ในสายตาของทุกคนเขาน่าชื่นชมมาโดยตลอด แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นเขาก้ไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เหมิงเอ้า เจ้ากับเจ้าชายเจินจงออกไปสอนวิธีใช้ปืนแก่ทุกคน”
เดิมทีทหารของประตูน้ำมังกรคิดว่าเจินฮ่าวเป็นสาวคนสนิทของเซียวเฉวียน ถึงแม้รู้สึกว่าเขาน่าทึ่งแต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะมอง เพราะยังมีความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่างอยู่
อีกทั้งยังเป็นคนที่เซียวเฉวียนแนะนำมา หากจะให้จ้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นคงจะเสียมารยาทมากเกินไป
แต่เมื่อครู่ได้ยินว่าเจ้าชายเจิน เจ้าชายอย่างงั้นเรอะ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
ทุกคนก็เริ่มที่จะมองไปยังเขาแถมยังบ่นในใจว่าใบหน้าที่สวยงามเช่นนี้ จะเป็นผู้ชายได้อย่างไร?
อะไรกัน?
ไม่มีเหตุผลสิ้นดี!
แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะมีเหตุผลหรือไม่ หลังจากที่ได้รับคำสั่งของเซียวเฉวียนก็ต้องตามเพ่ยหลินไปที่ลานฝึก
ในขณะเดียวกัน เซียวเฉวียนก็หันไปพูดว่า “ท่านแม่ทัพทำไมไม่ตามไปล่ะ?”
ไม่ต้องรอให้เวียวเฉวียนพูดหรอก ต่อให้เซียวเฉวียนไม่พูดแม่ทัพก็ต้องไปอยู่ดี อยากจะรู้เหมือนกันว่าฝีมือปืนของเซียวเฉวียนจะเก่งกาจแค่ไหน
แม่ทัพพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไปสิ”
เมื่อพูดจบทั้งสองก็เดินกันไปที่สนาม
เมื่อไปถึงสนาม เซียวเฉวียนก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ชุนเซียวถูออกมา”
ชุนเซียวถูออกมาอย่างสง่าผ่าเผย และอยู่อย่างเงียบๆเพื่อรอคำสั่งต่อไปของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนพูดต่อ “แจกปืนให้พวกเขาคนละอัน”
เมื่อได้ยินดังนั้นชุนเซียวถูก็กางปีกออกและโบยบินออกไป และในระหว่างที่อยู่บนฟ้าก็ทิ้งปืนมาให้คนที่อยู่ข้างล่างทีละคน
แต่ปืนเหล่านี้ไม่มีลูกปืน
เพราะฉนั้นจึงหมดห่วงว่าทหารเหล่านี้จะใช้ยิงมั่วซั่ว
ชุนเซียวถูก็เคลื่อนไหวเร็วมากพอที่จะสามารถจำหน่ายปืนทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
เมื่อมั่นใจแล้วว่าทุกคนได้ปืนครบ ชุนเซียวถูก็ค่อยแจกจ่ายลุกกระสุน
เมื่อแจกจ่ายทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชุนเซียวถูก็ถอยกลับไปที่ด้านหลังของเซียวเฉวียน
พลทหารที่ไม่เคยเห็นชุนเซียวถูต่างก็จ้องมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ
พระเจ้า!
นี่เป็นเพียงแค่รูปวาดเท่านั้น!
แต่สามารถมีพลังได้ถึงเพียงนี้!
พวกเขาจ้องมองไปที่กุญแจมือของเซียวเฉวียนเป็นเวลานาน
จนเหมิงเอ้าเองก็สัมผัสได้ และตระโกนออกไปว่า “ทุกคนมองมาที่ข้าและใส่กระสุน”
เมื่อพูดจบเหมิงเอ้าและเจินฮ่าวต่างก็สาธิตให้ดูพร้อมกัน
และพูดต่อว่า “หลังจากใส่กระสุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปากกระบอกจะต้องชี้ไปทางเป้าพร้อมที่จะยิง และเมื่อลั่นไกลคนเหล่านั้นก็จะถูกฆ่า”
พูดจบเหมิงเอ้าก็หันกระบอกปืนออกไปและลั่นไกล แสดงให้เห็นภาพฉากยิงเป้า
“ปัง!” หลังจากเสียงสิ้นสุดลง ลูกกระสุนก็ได้เจาะทะลุที่กลางเป้าเรียบร้อย และยังมีควันดินปืนโชยออกมา
ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะส่งเสียงออกมา “ว้าว!”
