กล่าวคือ ห้ามฆ่าพวกเขาเด็ดขาด หากจับตัวได้ก็ต้องปล่อยพวกเขาไป
สิ่งที่เซียวเฉวียนต้องการคือ การที่พวกเขามีชีวิตอยู่
ตราบใดที่พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาจะหนีไปสุดขอบโลกแค่ไหน เซียวเฉวียนก็จะตามหาพวกเขาเจอในวันใดวันหนึ่ง
ฉินเซิ้งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวเมื่อพูดถึงการจากไปของผู้นำทัพตระกูลเซียว แม้แต่เขาที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ในสนามรบ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการจากไปของผู้นำทัพของผู้นำตระกูลเซียวนั้นน่าสลดจนกว่าหาคำที่สามารถบรรยายออกมาได้
เป็นหน้าที่ของหารที่จะต้องออกรบ ปกป้องประเทศชาติของตนเอง การเสียชีวิตในสนามรบถือเป็นการกระทำที่กล้าหาญ สำหรับผู้ที่เป็นทหาร อาจมองว่านี่เป็นเรื่องของโชคชะตาที่ถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจแต่อย่างใด
สิ่งที่ทำให้รู้สึกเศร้าใจจริง ๆ นั้น ไม่ใช่การที่ถูกฝ่ายศัตรูฆ่าตาย แต่กลับเป็นถูกคนในฝ่ายตัวเองฆ่าให้ตาย เลือดที่ไหลรินออกมาจากคิ้ว ทำให้วิญญาณของนักรบไม่สงบสุขถึง15ปี
ในเมื่อมีคนที่กล้าทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาสมควรถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ด้วยมีดหลายพันเล่ม และแทงด้วยลูกธนูนับพัน!
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่าเสียดาย!
เมื่อเขารู้ว่าเซียวเฉวียนสงสัยในตัวเว่ยหงและเว่ยเยี้ยนว่ามีส่วนในการสกัดผู้นำทัพตระกูลเซียว ฉินเซิ้งรู้ดีว่าเขาควรทำอย่างไร เขาพูดบอกให้เซียวเฉวียนวางวางใจว่าเขาจะรักษาชีวิตของพวกเขาไว้แน่นอน
หลังจาที่เซียวเฉวียนพูดว่า “อืม” เขาก้ได้พูดต่ออีกว่า “’งั้นข้าฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้าแล้วนะ ข้าจะกลับเมืองหลวงเพื่อหารือกับฝ่าบาทเรื่องการต่อกับกองทัพทางฝ่ายตะวันออก”
หากเป็นเรื่องที่เร่งด่วนก็สมควรที่เดินทางไปหารือด้วยตนเอง จากที่ไปยังเมืองหลวงใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก
เหตุการณ์เกี่ยวกับชายแดนเป็นเรื่องที่เร่งด่วน จากการคาดเดาของเซียวเฉวียน เขาต้องเดินทางไปเพื่อนแจ้งให้ทหารรับราบ
ด้วยการเตรียมตัวล่วงหน้า
จึงฝากให้ฉินเซิ้งดูแลที่นี่แทน
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วฉินเซิ้งได้พูดขึ้นว่า: “อย่ากังกลเลยท่านเซียว ที่นี่ฝากไว้ให้ข้าดูแลเถอะ”
หลังจากนั้นเซียวเฉวียนก็ได้เดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับเจินห่าว
เจินห่าวเป็นคนที่ความสามารถ เขาสามาใช้ปืนเป็น การที่พาเจินห่าวไปด้วยนั้น เขาสามารถสอนทักษะการใช้ปืนเพิ่มเติมให้กับเหล่าทหารได้
เมื่อพูดถึงค่ายทหารของฝ่าบาทแล้ว เว่ยหงได้เขียนจนหมายถึงนัก ในจดหมายปรากฏข้อความว่า: “เซียวเฉวียนรู้เรื่องเกี่ยวกับพันธมิตรของพวกเราแล้ว หวังว่าท่านจะเตรียมการให้ดีล่ะ”
