ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1691

และในพริบตาที่ทดลองตะโกนออกไปนั้น กองทัพตระกูลฉินก็จุดไฟในคลังเสบียง หลังจากนั้นก็หนีออกไป

ยิ่งตรงนี้มีจำนวนคนอยู่มาก หากว่าพวกเขาไม่หนีไป ก็ไม่อาจจะสู้จำนวนของกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้เลย

หากต้องสู้ ก็จะเป็นการวัดกำลังประจัญระหว่างสองทัพ เป็นการวัดกำลังกันอย่างแท้จริง

การเคลื่อนไหวนี้ ย่อมพาให้เจ้าผู้ครองนครทั้งห้าตระหนกตกใจ

เหล่าเจ้าผู้ครองนครมองคลังเสบียงที่ถูกขนถ่ายจนว่างไปครึ่งหนึ่งแล้วยังติดำฟ ภายในใจของพวกเขาก็ราวกับถูกฝูงม้านับหมื่นกระทืบจนสนั่นพังราบไปหมด!

พ่อแม่เมิงเถอะ!

กองทัพตระกูลฉินอันเกรียงไกรถึงกับลงมือขโมยเสบียงเช่นนี้ในยามค่ำคืนอย่างนั้นหรือ?

เจ้าผู้ครองนครพุ่งเข้าไปหมายดับไฟ

เสบีงนั้นเป็นของสำคัญที่จะต่อชีวิตของพวกเขาได้ หากว่าปล่อยให้ถูกไฟเผาไป ในสถานที่รกร้างห่างไกลเช่นนี้ พวกเขาจะกินอะไรกันล่ะ!

“ติดตามไป!”

เว่ยหงออกคำสั่ง

เมื่อครู่นั้นเขาได้ยินเสียงนั้นแล้วเช่นกัน เขาตัดสินได้ว่าในยามนี้กองทัพตระกูลฉินน่าจะเดินทางไปยังไม่ไกลนัก น่าจะติดตามเอาเสบียงกลับมาได้ส่วนหนึ่ง

เมื่อได้รับคำสั่ง กองทัพเจ้าผู้ครองนครก็พากันรีบร้อนมุ่งหน้าไปยังทิศที่มีเสียง

เมื่อเห็นคบเพลิงกำลังมุ่งมาทางนี้ กองทัพตระกูลฉินก็รีบเร่งฝีเท้า

เดิมที กองทัพตระกูลฉินไม่ได้จุดไฟเพราะไม่อยากทำให้กองทัพผู้ครองนครตกใจ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยแสงจันทร์ลงมือเอา

ในยามนี้คบเพลิงของกองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นจุดจนท้องฟ้าสว่างโร่ไปหมด กองทัพตระกูลฉินย่อมมองเห็นทางได้ชัดเจนมากขึ้น พวกเขาเองก็ออกเดินทางได้ว่องไวขึ้นเช่นกัน

กองทัพตระกูลฉินที่มาขโมยเสบียงทั้งหมดกลับมารวมตัวกันได้ในที่สุด พวกเขาทุ่มเทใตร่วมมือกันหอบเสบียงกลับไป

โชคดีที่กองทัพตระกูลฉินชำนาญทางเสียยิ่งกว่ากองทัพของเจ้าผู้ครองนคร ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรักษาระยะห่างจากกองทัพเจ้าผู้ครองนครที่ไล่ตามมาได้

กองทัพเจ้าผู้ครองนครเห็นว่าติดตามมาระยะหนึ่งแล้วยังไล่ตามไม่ทัน และยังไม่ทันเห็นกระทั่งเงาของกองทัพตระกูลฉินด้วยซ้ำ พวกเขาก็อดเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นไม่ได้ พากันวิ่งขึ้นมา

พวกเขาจำเป็นต้องไล่ตามกองทัพตระกูลฉินให้ทัน หากไล่ไม่ทันละก็ ครั้นพวกเขากลับไปคงจะต้องโดนเจ้าผู้ครองนครระเบิดโทสะ แค่นั้นไม่พอ กระทั่งชีวิตอาจจะไม่เหลือ!

