หรือพูดอีกอย่างก็คือ การต่อสู้ทางด้านประตูน้ำมังกรกำลังดุเดือด กองทัพของเจ้าครองนครยังไม่ได้ทำสงครามอย่างเป็นทางการกับกองทัพฉิน
มันเป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อนักปราชญ์
แต่นักปราชญ์ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะไปยุ่งกับพวกเขา เพราะทางซินเจียงอย่างเดียวเขาก็ดูแลไม่ไหวแล้ว
สายฟ้าและธนูฝนจากภาพชุนเซี่ยวทำให้ซินเจียงต้องพ่ายแพ้
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะบุกผ่านเข้าประตูเมืองไป แค่ปกป้องชีวิตของตัวเองได้ก็ไม่เลวแล้ว
เซียวเฉวียนถือดาบจิงหุนไว้ในมือ ยืนอยู่บนกำแพงสูง จ้องมองลงไปยังกองทัพซินเจียงด้วยความสง่าผ่าเผย
เห็นนักปราชญ์อยู่ท่ามกลางธนูฝนในระยะไกล
คิดว่านักปราชญ์น่าจะกลับไปนำกองทัพเสริมของเขา
ไปเถอะ!
ยิ่งนำมากเท่าไหร่ยิ่งดี และดีที่สุดก็คือนำกำลังชาวยุทธ์แท้ออกมาด้วย!
เห็นร่างของนักปราชญ์หายไปจากสนามรบ เซียวเฉวียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นก็หมุนเวียนพลังภายใน กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ท่านแม่ทัพ หากท่านและกองทัพซินเจียงของท่านยอมจำนน กองทัพของข้าก็จะไว้ชีวิตพวกท่าน ว่าอย่างไร?”
การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่ากองทัพซินเจียงบาดเจ็บล้มตายไปมากแค่ไหน การที่กองทัพซินเจียงคิดจะคว้าชัยชนะกลับมา ความเป็นไปได้นั้นแทบไม่มี แม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังเสริม แต่พวกเขาก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ครั้งนี้ได้
อาวุธของพวกเขาก็สู้ไม่ได้
อาวุธร้อนจะมาสู้กับอาวุธเย็นได้อย่างไร?
คำพูดของเซียวเฉวียนเข้าไปถึงหูของแม่ทัพซินเจียง มันฝั่งดูเย่อหยิ่งและมั่นใจเป็นอย่างมาก
หัวใจของแม่ทัพซินเจียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่เขาก็ไม่อาจตอบโต้เซียวเฉวียนกลับไปด้วยอารมณ์ได้ เขาทำได้เพียงระงับมันไว้เพราะเขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
และเนื่องจากแม่ทัพซินเจียงผู้นี้ก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบโอ้อวด เขาเป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรงมาก
ในความจริง จากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า กองทัพซินเจียงนั้นไม่อาจเอาชนะกองทัพต้าเว่ยได้
แม้แต่นักปราชญ์เองก็คิดเช่นนี้
ไม่เช่นนั้นนักปราชญ์คงไม่เลือกที่จะเดินจากสมรภูมิเพื่อไปเคลื่อนย้ายกำลังเสริมในช่วงเวลาสำคัญเช่น
คำพูดของเซียวเฉวียนทำให้เหล่าทหารของซินเจียงเกิดความลังเลใจ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น
หากราชินีของพวกเขาเป็นคนฉลาด ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้ว่าพวกเขาจะต้องมาตายในสนามรบ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า
เพราะราชินีมีความประสงค์ที่จะส่งพวกเขามายังสนามรบเพื่อประเทศชาติ
และไม่มีใครสามารถหยุดการตัดสินใจของราชินีได้
แต่ราชินีของเขากลับทำเพื่อเรื่องส่วนตัว ไม่สนใจชีวิตและความตายของทหาร ไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากของราษฎร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างปัญหาให้กับต้าเว่ยให้จงได้
พูดตามตรง สงครามครั้งนี้ กองทัพซินเจียงไม่ได้ยินดีที่จะมาตั้งแต่แรก
เหตุผลที่สำคัญก็คือ พวกเขาคิดว่าคำสั่งของราชินีนั้นไม่คุ้มค่า
ในสายตาของพวกเขา ราชินีเห็นพวกเขาและราษฎรเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น
ซินเจียงและต้าเว่ยมีความสัมพันธ์อันดีกันมาโดยตลอด องค์หญิงห้าที่เป็นที่น่าเคารพรัดของพวกเขาก็แต่งงานกับราชครูแห่งต้าเว่ย
การแต่งงานระหว่างทั้งสองประเทศมีเหตุผลเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและแสวงหาการพัฒนาร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศไม่ใช่หรือ?
แต่ในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนที่ราชินีเข้ามารับตำแหน่ง นางกลับส่งไปให้ยกทัพไปตีต้าเว่ยด้วยตัวเอง?
