ยิ่งมีคนรับรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
หลังจากได้รับคำสั่ง เหล่าทหารก็แยกย้ายกันไปกระจายข่าวดีอย่างมีความสุข
ทุกคนเฉลิมฉลอง!
หลังจากเหล่าสายลับของเจ้าครองนครที่เข้ามาในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็รีบแนบข้อมูลไว้บนนกพิราบและส่งออกไปทันที
ในขณะนั้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยนกพิราบ
พวกมันทั้งหมดบินไปยังทิศทางเดียวกัน
กองทัพฉินเห็นเช่นนั้นจึงนำเรื่องนี้ไปรายงานฉินเซิง ฉินเซิงจึงสั่งให้คนยิงนักพิราบลงมาหนึ่งตัว
และจากนกพิราบตัวดังกล่าวก็ทำให้รู้ว่า การต่อสู้ทางด้านประตูน้ำมังกรนั้นสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะ!
การต่อสู้ของทั้งสองประเทศเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่กลับสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว!
ไม่รู้ว่าเมื่อพวกเจ้าครองนครได้รับข่าวว่าเพื่อร่วมอุดมการณ์ของพวกเขาได้รับการพ่ายแพ้แล้วจะรู้สึกอย่างไร?
จะสู้ต่อไปหรือไม่?
ตามรายงานของสายลับแห่งกองทัพฉิน เมื่อคืนนี้เสบียงครึ่งหนึ่งถูกกองทัพฉินขโมยไป แถมยังถูกกองทัพฉินเผายุ้งฉางเก็บเสบียงที่เหลือ ดังนั้นจึงเหลือเสบียงอยู่ไม่มาก และในตอนที่ไล่ตามกองทัพฉินมา พวกเขาได้สูญเสียกำลังทหารไปอีกไม่น้อย เหล่าเจ้าครองนครโกรธเป็นอย่างมาก สาปแช่งทหารของตนเองออกมาว่าไร้ความสามารถ!
แต่เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงสงคราม จำเป็นต้องพึ่งพาทหารในการสู้รบ แม้พวกนักปราชญ์จะโกรธ แต่ก็ไม่กล้าสาปแช่งออกมาแรงเกินไป
หากเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นมา ทำให้ทหารหมดกำลังใจ ลงโทษพวกเขาเพื่อระบายความโกรธ พวกเขาอาจจะไม่ฟังคำสั่งของพวกเจ้าครองนคร แบบนั้นจะเสียมากกว่าได้!
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่ฉินเซิงก็จินตนาการได้ว่าพวกเจ้าครองนครนั้นโกรธแค้นมาเพียงใด และต้องอดทนกับมันขนาดไหน
ใบหน้าของพวกเขาคงน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าตอนปวดอึ!
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ในเวลานี้ มีข่าวไปถึงพวกเขาว่ากองทัพต้าเว่ยสามารถเอาชนะกองทัพซินเจียงได้ ข่าวการยอมจำนนของกองทัพซินเจียง เกรงว่าเจ้าครองนครคงจะโกรธมากจนไม่รู้ว่าจะเอาความโกรธนี้ไปลงที่ไหน
ไม่แน่ว่าอาจจะโกรธจนหมดสติไปเลยก็ได้!
มีความสุขเสียจริง!
เห็นพวกเขาโยนก้อนหินทับเท้าตัวเอง มันช่างเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งนัก!
ทางด้านค่ายของเจ้าครองนคร เจ้าครองนครทั้งห้าได้รับข่าวจากสายลับของตัวเอง
อะไรนะ!
กองทัพต้าเว่ยชนะแล้วงั้นหรือ?
กองทัพซินเจียงอ่อนแอถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ?
ไร้ประโยชน์!
ความสามารถในการต่อสู้เช่นนี้ นักปราชญ์ยังมีหน้าจะมาต่อรองเพื่อร่วมมือกับเจ้าครองนครอย่างพวกเขา?
ตอนนั้นพวกเจ้าครองนครเชื่อในคำล่อลวงของเขาจริงๆ จึงตกลงเป็นพันธมิตรกับเขา
ช่างเป็นอะไรที่โง่เขลายิ่งนัก!
ทหารที่คอยคุ้มกันประตูน้ำมังกรแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ?
สงครามเริ่มขึ้น พวกเขาก็สิ้นสุดลงครามในวันนั้นด้วยชัยชนะ!
ความเร็วราวกับปาฏิหาริย์!
