบ้านและองครักษ์ที่ยอมแพ้ต้องลำบาก
การเดินทางครั้งนี้ เซียวเฉวียนเปลี่ยนแผนกะทันหัน
เพราะเขาพบว่าครอบครัวของขุนนางเหล่านี้ล้วนแต่ดื้อรั้นมาก
และเซียวเฉวียนไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์
ท้ายที่สุดแล้ว วังหลังก็มีคนบริสุทธิ์อยู่เสมอ
นอกจากนี้ เซียวเฉวียนยังพบว่าทหารรักษาการณ์ในวังในขณะนี้มีไม่มากนัก หากต้องการยึดคืนในภายหลังก็ไม่ยาก
รอให้ขุนนางพ่ายแพ้ ปล่อยให้ฮ่องเต้ส่งคนมาจัดการเรื่องนี้ ปล่อยให้ครอบครัวที่ดื้อรั้นชักใย
เหมือนผู้หญิงคนนี้ ช่างดื้อรั้นจริงๆ
เซียวเฉวียนเป็นชายร่างใหญ่ เขาไม่อยากจะมีปัญหากับผู้หญิง
ไปแล้ว ๆ
แต่ก่อนไป เซียวเฉวียนส่งสายตาให้องครักษ์และคนใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ เตือนพวกเขาว่าอย่าตกใจและเล่าความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
มิฉะนั้น ภรรยาของขุนนางจะไม่ปล่อยพวกเขาไป
องครักษ์และคนใช้เข้าใจดี พวกเขาส่งสายตาตอบกลับเซียวควง
เซียวเฉวียนสื่อสารด้วยสายตากับองครักษ์และพ่อบ้านอย่างลับๆ
มองดูเซียวเฉวียนหายไปต่อหน้าต่อตา พวกท่านอ๋องและหวังเฟยต่างก็โกรธจนตาเหลือก โดยเฉพาะพระนางและท่านอ๋องที่อายต่อหน้าคนอื่นๆ ยิ่งโกรธเข้าไปอีก
ทั้งสองคนระบายความโกรธใส่องครักษ์ “ไอ้คนไร้ประโยชน์!”
มองดูเซียวเฉวียนกลั่นแกล้งคนอื่นโดยไม่ช่วย
นายท่านบอกว่าเป็นไอ้คนไร้ประโยชน์ แน่นอนว่าองครักษ์ไม่กล้าโต้แย้งแม้แต่คำเดียว
พวกเขาก้มหน้าลงปล่อยให้นายท่านของพวกเขาด่าทอ
การสูญเสียชีวิตเทียบกับการถูกด่าว่าเป็นอะไร
หลังจากออกจากจวนเจ้าเมืองหวู่โจวแล้ว เซียวเฉวียนก็กลับไปที่รัฐมู่อวิ๋น
สายลับที่เว่ยอี้หรานวางไว้ในวังหลวงของรัฐมู๋อวิ๋นได้ถอนตัวออกไปพร้อมกับเจ้าครองนครเมื่อพวกเขาออกทัพ
เจ้าครองนครและรัฐมู่อวิ๋นเป็นพันธมิตรกัน ตามหลักการแล้ว พวกเขาควรเรียกร้องให้รัฐมู่อวิ๋นส่งทหาร
แต่พวกเขาก็รู้ว่าไป๋ฉี่เท่านั้นที่เป็นแม่ทัพของรัฐมู่อวิ๋นหากต้องการส่งทหาร จะต้องให้ไป๋ฉี่มาด้วยตัวเอง
แต่ไป๋ฉี่ถูกเว่ยอี้หรานกักขังไว้ที่รัฐไทโจว ดังนั้น เจ้าครองนครจึงตัดขั้นตอนนี้ออกไป
ยังไงก็ตาม เจ้าครองนครวางแผนกันว่า หากพวกเขาก่อกบฏสำเร็จ พวกเขาจะไม่ให้มณฑลมู่หยุนได้รับประโยชน์ใด ๆ เลย พวกเขาจะผนวกรัฐมู่อวิ๋นด้วย
ดังนั้น ข้อกำหนดเดียวที่พวกเขามีต่อรัฐมู่อวิ๋นคืออย่าสร้างความวุ่นวาย
การที่ไม่มีใครต้องการทหารจากมณฑลมู่หยุนนั้นดียิ่งกว่า เซียวเฉวียนยังสามารถประหยัดความกังวลได้
เมื่อขึ้นสู่สนามรบ หากสงครามเริ่มต้นขึ้นและทหารของตระกูลฉินเปิดฉากยิง ทหารของเจ้าครองนครจะเร็วกว่ากระสุนไม่ได้
เซียวเฉวียนกับเจินฮ่าวจึงออกเดินทางทันทีมุ่งหน้าสู่ทิศทางของเมืองหลวง
เมื่อพวกเขาไปถึง ทั้งสองกองทัพก็เกือบจะเผชิญหน้ากันแล้ว ตรงเวลาพอดี
ครึ่งทางระหว่างเมืองหลวงและรัฐมู่อวิ๋น
ทหารของกองทัพตระกูลฉิน ได้จัดเตรียมไว้แล้ว รอให้กองทัพของเจ้าครองนคร มาถึง
ตลอดทาง พวกสายลับที่ติดตามพวกเขาถูกทหารของกองทัพตระกูลฉินจัดการอย่างไร้ร่องรอย
ดังนั้น จึงไม่มีใครส่งข่าวให้เจ้าครองนคร เจ้าครองนคร จึงไม่รู้ว่าทหารของกองทัพตระกูลฉินได้ซุ่มโจมตีไว้แล้ว
ห่างจากค่ายใหญ่ของทหารของกองทัพตระกูลฉิน สามกิโลเมตร กองทัพของเจ้าครองนคร ที่กำลังรุกอยู่นั้น ทันใดก็หยุดลง
เนื่องจากมีสายลับที่ออกสำรวจเส้นทางกลับมารายงานว่า “ท่านอ๋อง ข้างหน้าพบทหารของกองทัพตระกูลฉิน”
อะไรนะ?
ทหารของกองทัพตระกูลฉินปรากฏตัวอย่างลึกลับในพื้นที่ใกล้เคียง เว่ยหงรู้สึกตกใจ แต่เขาก็ไม่แสดงอารมณ์ เขาหรี่ตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แน่ใจแล้วหรือ?”
กองทัพขนาดใหญ่ของทหารของกองทัพตระกูลฉินออกจากเมืองหลวงและปรากฏตัวที่นี่ พวกเขากลับไม่ได้รับข่าวแม้แต่น้อย นี่เป็นไปไม่ได้สิ
สายลับกล่าวว่า “ขอรับท่านอ๋อง แท้จริงแล้วเป็นกองทัพตระกูลฉิน”
หน้าเต็นท์ยังมีตัวอักษรตัวใหญ่ว่าฉิน หากไม่ใช่กองทัพตระกูลฉินแล้วจะเป็นใครอีก?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหล่าเจ้าเมืองต่างก็ไม่ดีนัก รวมถึงเว่ยหงด้วย เขาไม่สามารถรักษาความสงบบนใบหน้าได้อีกต่อไป สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง
การที่กองทัพตระกูลฉินปรากฏตัวที่นี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอพวกเขาอยู่
เห็นได้ชัดว่าแผนการกบฏของพวกเขาได้รั่วไหลออกไปแล้ว ราชสำนักได้เตรียมพร้อมแล้ว และกำลังรอพวกเขามาติดกับ
ในเวลานี้ เว่ยหงก็เข้าใจแล้วว่า “ข่าวที่ว่าเซียวเฉวียนจะมาที่รัฐมู่อวิ๋นก็น่าจะถูกปล่อยออกมาโดยเจตนา"
จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้เหล่าเจ้าครองนครรีบยกทัพ
ไม่คาดคิดว่า พวกเขาคิดคำนวณกันมาตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ถูกเซียวเฉวียน และราชสำนักเอาเปรียบอยู่ดี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...