และในพริบตาที่ทดลองตะโกนออกไปนั้น กองทัพตระกูลฉินก็จุดไฟในคลังเสบียง หลังจากนั้นก็หนีออกไป
ยิ่งตรงนี้มีจำนวนคนอยู่มาก หากว่าพวกเขาไม่หนีไป ก็ไม่อาจจะสู้จำนวนของกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้เลย
หากต้องสู้ ก็จะเป็นการวัดกำลังประจัญระหว่างสองทัพ เป็นการวัดกำลังกันอย่างแท้จริง
การเคลื่อนไหวนี้ ย่อมพาให้เจ้าผู้ครองนครทั้งห้าตระหนกตกใจ
เหล่าเจ้าผู้ครองนครมองคลังเสบียงที่ถูกขนถ่ายจนว่างไปครึ่งหนึ่งแล้วยังติดำฟ ภายในใจของพวกเขาก็ราวกับถูกฝูงม้านับหมื่นกระทืบจนสนั่นพังราบไปหมด!
พ่อแม่เมิงเถอะ!
กองทัพตระกูลฉินอันเกรียงไกรถึงกับลงมือขโมยเสบียงเช่นนี้ในยามค่ำคืนอย่างนั้นหรือ?
เจ้าผู้ครองนครพุ่งเข้าไปหมายดับไฟ
เสบีงนั้นเป็นของสำคัญที่จะต่อชีวิตของพวกเขาได้ หากว่าปล่อยให้ถูกไฟเผาไป ในสถานที่รกร้างห่างไกลเช่นนี้ พวกเขาจะกินอะไรกันล่ะ!
“ติดตามไป!”
เว่ยหงออกคำสั่ง
เมื่อครู่นั้นเขาได้ยินเสียงนั้นแล้วเช่นกัน เขาตัดสินได้ว่าในยามนี้กองทัพตระกูลฉินน่าจะเดินทางไปยังไม่ไกลนัก น่าจะติดตามเอาเสบียงกลับมาได้ส่วนหนึ่ง
เมื่อได้รับคำสั่ง กองทัพเจ้าผู้ครองนครก็พากันรีบร้อนมุ่งหน้าไปยังทิศที่มีเสียง
เมื่อเห็นคบเพลิงกำลังมุ่งมาทางนี้ กองทัพตระกูลฉินก็รีบเร่งฝีเท้า
เดิมที กองทัพตระกูลฉินไม่ได้จุดไฟเพราะไม่อยากทำให้กองทัพผู้ครองนครตกใจ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยแสงจันทร์ลงมือเอา
ในยามนี้คบเพลิงของกองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นจุดจนท้องฟ้าสว่างโร่ไปหมด กองทัพตระกูลฉินย่อมมองเห็นทางได้ชัดเจนมากขึ้น พวกเขาเองก็ออกเดินทางได้ว่องไวขึ้นเช่นกัน
กองทัพตระกูลฉินที่มาขโมยเสบียงทั้งหมดกลับมารวมตัวกันได้ในที่สุด พวกเขาทุ่มเทใตร่วมมือกันหอบเสบียงกลับไป
โชคดีที่กองทัพตระกูลฉินชำนาญทางเสียยิ่งกว่ากองทัพของเจ้าผู้ครองนคร ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรักษาระยะห่างจากกองทัพเจ้าผู้ครองนครที่ไล่ตามมาได้
กองทัพเจ้าผู้ครองนครเห็นว่าติดตามมาระยะหนึ่งแล้วยังไล่ตามไม่ทัน และยังไม่ทันเห็นกระทั่งเงาของกองทัพตระกูลฉินด้วยซ้ำ พวกเขาก็อดเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นไม่ได้ พากันวิ่งขึ้นมา
พวกเขาจำเป็นต้องไล่ตามกองทัพตระกูลฉินให้ทัน หากไล่ไม่ทันละก็ ครั้นพวกเขากลับไปคงจะต้องโดนเจ้าผู้ครองนครระเบิดโทสะ แค่นั้นไม่พอ กระทั่งชีวิตอาจจะไม่เหลือ!