คิดว่าช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนั้นยาวนานเกินไปงั้นหรือ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากต้าเว่ยเป็นฝ่ายที่เข้ามาท้าทายซินเจียง เป็นฝ่ายเรียกร้องทำสงครามด้วยตัวเอง จากนั้นราชินีสั่งออกทัพเพื่อต่อต้าน สถานการณ์จะแตกต่างออกไป
หากเป็นอย่างที่กล่าวมา กองทัพซินเจียงจะยอมสละชีวิต ต่อสู้จนตัวตายกับกองทัพต้าเว่ย
ในความเป็นจริง กองทัพซินเจียงไม่มีความคิดที่จะยอมจำนน
แต่แม่ทัพผู้นี้เป็นคนดี เขาปฏิบัติต่อทหารเป็นอย่างดี
แม่ทัพไม่แสดงจุดยืน แน่นอนว่าทหารเองก็ไม่กล้าแสดงจุดยืนออกมาเป็นธรรมชาติ แต่พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่หลังโล่ด้วยดวงตาที่กระตือรือร้น
พวกเขาเชื่อฟังแม่ทัพ
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเหล่าทหาร แม่ทัพซินเจียงก็เหลือบตามองพวกเขา จากนั้นเงยหน้าขึ้นเพื่อพูดกับเซียวเฉวียนว่า “เซียวเฉวียน เจ้าอย่ามาพูดจาเย่อหยิ่งออกมาเช่นนี้”
เห็นได้ว่าแม่ทัพซินเจียงนั้นลำบากใจเพียงใด เขาถึงโยนคำถามที่ยากจะตอบพวกนี้ไปให้ทหารของเขา
หากทหารยินดีที่จะยอมจำนน เช่นนั้นแม่ทัพซินเจียงก็จะเป็นคนออกหน้าให้กับพวกเขา แน่นอนว่าทหารที่ออกรบร่วมกันมาเป็นเวลาหลายปี การตัดสินใจทั้งหมดของเขานั้นเป็นที่น่าเคารพและถือเป็นการตัดสินใจของทุกคน
เหล่าทหารหันมองซึ่งกันและกัน ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า ลังเลไม่อาจตัดสินใจได้
และในขณะนั้น การต่อสู้ระหว่างกองทัพซินเจียงและกองทัพต้าเว่ยที่เกิดขึ้นในเมืองก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เสียงดาบและเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม่ทัพของต้าเว่ยยังคงอยู่บนหอคอย เขาสังหารทหารของซินเจียงคนสุดท้ายที่พุ่งเข้ามาด้วยดาบในมือ เมื่อเห็นว่าศัตรูตรงหน้าเพียงไม่กี่ก้าวนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉวียน
การต่อสู้ระหว่างเซียวเฉวียนกับนักปราชญ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม่ทัพได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกศรัทธาในตัวของเซียวเฉวียน
ทั้งที่ยังหนุ่ม แต่วรยุทธ์กลับสูงส่งถึงเพียงนี้ มันเป็นสิ่งที่ร้อยปีจะมีสักครั้ง!
ก่อนหน้านี้เคยได้ยิ่งถึงความเก่งกาจของเซียวเฉวียน แต่มันก็เป็นเพียงแค่คำบอกเล่าเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่ได้สมจริงเหมือนกับได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
ในสายตาของแม่ทัพ วรยุทธ์ของเซียวเฉวียน สำหรับคนทั่วไปแล้ว ต่อให้ฝึกฝนทั้งชีวิตก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ และไม่มีทางไปถึงจุดที่เซียวเฉวียนกำลังยืนอยู่ในตอนนี้ได้
เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์และยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
อนาคตของตระกูลเซียวสดใสถึงเพียงนี้ แม่ทัพจึงอดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “เท่านี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะปลอบโยนวิญญาณของแม่ทัพเซียวที่อยู่บนสวรรค์”
ส่วนเหมิงเอ้า จินฮ่าวและพวกของเผยหลินก็กำลังดิ้นรนเพื่อสังหารศัตรูอยู่
กองทัพของซินเจียงจำนวนไม่น้อยก็เก็บปืนขึ้นมาแล้ว
แต่ด้วยที่พวกเขาไม่เคยฝึกซ้อน ไม่ชำนาญในการใช้งาน พวกเขาจึงใช้งานได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกของเหมิงเอ้าก็จำเป็นต้องระวังเอาไว้
ไม่กล้าประมาท
สู้กันมานานถึงเพียงนี้แล้ว พูดตามตรง ทหารของทั้งสองกองทัพรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย
แม้แต่พวกของเหมิงเอ้าเองก็เช่นกัน
การต่อสู้เป็นงานที่ใช้พลังกายเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะผ่อนคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...