หรือบางทีพวกเขาอาจจะแค่ละทิ้งภาระไป
แต่ทว่า เซียวเฉวียนคิดว่าอดีตนั้นมีแนวโน้มมากกว่า
พวกเขาคือกองทัพซินเจียงที่คอยปกป้องเมืองหลวงของจักรพรรดิซึ่งแตกต่างจากกองทัพภูมิซินเจียงในเมืองอีหลิน
สามารถพูดได้ว่า หากพวกเขานั้นคิดหลบหนีในครานี้ ชีวาของผู้คนในวังหลวงอาจตกอยู่ในห้วงอันตรายได้
ทหารรักษาการณ์วังหลวงของจักรพรรดิ ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ไม่ก็เป็นคนในระแหวกใกล้เคียงเขตวังหลวง
ภายใต้เมืองจักรพรรดิ ถ้าพวกเขาคิดจะหนี ก็คงไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันหากพวกเขาต้องการรักษาชีวิตตนและรักษาชีวิตคนในครอบครัวล่ะก็ คงมีเส้นทางเดียวที่ต้องเลือกเดิน นั่นคือรอวันที่กองทัพต้าเว่ยโจมตีมุ่งศึกไปที่วังหลวง แล้วยึดวังหลวง
หากเป็นแต่ก่อน ไม่สามารถหลบหนีและไม่สามารถต้านทานกองกำลังซุ่มโจมตีของกองทัพต้าเว่ยได้ มีเพียงทางเดินเดียว นั่นก็คือต้องถอยกำลังทัพจนสุดทาง จนถึงระแหวกใกล้ ๆ ที่วังหลวง รอเมื่อกองทัพต้าเว่ยและกองทัพซินเจียงเผชิญหน้ากัน แน่นอนว่าทางพระราชวังคงไม่มีเวลามาตามไล่ล่าลงโทษทหารที่ซุ่มโจมตีเหล่านี้ได้
ความเป็นจริงแล้ว ก็กำลังเป็นเช่นเดียวกับที่เซียวเฉวียนคาดคะเนไว้
ถ้าทหารที่ซุ่มโจมตีเหล่านั้นได้ถอยทัพกลับลำไปจริง ๆ ในเวลานั้นพวกเขาก็จะสุ่มหัวทูลเรื่องทหารเท็จให้แก่ทางพระราชวัง พูดว่าตนนั้นพ่ายแพ้ให้กับกองทัพต้าเว่ย จำเป็นถอยทัพกลับไปตั้งหลักหาโอกาสใหม่
พอมีประสบการณ์จากสงครามเมืองอีหลินมาแล้ว ว่าแต่ล่ะคนในวังหลวงรู้ดีกันทั่วถึงความเก่งกาจของกองทัพต้าเว่ย ดังนั้นแต่ละจุดซุ่มโจมตีมีทหารซุ่มโจมตีเพียงไม่กี่พันคน จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่จะต่อกลอนไม่ได้กับกองทัพต้าเว่ย
เพราะนั้น ทางพระราชวังจะไม่ได้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบพวกเขาแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่าเป็นการสมควรที่พวกเขาทำเช่นนั้น
พวกเขายังรู้สึกว่าพวกเขาสามารถรักษากองกำลังไว้ได้จำนวนมากสำหรับซินเจียงด้วยการทำเช่นนั้น หากพวกเขาสามารถชนะการรบครั้งนี้ ราชสำนักของจักรพรรดิก็รู้สึกว่าพวกเขาควรได้รตบรางวัล
ทางทหารที่ซุ่มโจมตีก็คงคิดไม่ถึงว่ามันจะถูกหลอกง่ายดายเยี่ยงนี้
พวกเขานิ่งเฉยในการต่อต้านสงครามเพราะพวกเขาไม่พอใจกับการกระทำของราชินี นอกจากนี้ เมื่อรวมกับรายงานจากกองทัพซินเจียง ณ จุดซุ่มโจมตีแรก พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงฝ่ายตรงข้ามของกองทัพเว่ยในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเสียสละอย่างไม่เกรงกลัว
เนื่องจากสงครามต่อต้านที่ท้อถอยของทหารที่ซุ่มโจมตี ดังนั้นกองทัพต้าเว่ยจึงเข้าได้อย่างราบรื่น
กองทัพต้าเว่ยเดินทัพไปยังสถานที่ที่ยังอยู่ห่างจากวังหลวงของจักรพรรดิครึ่งวัน และพบโหนดที่ป้องกันได้ง่าย แต่โจมตีได้ยากในฐานะค่ายฐาน
พวดเขาวางแผนที่จะพักผ่อนชั่วคืนยาม แล้วพรุ่งจักค่อยเตรียมล้อมศึก
ข่าวที่ว่ากองทัพต้าเว่ยกำลังจะมาถึงวังหลวงของจักรพรรดินั้นซึ่งแน่นอนได้แพร่กระจายกลับไปยังวังหลวง และไปถึงหูของทุกคนในเมืองหลวง
ในที่สุดก็มาสักที!
เป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ ถึงเป็นคราวเคราะห์ก็หลีกหนหาพ้นไม่!