พวกเจ้าครองนครยังคิดที่จะถ่วงเวลาออกไปอีกหน่อย รอให้ทางด้านประตูน้ำมังกรขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก จากนั้นก็ให้กำลังเสริมของราชสำนักสู้กับทัพหน้าของกองทัพฉิน หลอกล่อไปยังประตูน้ำมังกร และพวกเขาก็จะฉวยโอกาสดังกล่าวในการบุกโจมตีทัพหลังของกองทัพฉิน
เยี่ยมไปเลย ยังไม่ทันได้ข่าวที่พวกเขาต้องการ แต่ข่าวชัยชนะของกองทัพต้าเว่ยก็มาถึงก่อน
เช่นนั้นจุดประสงค์ที่ซินเจียงก่อสงครามคืออะไร?
เว่ยหงกำกระดาษแน่น แววตาและสีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความโกรธอย่างชัดเจน
กองทัพต้าเว่ยสามารถเอาชนะได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ จะต้องเป็นเพราะเซียวเฉวียนอยู่ที่ประตูน้ำมังกร!
เซียวเฉวียนเป็นผีหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้อยู่ทั่วไปหมด?
มันน่าโมโหเสียจริง!
ไม่ต้องพูดก็รู้ เซียวเฉวียนจะต้องมอบปืนให้กับกองทัพต้าเว่ยเป็นแน่
สิ่งที่เรียกว่าปืนช่างสุดยอดยิ่งนัก!
คนที่โกรธเป็นอย่างมากอีกหนึ่งคนก็คือเว่ยหยาน เว่ยหยานเผาจดหมายที่ได้รับทิ้งไป จากนั้นก็ตรงไปยังกระโจมของเว่ยหง
เมื่อเห็นเว่ยหยานเข้ามา สีหน้าของเว่ยหงถึงจะดูสงบลงเล็กน้อย เขาเห็นเว่ยหยานที่เดินเข้ามาด้านในอย่างเร่งรีบ “เจ้าเองก็น่าจะได้ข่าวแล้วใช่หรือไม่?”
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังนำทหารมาอีกมากมาย
และในตอนที่มอบศักดินาให้ จำนวนทหารที่ราชสำนักแบ่งให้กับเจ้าครองนครแต่ละคนมีเพียงหนึ่งในสามของตอนนี้เท่านั้น
ความแข็งแกร่งทางการทหารที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันเกิดจากการที่เจ้าครองนครสร้างกองกำลังทหารเป็นการส่วนตัว
การที่เจ้าครองนครสร้างทหารเป็นการส่วนตัวก็ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงเช่นกัน
ไม่สู้ก็ตาย เช่นนั้นก็เลือกที่จะสู้เสียดีกว่า
ไม่แน่ว่าเมื่อกองทัพฉินได้รู้ข่าวการชนะของทางฝั่งกองทัพต้าเว่ย ด้วยความมั่นใจในสุดยอดอาวุธในมือที่อยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาอาจจะชะล่าใจก็ได้
หากเป็นเช่นนั้นทางฝั่งของเจ้าครองนครก็มีโอกาสชนะ
การบุกโจมตีในคืนนี้ บางทีโอกาสชนะของพวกเขาอาจจะเพิ่มขึ้น
ได้ยินเช่นนั้น เว่ยหงและเว่ยหยานก็ครุ่นคิดทันทัน
เหมือนกับที่เว่ยอี้หรานพูด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
และตอนนี้ก็เหลือเสบียงอยู่ไม่มากแล้ว พวกเขาไม่อาจยืดเวลาออกไปได้แล้ว
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนมองตากัน หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากันแล้ว เว่ยหงก็พูดออกมาว่า “ใช่ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ พวกเราจะบุกโจมตีกันคืนนี้เลย!”
เซียวเฉวียนที่อยู่ห่างไกลออกไปก็กำลังสงสัยว่าเวลานี้กองทัพฉินกำลังต่อสู้กับกองทัพเจ้าครองนครอยู่หรือไม่
ไม่รู้ว่าเมื่อพวกเจ้าครองนครรับรู้เรื่องที่กองทัพต้าเว่ยสามารถเอาชนะกองทัพซินเจียงได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะโกรธมากแค่ไหน?
เป็นไปได้ไหมว่าจะละทิ้งความคิดที่จะสู้?
ฮ่าฮ่าฮ่า!
คิดไม่ถึงใช่ไหม การต่อสู้ระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยที่พวกเจ้าครองนครใฝ่ถึงจะจบลงง่ายๆ แบบนี้
และในตอนนั้นเอง เหมิงเอ้าเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “นายท่าน!”
เซียวเฉวียนเหลือบมองเหมิงเอ้า ใบหน้าของเหมิงเอ้ามีคราบเลือดติดอยู่ แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เขาตอบกลับไปว่า “อื้อ” จากนั้นก็พูดว่า “เช็ดหน้าให้เรียบร้อย พวกเราออกเดินทางกันเถอะ”
สถานีต่อไป สถานที่ตั้งของค่ายกองทัพซินเจียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...