เพียงข้อความเพียงบรรทัดเดียว เซียวเฉวียนก็รู้ว่าภายในอีกสองวันข้างหน้าจะมีการทำสงครามใหญ่กับกองทัพฝ่ายตะวันออก
นักบุญควรตัดสินใจและเตรียมการให้พร้อมอยู่เสมอ
ที่อยู่ของเซียวเฉวียนนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ บางทีเขาอาจะไปที่ชายแดนเพื่อฝึกฝนทหารเหล่านั้น
หากเขาไปที่ชายแดน อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ยังไงก็ตามแล้ว เซียวเฉวียนเป็นคนที่ยากจะรับมือด้วย
สิ่งที่เว่งหงไม่เคยคิดคือเซียวเฉวียนได้เริ่มเดินทางไปยังเมืองหลวงแล้ว
ภูเขาหมิงเซียนให้ภูมิภาคตะวันตก
นักบุญแสดงสีหน้าที่พร้อมแล้วด้วยความเย่อหยิ่ง
แม้ในตอนนี้ทางฝ่ายตะวันตกกำลังมีปัญหากันในเรื่องการส่งทหารเข้าโจมตีราชวงศ์เว่ย แต่การโจมตีจะเริ่มขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า เกรงว่าข่าวนี้จะยังไม่ไปถึงเมืองหลวงต้าเว่ย
เมื่อท้องพระโรงในเมืองต้าเว่ยได้รับข่าว กองทัพทางฝ่ายเหนือก็ได้เริ่มโจมตีขึ้นแล้ว
ถึงตอนนั้นกองทัพฝ่ายตะวันตกก็สมารถโจมตีราชวงศ์เว่ยได้อย่างราบคาบ
กองทักทางฝ่ายตะวันสามารถชนะการสู้ได้ในครั้งแรก ด้วยการยึดเมืองชายแดนของราชวงศ์เว่ย และการชนะครั้งแรกทำให้เหล่ากองทัพได้นับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
กองทัพราชวงศ์เว่ยจะต้องเสื่อมสลายจนในที่สุด
ถึงตอนนั้นเซียวเฉวียนก็กลับมาช่วยอะไรไม่ทันแล้วล่ะ
ช่วงเวลานี้เหมิงอ้าวเติบโตขึ้นอย่างมาก และได้ทำให้พ่อแม่วางใจแล้ว กล่าวคือเขาได้จัดเรื่องนี้ได้อย่างดีมาก
เซียวเฉวียนไม่ได้บอกเขาเลยด้วยซ้ำเกี่ยวกับสถาณการณ์ที่เกิดขึ้น เขาแอบสืบความเองทั้งหมด
เหมิงอ้าวสมกับเป้นคนที่เซียวเฉวียนพามาด้วยจริง ๆ
เซียวเฉวียนพูดขึ้นว่า: “เจ้าเดินทางไปยังหลงฉวน และแพร่กระจายข่าวนี้ให้พวกเขาได้ใจ ก่อนจะเตรียมกองทัพให้พร้อม”
กองทัพฝ่ายตะวันออกจะเดินทางเข้ามาในอีกสองวัน บอกให้กองทัพที่ตั้งจุดไว้ยังหลงฉวนไม่ต้องตื่นตระหนก เมื่อข้าไปถึงหลงฉวนข้าจะส่งสัญญาณด้วยการยิงปืนขึ้นหนึ่งนัดด้วยกัน
เหมิงอ้าวรีบตอบ: “รับทราบขอรับ!”
แสงนี้มีไว้สำหรับการพบเจอคนสำคัญที่ทุกคนหวนคิดถึง
ในช่วงที่ถูกปล่อยตัวมาไม่มีเดือน เหมิงอ้าวมักจะหวนแต่คิดถึงเซียวเฉวียน
เขาไม่พบเซียวเฉวียนมานานแล้ว
ในเมื่อพบเจอเซียวเฉวียนแล้ว เหมิงอ้าวย่อมดีใจเป็นธรรมดา
แม้จะพบเจอกันเพียงเพราะการสู้รบ แต่เขาก็ดีใจอยู่ไม่น้อย
มีเซียวเฉวียนคอยดูแลและสนับสนุนในเรื่องการใช้อาวุธปืน เพียวเท่านี้เขาก็วางใจอยู่ไม่น้อย
เดิมทีเหมิงอ้าวเป็นคนที่สบาย ๆ ไม่กังวลกับเรื่องอะไร เมื่อเขาได้รับความคิด การสนับสนุนที่ดีจากเซียวเฉวียน และการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ เดือนแล้ว ทำให้เขานั้นมีกำลังใจในการสู้รบมากยิ่งขึ้น
ต่อให้ฟ้าดินจะถล่มลงมา เขาก็จะสู้จนถึงที่สุด
เมื่อกล่าวเยี่ยงนี้นี้แล้ว เขารีบออกเดินทางไปยังหลงฉวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...