ค่ำคืนนี้สำหรับทุกคนในวังหลวง ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนที่นอนไม่หลับ
อาการประชวรของราชินีเพิ่งจะทรงดีขึ้น แต่เมื่อพระองค์รู้ว่ากองทัพต้าเว่ยกำลังจะบุกโจมตีเมือง อารมณ์ของพรงองค์ก็ผันผวนเป็นอย่างมาก และอาการประชวนของพระองค์ก็กลับมารุนแรงยิ่งกว่าตอนแรก
สงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และราชินีก็ทรงพระประชวรหนัก
ในพระราชวังเสนาบดีร้องขอขอให้เจ้าชายองค์ที่สามจัดการกิจการของบ้านเมืองชั่วคราว
ทางด้านราชินีที่สิ้นไม้ไร้ต่อหมดปัญญา จึงต้องทำตามคำร้องขอจากเสนาบดี
แม้เจ้าชายองค์สามจะมีปรีชาสามารถ แต่เขายังมิมีอำนาจ
ให้เขาไปทำเรื่องว่าราชการทั่วไปน่ะพอทำเนา แต่จะให้เขาเป็นผู้นำเมือง แม้จะไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แม้จะเพียงชั่วครู่ยาม เขาก็ไม่อยากจะเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้บ้านเมืองซินเจียงร้อนรุ่มยุ่งเหยิง
กองทัพต้าเว่ยมีเซียวเฉวียนออกโรงรักษาการณ์ด้วยตนเอง ฝีมือเก่งกาจฉมังเช่นนี้ ต่อให้ผู้ใดที่เป็นแม่ทัพของซินเขียงไม่เจ็บก็ตายกลับมาเป็นแน่แท้
เจ้าชางองค์สามทรงรู้ดีเป็นที่สุด ความตายใกล้คืบคลานเข้ามาในซินเจียงแล้ว
ราชินีช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัด ๆ
ถ้าเขาตกปากรับคำเรื่องนี้ไป ถ้าการรบครั้งนี้แพ้พ่ายขึ้นมา เขาก็ต้องเป็นกษัตริย์ที่ไม่ได้เรื่อง!
จะหาว่าเขานั้นเห็นแก่ตัวหรือหาว่าเขาไม่รักบ้านเมืองก็ย่อมได้ จักพูดเยี่ยงไรก็ได้ แต่เขาจักไม่ยอมรับบ้านเมืองที่รุกเป็นไฟนี่เด็ดขาด
เพราะฉะนั้น เมื่อเขารู้มามาว่าเหล่าเสนาบดีจะมีคำขอเช่นนี้ ไม่ทันรอเหล่าเสนาบดีมาถึงหน้าประตู เจ้าชายองค์สามก็ได้แอบย่องหนีไปจากพระราชวังไปเสียแล้ว
องค์ชายสามจะไม่ยอมตายในสนามรบนี้แน่!
พอหาองค์ชายสามไม่พบ องค์ชายห้าก็ไม่ได้อยู่วังหลวง ราชินี้ก็ทรงประชวรหนัก องค์ชายอื่นไม่ใช่เด็กประสีประสาก็จัดการเรื่องไม่ได้ แล้วจะทำเช่นไรดีเล่า?
ช่างสร้างความร้อนรุ่มให้กับเหล่าเสนาบดีเสียจริง
หรือซินเจียงจะถึงคราวย่อยยับแล้วเช่นนั้นฤา?
กองทัพซินเจียงบนกำแพงเมืองยังคงยิงธนูลงมากองทัพต้าเว่ย ทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่ใต้โล่และไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
สุดท้ายเซียวเฉวียนจึงงัดภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิ ให้มันช่วยกั้นลูกธนูแล้วซื้อเวลาให้กองทัพต้าเว่ยปีนกำแพง
เมื่อกองทัพต้าเว่ยกำลังจะปีนกำแพงเมือง ภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิก็ยิงธนูใส่กองทัพซินเจียงด้วยข้างหลีง จยสังหารกองทัพภูมิซินเจียงบนกำแพงและทำให้พวกเขาไม่ทันระวังตัว
ให้ตายเถอะ!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
สามารถกำลังลูกธนูและยิงธนูได้อย่างนั้นหรือ?
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
การต่อสู้ระหว่างสองกองทัพได้เริ่มขึ้นแล้ว!
“ปัง ปัง ปัง!”
“เอื๊อก เอื๊อก เอื๊อก!”
เสียงปืนและเสียงกรีดร้องสร้างความกังวลให้กับกองทัพซินเจียงเป็นอย่างมาก
กองทัพซินเจียงบนหอคอยเมืองถูกกองทัพต้าเว่ยสังหาร ด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเทน้ำมันก๊าดและขว้างลูกไฟลงไปที่หอคอยเมือง
ในเวลานั้นเองภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิก็ได้หยุดกำบังลง
น้ำมันก๊าดและลูกไฟที่ผ่านภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิไปถึงพื้นได้สำเร็จและจุดติดไฟท่ามกลางฝูงชนของกองทัพต้าเว่ย
ไฟได้ลุกลามไปยังกองทหารต้าเว่ยบางส่วนอย่างรวดเร็ว
ทหารต้าเว่ยที่ถูกไฟไหม้กลัวที่จะจุดไฟไปหาสหาย ดังนั้นพวกเขาจึงโน้มตัวไปทางอื่นอย่างมีสติและพยายามดับไฟอย่างเต็มที่
แต่มีน้ำมันสำหรับดับไฟอยู่ และการดับไฟไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
เมื่อเห็นว่าไฟบนร่างกายของพวกเขาเริ่มรุนแรงขึ้น เซียวเฉวียนก็ตะโกนอย่างเย็นชา “รีบถอดเสื้อผ้าของพวกเจ้าซะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...