เว่ยอี้หรานไม่เชื่อ
เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบ “อยู่ได้ไม่นาน ท่านอ๋องคงจะได้ข่าวแล้ว จวนเจ้าเมืองไทโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนักแล้ว”
“บัดนี้ไป๋ฉีเข้าควบคุมวังแห่งรัฐไป๋ฉีแล้ว ส่วนพ่อบ้านของท่าน หัวรั้นไม่ยอมจำนน บัดนี้สิ้นลมหายใจแล้ว”
เรื่องที่เหนือความคาดหมายคือ เจ้าจับกุมไป๋ฉี ณ จวนเจ้าเมืองไทโจว ถือว่าชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
ฟังจบ เว่ยอี้หรานได้แต่มองเซียวเฉวียนด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เจ้าควรหยุดพูดจามั่วซั่ว เจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้แล้วเราจะกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
จวนเจ้าเมืองไทโจวใรทหารเฝ้าประจำการไม่ขาด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ ต่อให้ไป๋ฉีจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถโค่นจวนเจ้าเมืองไทโจวได้
ต้องเป็นเซียวเฉวียนผู้มอมเมาใจคน
เซียวเฉวียนเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านอ๋องไม่ต้องเชื่อก็ได้ ตอนนี้จวนเจ้าเมืองไทโจวเสียพ่อบ้านและองครักษ์ไปบางส่วนแล้ว การบาดเจ็บล้มตายไม่ถือว่าร้ายแรงนัก”
“ท่านควรซาบซึ้งในตัวข้า หาไม่ใช่เพราะข้าเห็นอกเห็นใจพวกเขา ใช้เหตุผลเป็นหลัก ทำให้พวกเขาปล่อยวาง ผลลัพธ์จึงไม่เป็นเช่นนี้”
“ถึงอย่างไร ท่านอ๋องก็อยากได้ชีวิตของไป๋ฉีอยู่แล้ว เพียงแต่ไป๋ฉีเป็นพี่น้องของข้า ข้าทำได้เพียงปล่อยให้พ่อบ้านที่ถูกวางยารับผลกรรมนั้น ไร้การนองเลือดในวัง”
หากเซียวเฉวียนอยากนองเลือด องครักษ์นับพันจะขวางเซียวเฉวียนและไป๋ฉีได้อย่างนั้นหรือ?
ฝันไปเถอะ!
ได้ยินดังนั้น เว่ยอี้หรานจึงอดเชื่อคำพูดของเซียวเฉวียนไม่ได้ เขาสั่งให้พ่อบ้านฆ่าไป๋ฉี หากเซียวเฉวียนไม่ไปจวนเจ้าเมืองไทโจว เขาไม่มีทางรู้แน่
เขาเชื่อว่าเซียวเฉวียนช่วยชีวิตไป๋ฉี และเชื่อว่าเซียวเฉวียนควบคุมจวนเจ้าเมืองไทโจวได้
แต่แล้วอย่างไร?
เว่ยอี้หรานยังคงไม่เชื่อว่าพวกเขาจะยอมจำนน เซียวเฉวียนปล่อยครอบครัวของพวกเขา
เซียวเฉวียนกลัวว่าอนาคตครอบครัวของเจ้าครองนครจะกลับมาแก้แค้นเข้าสินะ?
แค่ความเฉลียวฉลาดของเซียวเฉวียน เขาคิดไม่ถึงแน่นอน เขาไม่มีทางเก็บภัยพิบัติใหญ่หลวงเช่นนี้ไว้กับตัวเองแน่นอน
แม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่เว่ยอี้หรานก็ไม่มีอะไรจะพูด
ตรงกันข้ามกลับเป็นเว่ยหง เขามองเซียวเฉวียนด้วยนัยน์ตาสับสนพลางครุ่นคิดในใจ เชื่อว่าไป๋ฉีควบคุมจวนเจ้าเมืองไทโจวได้ชั่วคราว นั่นหมายความว่าเซียวเฉวียนไปจวนเจ้าเมืองหวู่โจวจริง ๆ ส่วนสาเหตุที่เซียวเฉวียนไม่เข้าควบคุมจวนเจ้าเมืองหวู่โจวนั้น เรื่องนี้ไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือ เซียวเฉวียนมีความสามารถในการเข้าควบคุมจวนแต่เพียงผู้เดียว
เขายกมือกดปืนในมือของเว่ยหยานที่กำลังจ่อหน้าเซียวเฉวียนลงอย่างเงียบ ๆ ปืนไม่ได้มีอิทธิพลสำหรับเซียวเฉวียน อย่าเสียแรงเปล่า
แต่ในที่สุดเว่ยหงก็ตัดสินใจ พวกเขาไม่ยอมจำนนง่าย ๆ ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีทางหนีทีไล่
ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด รอข่าวจากนักปราชญ์
ตราบใดที่นักปราชญ์เตรียมการแล้ว เหล่าเจ้าครองนครก็อาจจะพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้เป็นคว้าชัยชนะ
เขาก็ยังไม่เชื่อ ภายใต้สถานการณ์ที่ศึกภายในและภายนอกยังไม่สงบ เซียวเฉวียนก็ยังอยู่ที่นี่อย่างสงบได้?