พวกเขามองไปที่เป้าและตกตะลึงอยู่นาน
นี่มันอาวุธเทพสงครามแบบไหนกัน ถึงได้มีความเก่งกาจถึงเพียงนี้?
แต่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาพึ่งจะเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก
ถึงจะเก่งกาจเพียงไหน แต่เสียงของมันก็ดังแสบแก้วหูมากเลยทีเดียว
พวกทหารที่อยู่ใกล้กับเหมิงเอ้าก็เหมือนหูดับกันไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นพวกเขาอุดหูด้วยสัญชาตญาณ เหมิงเอ้าก็อธิบายต่อว่า “พวกเจ้าได้ยินครั้งแรกอาจจะรู้สึกตกใจ แต่อีกไม่นานก็จะชินไปเอง”
นักปราชญ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันก็คงเป้นเพียงกลอุบายขู่เราเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งใดน่าเกรงกลัว”
นักปราชญ์คิดว่าค่ายทหารของประตูมังกรน้ำเพียงแค่อยากสร้างความปลุกปั่นให้คนฝ่ายซินเจียงกลัวเพียงเท่านั้น
พฤติกรรมลึกลับพวกนี้เหมาะกับนิสัยของเซียวเฉวียนที่สุด
นักปราชญ์คิดเช่นนี้แต่กลับกันเซียวเฉวียนไม่ได้เพียงแต่จะสร้างความลึกลับให้หวาดกลัวเท่านั้น
เวลาจะทำอะไรเซียวเฉวียนทำจริงมาตลอด
การที่นักปราชญ์คิดแบบนั้นช่างดูถูกศัตรูตนเองจริงๆ
และเพราะว่าพวกเขาประเมินกำลังศัตรูต่ำเกินไป ทำให้ไม่ได้มีใครสนใจที่จะไปสำรวจที่ประตูมังกรน้ำด้วยตนเอง
หากเขาไม่ได้ประหม่า ก็ไม่ยากที่จะรู้ความจริง
แค่เพียงเขาไปก็จะได้เห็นว่าทหารข้างในกำลังเตรียมการอะไรกัน และจะรู้ว่าอาวุธเหล่านั้นไม่ธรรมดา
เขาจะได้พิจารณาใหม่ว่าควรจะต้องโจมตีอย่างไร
แต่น่าเสียดายที่ชีวิตจริงไม่มีคำว่าถ้า มีแต่คำว่าผลลัพธ์
นักปราชญ์จะได้รู้ทีหลังว่าการดูถูกศัตรูของเขา ทำให้พวกเขาต้องพบกับหายนะ
และสายเกินไปที่จะเสียใจแล้ว!
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายหลัง
แม่ทัพแห่งซินเจียงก็ยังคงกังวลว่า “ทางฟากนู้นจะมีกลอุบายใดมาหลอกเราอีกหรือไม่”
“ไม่เช่นนั้นเราลองส่งคนไปตรวจสอบดูก่อนไหม?”
นักปราชญ์กระซิบเบาๆ“พวกนั้นจะมีกลอุบายใดได้? ท่านแม่ทัพกังวลมากไปหรือไม่”
“หากการทำนายถูกต้อง ตอนนี้เซียวเฉวียนคงจะอยู่ในสนามฝึกซ้อม และไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้คนของเราได้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์เป็นแน่”
หรือจะพูดได้ว่า 90% ของข่าวที่สายสืบเราได้รับมานั้น เป็นเพียงเปลือกนอกของเซียวเฉวียนเท่านั้น หาใช่ความจริงไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...