กองทัพเจ้าผู้ครองนครที่เริ่มออกวิ่งนั้นสามารถร่นระยะห่างกับกองทัพตระกูลเซียวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง พวกเขาเห็นกระทั่งเงาร่างของกองทัพตระกูลฉินแล้วด้วยซ้ำ
“หยุดนะ!”
กองทัพเจ้าผู้ครองนครตวาดเสียงเย็น
กองทัพตระกูลฉินพอได้ฟังว่าศัตรูใกล้จะติดตามมาแล้ว ก็อดที่จะร่วมมือกันแบ่งงานขึ้นมาไม่ได้ คนส่วนหนึ่งเร่งเดินหน้าต่อ อีกส่วนหนึ่งมาคอยสะกัดเอาไว้ด้านหลัง
การหยุดนั้น
ย่อมเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
หากเปลี่ยนเป็นกองทัพเจ้าผู้ครองนคร กองทัพตระกูลฉินเรียกให้เจ้าหยุด เจ้าจะหยุดหรือไม่ละ
การหยุดก็เปรียบเสมือนการตายนั่นละ!
ใครจะโง่!
คบเพลิงที่เข้ามาใกล้นั้นได้สาดส่องให้เส้นทางข้างหน้าสว่างขึ้นไปอีก
พวกเขาก็ยิ่งหนีได้ไว้ขึ้น
แต่ว่าให้ไวเพียงใด กองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นพากันวิ่งมาก็ต้องมีจังหวะที่ไล่ตามทันกองทัพตระกูลฉินสักที
ดังนั้นแล้ว เมื่อเห็นกองทัพเจ้าผู้ครองนครกำลังไล่เข้ามาทัน กองทัพตระกูลฉินที่รับผิดชอบเรื่องการตัดตอนภายหลังนั้นพากันหันหน้าแล้วเล็งกระบอกปืนไปที่กองทัพเจ้าผู้ครองนครอย่างแม่นยำ ลั่นไกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!
ในช่วงดึกสงัดที่เงียบงัน พลันมีเสียงปืนดังขึ้น ผู้ที่ได้ยินนั้นตกใจสะท้านขวัญ
เสียงปืนนี้ กองทัพทั้งสองฝ่ายย่อมได้ยินกันทั่ว
กลับเป็นในยามที่เสียงร้องตะโกนสุดท้ายของกองทัพเจ้าผู้ครองนครที่ถูกยิงดังขึ้นมันก็ไม่ได้ดังไปไกลสักเท่าไหร่ พวกเขาถูกทิ้งไว้ในความมืดยามราตรีตลอดมา
เมื่อเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ต่อให้เป็นในยามวิกาล การที่มีคบเพลิงพร้อมแสงจันทร์ก็เพียงพอให้ตระกูลฉินเล็งศัตรูได้แม่นยำ
กองทัพเจ้าผู้ครองนครบางทีอาจคิดอยากลองว่าหากไม่มีคบเพลิงคอยส่องสว่าง กองทัพตระกูลฉินจะยังเล็งคนได้ถูกหรือไม่
ดังนั้นแล้ว หนึ่งในกองทัพเจ้าผู้ครองนครจึงตะโกนเสียงแหลม “พี่น้อง โยนคบเพลิงไปทางพวกเขาเร็ว!”
หนึ่งนั้นก็เพื่อขัดจังหวะของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่อาจจะตั้งใจเล็งกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้
แล้วพร้อมกันนั้น ทางเจ้าผู้ครองนครทางนี้ก็จะไม่มีไฟไว้ส่องสว่างเช่นกัน เมื่อเทียบกันไปแล้ว พวกเขาฝั่งนี้ค่อนข้างมืดเสียกว่า ในความมืด กองทัพตระกูลฉินย่อมเล็งพวกเขาไม่ถูกแน่นอน
เมื่อกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้ฟังคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมใจกันโยนคบเพลิงใส่กองทัพตระกูลฉิน
ทว่ากองทัพตระกูลฉินเพียงแค่ขยับตัวหลบเท่านั้น ไม่กล้าก้มตัวลงหยิบคบเพลิง
แล้วยิ่งพวกเขาอยู่ใกล้กับกองทัพเจ้าผู้ครองนครแล้วด้วย หากว่าเจ้าผู้ครองนครฉวยจังหวะโจมตีพวกเขา พวกเขาหากว่าไม่ตายก็ย่อมต้องบาดเจ็บหนัก
ก็มิใช่หรอกหรือ หากมิใช่ว่าพวกหวงเฟยวิ่งเร็วละก็ ปล่อยให้เว่ยหงตามพวกขทัน ไม่ว่าจะมีกี่ชีวิตก็ไม่พอให้เว่ยหงกับเว่ยหยานสังหารหรอก
เสียงปืนนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ กองทัพเจ้าผู้ครองนครก็ล้มลงไปพอสมควร
หลังจากจัดการกองทัพระลอกนี้เสร็จ หวงเฟยก็พากองทัพตระกูลฉินหนีกลับค่าย
กองทัพเจ้าผู้ครองนครพากันเร่งรีบติดตาม
ทว่าพวกเขาดันได้เห็นกองทัพตระกูลฉินเข้าไปในค่ายเต็มตา จึงไม่กล้าไล่ตามไปอีก
กองทัพตระกูลฉินหากรุกรานเต็มกำลัง กองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นเกรงว่าคงไม่เหลือรอดสักเท่าไหร่
พวกเขาหวั่นเกรงอาวุธในมือของกองทัพตระกูลฉิน พวกเขาหวั่นเกรงความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพตระกูลฉิน
เมื่อไม่มีคำสั่งให้บุกโจมตีค่ายจากเจ้าผู้ครองนคร แน่นอนว่ากองทัพเจ้าผู้ครองนครคงไม่กล้าบุกเข้ามาเช่นนี้หรอก
หนึ่ง พวกเขาไม่กล้าบุกค่ายตามใจ สองคือพวกเขาไม่คิดจะบุกเข้าไปเช่นนี้ นี่เป็นการไปตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นแล้ว ผู้นำทัพกองทัพเจ้าผู้ครองนครจึงพากันหันหัวกลับทิศทางเดิม
เมื่อคนหมู่มากทำผิดก็ไม่ต้องลงโทษ
ต่อให้กลับไปแล้วจะถูกด่าก็ยังดีกว่าพุ่งเข้าไปรับความตายตั้งมาก
หากต้องการสู้กับกองทัพตระกูลฉิน ก็ต้องรอให้เหล่าเจ้าผู้ครองนครสั่งการก่อนค่อยลงมือ
กองทัพเจ้าผู้ครองนครไม่เพียงกลับไปมือเปล่า แต่ยังสูญเสียทหารไปไม่น้อยด้วย
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องดับไฟที่อยู่ในเสบียงอหาร เสบียงอาหารที่เหลืออยู่เกรงว่าคงจะพอให้กองทัพได้กินสองวันเท่านั้น
เหล่าเจ้าผู้ครองนครโกรธแท้จริงแล้ว
ครั้งนี้ แม้จะไม่คิดอยากเปิดศึกให้ไว้ ก็ยังจำเป็นต้องเปิดศึกอยู่!
ดังนั้น หลังจากเหล่าเจ้าผู้ครองนครพูดคุยกันกว่าครึ่งค่อนคืน ในที่สุดพวกเขาก็ปรึกษาแผนการหนึ่งออกมาได้
พวกเขาตัดสินใจที่จะโจมตีกองทัพตระกูลฉินในตอนกลางคืน
และก็คือคืนวันนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...