เหมิงเอ้ารู้ดี แต่เหมิงเอ้ารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดกับคนซินเจียง
ถึงอย่างไรคนซินเจียงก็ไม่เคยเจอลักษณะในตอนนี้ของหมิงเจ๋อกับตาตัวเอง ไม่ว่าเหมิงเอ้าจะพูดอย่างไรไม่เพียงแต่ไม่เชื่อแล้ว ยังคิดว่าเหมิงเอ้ายังปล่อยข่าวลืออีกด้วย กล่าวหาองค์รัชทายาทหมิงเจ๋อผู้สูงศักดิ์ของพวกเขา
มองเหมิงเอ้าเป็นตัวประหลาด ต้องรับมือกับเหมิงเอ้า
เหมิงเอ้ายังคงเฝ้ามองพฤติกรรมของสำนักหมิงเซียนอยู่ในซินเจียงต่อไป อยู่ในอาณาจักรของผู้อื่น มีเรื่องให้น้อยนับว่าดีที่สุดแล้ว
แค่เหมิงเอ้านำเรื่องที่ซินเจียงเปิดศึกกับต้าเว่ยบอกเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนมีแผนรับมืออย่างแน่นอน
ใช่ ในใจของเหมิงเอ้า เซียวเฉวียนมีความมหัศจรรย์นั้น
ต่อให้เรื่องที่ซินเจียงเปิดศึกกับต้าเว่ยเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหมิงเอ้ากลับรู้สึกว่าไม่ใหญ่ เพราะเขามีเซียวเฉวียนอยู่เบื้องหลัง
เรื่องที่ว่าใหญ่เทียมฟ้า ยามอยู่ในมือของเซียวเฉวียน ย่อมได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
เซียวเฉวียนหนีออกมาจากเกาะจูเสิน ล้มเว่ยเชียนชิวได้ ทำลายผนึกจูเสินได้ ทำให้เจี้ยนจงจำผู้เป็นนายได้!
แต่ท่าทางนั้น!
ในสายตาของเหมิงเอ้า เว้นแต่จะตั้งครรภ์ ไม่มีเรื่องอะไรที่ยากเกินความสามารถของเหมิงเอ้า
ด้วยเหตุนี้ หลังจากมั่นใจข่าวนี้แล้ว เหมิงเอ้าร่วมมือกับเซียวเฉวียน บอกเรื่องนี้กับเซียวเฉวียน
ห่างกันหนึ่งแสนแปดพันลี้ สิ้นเปลืองพลังมาก
สรุปใจความสั้น ๆ หลังจากที่เหมิงเอ้าบอกเรื่องสำคัญกับเซียวเฉวียนแล้ว สองนายบ่าวก็สิ้นสุดสัมพันธ์กันทันที
พอได้ยินการรายงานของเหมิงเอ้า ในที่สุดเหมิงเอ้าก็รู้สาเหตุที่นักปราชญ์ตามหาเหล่าเจ้าครองนครแล้ว
ที่แท้ก็รออยู่ที่นี่นี่เอง
คิดจะปั่นหัวเปิดศึกทั้งภายในและภายนอก ฆ่าคนในราชสำนักต้าเว่ยอย่างคาดไม่ถึง?
เหอะ!
เซียวเฉวียนจะยอมเหมือนพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
ได้ยินว่าเซียวเฉวียนรู้เรื่องนี้ ใบหน้าของเว่ยหงไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใด
เซียวเฉวียนมีองครักษ์สองคน ไป๋ฉีอยู่รัฐไทโจว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเหมิงเอ้า
คิดว่าเหมิงเอ้าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
เท่าที่เจ้าครองนครรู้ เหมิงเอ้าไม่ปรากฏตัวในเมืองหลวงมาสักระยะหนึ่งแล้ว
ตอนนั้นพวกเขากำลังเป็นกังวลว่าเหมิงเอ้าไปไหน ดูจากตอนนี้ เซียวเฉวียนรู้เรื่องที่ซินเจียงจะเปิดศึกกับต้าเว่ยแล้ว เกรงว่าเหมิงเอ้าอาจจะอยู่ในซินเจียง ข่าวนี้เป็นข่าวที่เหมิงเอ้ากระจายออกมาจากซินเจียง
ต้องบอกว่า เซียวเฉวียนไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
ส่งคนออกไปเป็นสายลับอยู่ในซินเจียงก่อนแล้ว
แต่แล้วอย่างไรเล่า?
บัดนี้กองทัพซินเจียงบีบเข้ามาถึงชายแดนของซินเจียงแล้ว เซียวเฉวียนพึ่งรู้ว่าต่อให้ส่งทหารไปตอนนี้ก็ไม่ทันการณ์แล้ว
เกรงว่าศึกครานี้คงจบไม่สวย!
คิดได้เช่นนี้ มุมปากของเว่ยหงจึงกระตุกเหยียดยิ้มเย็นชาอย่างอดไม่ได้
ดูสิว่าครานี้เซียวเฉวียนและฮ่องเต้จะมีความสามารถมากน้อยเพียงใด ดูสิว่าพวกเขาจะดูแลทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่ จะเอาชนะได้หรือไม่!
สำหรับการทรยศที่เซียวเฉวียนกล่าวนั้น เซียวเฉวียนไม่มีหลักฐานใด ๆ การเอาผิดย่อมไม่สำเร็จ
ไม่สิ ต่อให้เซียวเฉวียนจะมีหลักฐาน ราชสำนักแห่งต้าเว่ยก็คงเอาผิดพวกเขาไม่ได้
เพราะมีกองทัพซินเจียงคอยหนุนหลัง กองทัพแห่งเจ้าครองนครย่อมชนะอย่างไม่ต้องสงสัย!
ครั้นเห็นใบหน้าของเจ้าครองนครแสดงออกถึงความพอใจอย่างไม่ปิดบัง เซียวเฉวียนได้แค่ยิ้มเยาะเย็นชา ก่อนเอ่ย “ท่านอ๋องทรงตรัสว่าข้าไม่มีหลักฐาน ท่านอ๋องทรงเข้าใจผิดแล้ว แม่ทัพไป๋เห็นนักปราชญ์เข้าไปในจวนผู้ครองรัฐไทโจวกับตาตัวเอง”
“สถานการณ์คับขันเช่นนี้ พวกท่านไปพบนัปราชญ์อย่างลับ ๆ คงอยากระลึกความหลังกันสินะ? พูดเช่นนี้ เกรงว่าท่านจะไม่เชื่อ!”
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ การเจอกันของเจ้าครองนครกับนักปราชญ์ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ถึงอย่างไรต้าเว่ยและซินเจียงสองแคว้นก็เป็นพันธมิตรต่อกัน เจ้าครองนครสนิทกับคนซินเจียงเป็นอย่างดี จะเป็นพันธมิตรกับนักปราชญ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เขามีความสามารถทำให้เจ้าครองนครเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตาของราษฎร์ได้
ทำให้เว่ยหงรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
เซียวเฉวียนพูดถูก หากคนส่วนน้อยตำหนิการกบฏของพวกเขา แต่พวกเขาควบคุมได้
แต่หากทุกคนตำหนิการกบฏของพวกเขา มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา
แต่เดิมทีพวกเขาส่งทหารออกไปบีบเคล้นฮ่องเต้แล้ว ซึ่งพวกเขาคิดตามหลักทำนองคลองธรรม จึงไม่ถูกชาวโลกวิจารณ์
จากคำกล่าวของเซียวเฉวียน พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะโน้มน้าวชาวบ้าน
คำกล่าวของเซียวเฉวียน แค่เข้าหูชาวบ้าน ต่อให้ยุยงอย่างไร ชาวบ้านก็เชื่อไปแล้วว่าเหล่าเจ้าครองนครมีใจคิดร้าย เป็นผู้ร้ายตัวฉกาจที่ทำลายสันติภาพ!
กระทั่งเกลียดพวกเขาเข้ากระดูกดำ!
เช่นนี้ต่อให้เหล่าเจ้าครองนครโจมตีเมืองหลวง เรื่องราวก็คงไม่ราบรื่นอย่างที่พวกเขาคาดคิดไว้
ต้องพูดว่า เซียวเฉวียนเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
แต่ต่อให้พูดเช่นนี้ ตอนนี้เหล่าผู้ครองนครไม่มีทางเลือกอ่านแล้ว
พวกเขารอข่าวจากซินเจียง จากนั้นก็ค่อยวางมือ!
ในตอนนี้เอง ทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “รายงาน!”
ทหารคนนี้เข้ามาพร้อมกับนกพิราบหนึ่งตัวในมือ
ทหารยื่นนกพิราบให้เว่ยอี้หรานอย่างนอบน้อม ก่อนเอ่ย “ท่านแม่ทัพ ข้าพบนกพิราบหนึ่งตัว”
ขาของนกพิราบมีสารฉบับหนึ่ง
เว่ยอี้หรานรับนกพิราบไป ก่อนหยิบสารนั้นออกมาดู บนหน้าเขียนว่า “ราชินียอมออกศึก อีกสองวันเปิดศึก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...