กองทัพเจ้าผู้ครองนครที่เริ่มออกวิ่งนั้นสามารถร่นระยะห่างกับกองทัพตระกูลเซียวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง พวกเขาเห็นกระทั่งเงาร่างของกองทัพตระกูลฉินแล้วด้วยซ้ำ

“หยุดนะ!”

กองทัพเจ้าผู้ครองนครตวาดเสียงเย็น

กองทัพตระกูลฉินพอได้ฟังว่าศัตรูใกล้จะติดตามมาแล้ว ก็อดที่จะร่วมมือกันแบ่งงานขึ้นมาไม่ได้ คนส่วนหนึ่งเร่งเดินหน้าต่อ อีกส่วนหนึ่งมาคอยสะกัดเอาไว้ด้านหลัง

การหยุดนั้น

ย่อมเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

หากเปลี่ยนเป็นกองทัพเจ้าผู้ครองนคร กองทัพตระกูลฉินเรียกให้เจ้าหยุด เจ้าจะหยุดหรือไม่ละ

การหยุดก็เปรียบเสมือนการตายนั่นละ!

ใครจะโง่!

คบเพลิงที่เข้ามาใกล้นั้นได้สาดส่องให้เส้นทางข้างหน้าสว่างขึ้นไปอีก

พวกเขาก็ยิ่งหนีได้ไว้ขึ้น

แต่ว่าให้ไวเพียงใด กองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นพากันวิ่งมาก็ต้องมีจังหวะที่ไล่ตามทันกองทัพตระกูลฉินสักที

ดังนั้นแล้ว เมื่อเห็นกองทัพเจ้าผู้ครองนครกำลังไล่เข้ามาทัน กองทัพตระกูลฉินที่รับผิดชอบเรื่องการตัดตอนภายหลังนั้นพากันหันหน้าแล้วเล็งกระบอกปืนไปที่กองทัพเจ้าผู้ครองนครอย่างแม่นยำ ลั่นไกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!

ในช่วงดึกสงัดที่เงียบงัน พลันมีเสียงปืนดังขึ้น ผู้ที่ได้ยินนั้นตกใจสะท้านขวัญ

เสียงปืนนี้ กองทัพทั้งสองฝ่ายย่อมได้ยินกันทั่ว

กลับเป็นในยามที่เสียงร้องตะโกนสุดท้ายของกองทัพเจ้าผู้ครองนครที่ถูกยิงดังขึ้นมันก็ไม่ได้ดังไปไกลสักเท่าไหร่ พวกเขาถูกทิ้งไว้ในความมืดยามราตรีตลอดมา

เมื่อเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ต่อให้เป็นในยามวิกาล การที่มีคบเพลิงพร้อมแสงจันทร์ก็เพียงพอให้ตระกูลฉินเล็งศัตรูได้แม่นยำ

กองทัพเจ้าผู้ครองนครบางทีอาจคิดอยากลองว่าหากไม่มีคบเพลิงคอยส่องสว่าง กองทัพตระกูลฉินจะยังเล็งคนได้ถูกหรือไม่

ดังนั้นแล้ว หนึ่งในกองทัพเจ้าผู้ครองนครจึงตะโกนเสียงแหลม “พี่น้อง โยนคบเพลิงไปทางพวกเขาเร็ว!”

