เซียวเฉวียนไม่ได้คาดเดาผิด ปรมาจารย์หวัง รู้จริง ๆ ว่าเซียวเฉวียน มีหญ้าอสุราอยู่
สาเหตุที่เขาไม่อยากส่งชาวยุทธ์แท้ออกรบ นอกจากไม่อยากให้ชาวยุทธ์แท้ปรากฏต่อสายตาของสาธารณชนแล้ว
ยังกังวลว่าเซียวเฉวียน จะใช้หญ้าอสุราต่อต้านกองทัพ
หากกองทัพถูกเซียวเฉวียน ทำลาย หัวใจของนักปราชญ์ ที่ใช้เวลามาหลายปีก็สูญเปล่า
ตั้งแต่หลอกให้ชาวยุทธ์แท้มาอยู่ในมือจนถึงการจัดวางและปลอบโยน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
นักปราชญ์จ่ายไปมากมาย
เขาย่อมไม่อยากปล่อยให้หัวใจของเขาสูญเปล่า
ดังนั้น ตราบใดที่มีเซียวเฉวียนอยู่ นักปราชญ์จะไม่ปล่อยให้ชาวยุทธ์แท้ปรากฏตัว
เว้นแต่นักปราชญ์ จะพบหญ้าอสุราของเซียวเฉวียน ทำให้เซียวเฉวียน ไม่สามารถคุกคามชาวยุทธ์แท้ได้
ทำไมเซียวเฉวียน ถึงมีความคิดนี้ เพราะเซียวเฉวียน รู้ว่านักปราชญ์ มีช่องทางในการได้รับข่าวกรอง
เมื่อก่อนเพื่อเว่ยเชียนชิวหาหญ้าอสุรา แทบจะบ้าคลั่งให้คนหา ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต ย่อมมีคนรู้แน่ว่าเซียวเฉวียน มีหญ้าอสุรา
ดังนั้น นักปราชญ์ รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
นี่ก็เป็นเหตุผลที่เซียวเฉวียน เชื่อมโยงเรื่องนี้กับเรื่องที่ว่าทำไมนักปราชญ์ถึงทราบข่าวการกบฏของห้าเจ้าครองเมืองอย่างลับๆ
จากเรื่องนี้ สามารถเห็นได้ว่า นักปราชญ์ไม่เพียงตั้งจุดรวบรวมข่าวกรองในซินเจียงเท่านั้น แต่ยังตั้งมากในราชวงศ์เว่ย และแม้กระทั่งในคุนหลุน
พูดง่ายๆ ก็คือ ทั่วทั้งใต้หล้าอยู่ในสายตาของเขา การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของแต่ละประเทศ เขาสามารถรู้ได้ทันท่วงที
เซียวเฉวียน ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ จึงรู้ว่างานข่าวกรองของสำนักหมิงเซียนทำออกมาได้ดีมาก
แม้แต่ราชสำนักราชวงศ์เว่ย ก็ไม่มีเขาดี
ท้ายที่สุด ฮ่องเต้ทราบข่าวการกบฏของห้าราชาใหญ่ช้ากว่านักปราชญ์
ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงคิดว่า หลังจากสงครามสิ้นสุดลงแล้ว จำเป็นต้องกำจัดสายลับของทุกฝ่ายที่แทรกซึมอยู่ในราชวงศ์เว่ย
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนในที่ประชุมต่างแสดงท่าทีเห็นด้วย แต่แม่ทัพก็แสดงความไม่รู้ที่ต้องถาม “แต่สายลับก็แทรกซึมมานานแล้ว อยากจะจับพวกเขาออกมา คงจะยากนิดหน่อย”
สายลับที่แทรกซึมได้ลึกขนาดนี้ ย่อมได้หลอมรวมเข้ากับชีวิตของประชาชนแล้ว สามารถแอบมองความลับของต้าเว่ยได้อย่างไม่รู้ตัว
ผู้คนมากมายเช่นนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือสายลับ ใครไม่ใช่
ในสมัยโบราณที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและเครื่องดักฟัง แน่นอนว่าการจับสายลับที่แทรกซึมมานานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เรื่องยากแค่ไหน ก็ต้องมีวิธีแก้ปัญหา
ถึงตอนนั้นค่อยๆ ตรวจสอบทีละคน จะต้องกำจัดได้
ทุกคนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ใช่แล้ว เซียวเฉวียนแม้แต่ผนึกจูเสินก็สามารถทำลายได้ เรื่องยากแค่ไหน เซียวเฉวียน ก็แก้ได้ ในแววตาของพวกเขา ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เอาชนะเซียวเฉวียน ได้
สรุปก็คือ เซียวเฉวียนออกโรงไม่มีปัญหา!
เซียวเฉวียนคือเข็มทิศของพวกเขา!
พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามดึกแล้ว
ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว
ดังนั้น ทุกคนก็กล่าวลากัน จากนั้นจึงกลับไปที่เต็นท์ของตน
ดวงอาทิตย์ขึ้นและขับไล่ความมืดมิดออกไป เริ่มต้นวันใหม่
สำหรับเหล่าเจ้าครองนครแล้ว สองวันนี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน
จากการคาดเดาคำพูดของเซียวเฉวียน เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียน รู้ดีว่ากองทัพซินเจียงจะโจมตีต้าเว่ย
ตามหลักแล้ว เซียวเฉวียน ควรจะรีบแจ้งข่าวนี้ให้ราชสำนักทราบ จากนั้นราชสำนักก็จะรีบระดมพล
ทำไมผ่านไปสองวันแล้ว แต่กองทัพฉินยังคงสงบสุข ทั้งที่กองทัพซินเจียงจะเปิดฉากการรบในวันพรุ่งนี้
มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...