กองทัพฉินก็ยังตั้งทัพอยู่ที่นี่?
หึ!
เหล่าเจ้าครองนครจะฉวยโอกาสทันทีที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์สับสน
ด้วยปืนของพวกเขา!
ต่อไม่มีปืน ก็ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ และบีบเคล้นเมืองหลวงได้เหมือนกัน
ทันทีที่แย่งปืนมาจากกองทัพฉินได้ เท่ากับชนะไปต่อหนึ่งแล้ว
คิดได้ เว่ยหงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เราหารือเรื่องนี้กันได้นะ?”
ต้องใช้ลูกไม้ถ่วงเวลาเสียแล้ว
เซียวเฉวียนโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่ท่านอ๋องอยากถ่วงเวลารอฟังข่าวจากซินเจียงหรอกหรือ?”
ฟังจบ ในใจของเว่ยหงก็อดเต้นรัวไม่ได้ แต่สีหน้ากลับทำเหมือนไม่มีอะไร “ข่าวซินเจียงอะไร? ข้าไม่เข้าใจ”
ต่อให้ราชินีจะทรงตรัสว่าเจ้าครองนครแห่งต้าเว่ยกำลังก่อกบฏ นั้นถือเป็นโอกาสที่ดียิ่ง ขุนนางในราชสำนักของซินเจียงไม่คิดเช่นนี้ การกบฏของเหล่าเจ้าครองนครแห่งต้าเว่ยเป็นเรื่องของต้าเว่ย กำลังทหารจองราชสำนักแห่งต้าเว่ยแข็งแกร่งมาก แม้แต่เจ้าครองนครยังรับมือไม่ได้เชียวหรือ?
หากซินเจียงคิดจะใส่ร้ายป้ายสี อาจจะโดนสาดความผิดใส่ตัวเองได้ตลอดเวลา
โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางแห่งราชสำนักและต้าเว่ยเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ไม่มีทางฉวยโอกาสช่วงอลหม่านแน่นอน
แต่ราชินีไม่รู้เป็นอะไร นางตัดสินใจแน่วแน่ยืนหยัดจะเปิดศึกกับต้าเว่ย
ในซินเจียง ขุนนางได้แต่ทัดทาน แต่ไม่มีสิทธิ์ขัดขวางการตัดสินใจของผู้เป็นนาย
ฮ่องเฮาอยากเปิดศึกกับต้าเว่ย ทำลายความเป็นมิตรของสองเมือง เหล่าขุนนางพูดจนน้ำลายแห้ง ก็ยังยกเลิกความคือของราชินีไม่ได้
เหล่าขุนนางหมดปัญญา
ดังนั้นทางฝั่งซินเจียงจึงตัดสินใจจะเปิดศึกกับต้าเว่ย
บรรยากาศในราชสำนักเริ่มขุ่นมัว
ภายใต้ความขุ่นเคือง ขุนนางได้เผยแพร่ข้อมูลนี้ออกไป หมายจะให้ชาวบ้านช่วยกันขัดขวางการออกศึกของราชินี
กษัตริย์แห่งซินเจียงในสมัยโบราณไม่ฟังการโน้มน้าวของขุนนาง แต่กลับทนการวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านไม่ได้
เหตุผลมีข้อเดียว น้ำช่วยพยุงเรือได้ก็ล่มเรือได้เช่นกัน
กษัตริย์กลัวชาวบ้านเสียสติ ต่างลุกขึ้นฮือ ตัวเองผู้เป็นกษัตริย์ล่มชาติ กลายเป็นคนผิดชั่วนิรันดร์
แต่เหล่าขุนนางประเมินจิตใจของราชินีต่ำเกินไป ไม่ว่าเสียงคัดค้านของชาวบ้านจะดังเพียงใด นางก็ยังยึดมั่นในเส้นทางของตัวเอง ตัดสินใจออกศึก
คนรอบตัวไม่รู้ว่าเหตุใดราชินีถึงทำเช่นนี้ เหมิงเอ้ารู้ดี
ร้อยทั้งร้อยเพื่อแก้แค้นให้หมิงเจ๋อ
พูดได้ว่า เรื่องที่ราชินีออกศึกครานี้ พุ่งเป้าไปที่เซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...