หนึ่งนั้นก็เพื่อขัดจังหวะของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่อาจจะตั้งใจเล็งกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้

แล้วพร้อมกันนั้น ทางเจ้าผู้ครองนครทางนี้ก็จะไม่มีไฟไว้ส่องสว่างเช่นกัน เมื่อเทียบกันไปแล้ว พวกเขาฝั่งนี้ค่อนข้างมืดเสียกว่า ในความมืด กองทัพตระกูลฉินย่อมเล็งพวกเขาไม่ถูกแน่นอน

เมื่อกองทัพเจ้าผู้ครองนครได้ฟังคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมใจกันโยนคบเพลิงใส่กองทัพตระกูลฉิน

ทว่ากองทัพตระกูลฉินเพียงแค่ขยับตัวหลบเท่านั้น ไม่กล้าก้มตัวลงหยิบคบเพลิง

แล้วยิ่งพวกเขาอยู่ใกล้กับกองทัพเจ้าผู้ครองนครแล้วด้วย หากว่าเจ้าผู้ครองนครฉวยจังหวะโจมตีพวกเขา พวกเขาหากว่าไม่ตายก็ย่อมต้องบาดเจ็บหนัก

ก็มิใช่หรอกหรือ หากมิใช่ว่าพวกหวงเฟยวิ่งเร็วละก็ ปล่อยให้เว่ยหงตามพวกขทัน ไม่ว่าจะมีกี่ชีวิตก็ไม่พอให้เว่ยหงกับเว่ยหยานสังหารหรอก

เสียงปืนนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ กองทัพเจ้าผู้ครองนครก็ล้มลงไปพอสมควร

หลังจากจัดการกองทัพระลอกนี้เสร็จ หวงเฟยก็พากองทัพตระกูลฉินหนีกลับค่าย

กองทัพเจ้าผู้ครองนครพากันเร่งรีบติดตาม

ทว่าพวกเขาดันได้เห็นกองทัพตระกูลฉินเข้าไปในค่ายเต็มตา จึงไม่กล้าไล่ตามไปอีก

กองทัพตระกูลฉินหากรุกรานเต็มกำลัง กองทัพเจ้าผู้ครองนครนั้นเกรงว่าคงไม่เหลือรอดสักเท่าไหร่

พวกเขาหวั่นเกรงอาวุธในมือของกองทัพตระกูลฉิน พวกเขาหวั่นเกรงความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพตระกูลฉิน

เมื่อไม่มีคำสั่งให้บุกโจมตีค่ายจากเจ้าผู้ครองนคร แน่นอนว่ากองทัพเจ้าผู้ครองนครคงไม่กล้าบุกเข้ามาเช่นนี้หรอก

หนึ่ง พวกเขาไม่กล้าบุกค่ายตามใจ สองคือพวกเขาไม่คิดจะบุกเข้าไปเช่นนี้ นี่เป็นการไปตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นแล้ว ผู้นำทัพกองทัพเจ้าผู้ครองนครจึงพากันหันหัวกลับทิศทางเดิม

เมื่อคนหมู่มากทำผิดก็ไม่ต้องลงโทษ

ต่อให้กลับไปแล้วจะถูกด่าก็ยังดีกว่าพุ่งเข้าไปรับความตายตั้งมาก

หากต้องการสู้กับกองทัพตระกูลฉิน ก็ต้องรอให้เหล่าเจ้าผู้ครองนครสั่งการก่อนค่อยลงมือ

กองทัพเจ้าผู้ครองนครไม่เพียงกลับไปมือเปล่า แต่ยังสูญเสียทหารไปไม่น้อยด้วย

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องดับไฟที่อยู่ในเสบียงอหาร เสบียงอาหารที่เหลืออยู่เกรงว่าคงจะพอให้กองทัพได้กินสองวันเท่านั้น

เหล่าเจ้าผู้ครองนครโกรธแท้จริงแล้ว

ครั้งนี้ แม้จะไม่คิดอยากเปิดศึกให้ไว้ ก็ยังจำเป็นต้องเปิดศึกอยู่!

ดังนั้น หลังจากเหล่าเจ้าผู้ครองนครพูดคุยกันกว่าครึ่งค่อนคืน ในที่สุดพวกเขาก็ปรึกษาแผนการหนึ่งออกมาได้

พวกเขาตัดสินใจที่จะโจมตีกองทัพตระกูลฉินในตอนกลางคืน

และก็คือคืนวันนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย