ก่อนที่ไฟจะลุกลามเข้าไปด้านใน ให้ถอดเสื้อผ้าตัวนอกออกเสียก่อน หากยังมีไฟอยู่ในร่างกาย ให้กลิ้งลงไปที่พื้น
ถ้าจนปัญญา น้ำมันไฟไม่สามารถดับได้โดยการเทน้ำลงไป ยิ่งเทลงไป ไฟก็จะยิ่งไหม้ลามมากขึ้น
กลยุทธ์ของกองทัพซินเจียงนั้นช่างร้ายกาจซะจริง!
ไฟที่ติดตัวกองทัพต้าเว่ยที่โกรธแค้นก็
แต่จะว่าไป กลยุทธ์เม็ดนี้ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง ไฟส่วนใหญ่ที่ไหม้ตามบนร่างกายกองทัพต้าเว่ยก็ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว
แต่ทว่า พวกเขายังคงถูกไฟเผาไหม้ ไม่สามารถสู้ศึกต่อไปได้
กองทัพต้าเว่ยขอให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บกลับไปที่ค่ายฐานก่อน
อย่างไรก็ตาม พอกองทัพซินเจียงเมื่อได้ลิ้มรสหวานจากวางกลยุทธ์แล้ว ก็ยังคงเทน้ำมันก๊าดลงไป
ในเวลาเดียวกันยังคงเทน้ำไปเรื่อย ๆ
จุดประสงค์คือเพื่อให้น้ำมันกระจายตัวเร็วขึ้นพร้อมกับน้ำ เพื่อที่ไฟจะสามารถนำไปใช้โจมตีกองทัพเต้าเว่ยได้
ต้องบอกว่ากองทัพซินเจียงนี้ช่างเก่งกาจจริง ๆ
แต่เซียวเฉวียนจะปล่อยให้พวกเขาบรรลุผลได้อย่างไรกัน
เซียวเฉวียนตะคอกด้วยความเย็นชา “พวกเจ้าทุกคน ถอยทัพ!”
จัดพื้นที่และเทน้ำมันก๊าดและน้ำให้กับกองทัพซินเจียง
เขาเองก็อย่ากจะรู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะทำมันได้สักกี่น้ำ!
นอกจากนี้เซียวเฉวียนยังออกคำสั่งภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิไว้ว่า “ภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิเอ๋ย ใช้กลยุทธ์โจมตีย้อนกลับเฉกที่พวกเขาทำด้วยเถิด!“
หากพวกเขาโจมตีด้วยไฟจริง ๆ กองทัพต้าเว่ยก็ยังมีที่ว่างให้ล่าถอย
แต่กองทัพซินเจียงหามีไม่
หากพวกเขาถอยกำลังทัพ สามัญชนในวังหลวงก็จะพลอยโดนเคราะห์ร้ายไปด้วย
ถ้าพวกเขาถอยกำลังทัพ กองทัพต้าเว่ยที่ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองสามารถเปิดประตูเมืองได้สำเร็จ ในเวลานั้น จะเทียบเท่ากับกองทัพซินเจียงที่บุกทะลวงแนวป้องกันและมันจะเป็นเรื่องของเวลาที่กองทัพซินเจียงจะต้องพ่ายแพ้ .
เซียวเฉวียนออกคำสั่งและทุกคนก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี
ภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิไกด้นำน้ำมันก๊าดและน้ำที่รวบรวมมาคืนให้แก่กองทัพซินเจียงคืนต็มจนหมดสิ้น
เพื่อกันพลาดคนของตน ภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิจึงหลีกเลี่ยงตำแหน่งบนกำแพงเมือง จกานั้นจึงโปรยน้ำมันก๊าดและน้ำอย่างแม่นยำไปยังกองทัพซินเจียง
น้ำที่ผสมกับน้ำมันและน้ำมันไฟถูกโปรยไปที่กองทัพซินเจียงในเมือง
อย่างนี้สิจะถือเรียกได้ว่าสาสมทั่วกัน!
กองทัพซินเจียงในเมืองตื่นตระหนกทันที
พวกเขาลุกลี้ลุกลน แต่เขากลับไม่กล้าออกจากตำแหน่งโดยไม่ได้รับอนุญาต และก็ไม่สามารถออกไปได้เช่นเดียวกัน
ในเพระราชวังยังมีสามัญชนในเมืองที่ต้องพึ่งพาพวกเขาอยู่
หากพวกเขาถอยทัพ ปล่อยให้พวกกองทัพต้าเว่ยพังทลายประตูเมืองเข้ามา ซินเจียงจะต้องถึงคราวจบเห่เป็นแน่
ประตูเมืองเป็นเชือกฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขา เชือกเส้นนี้มิยอมให้ผู้ใดเข้ามาย่างกรายได้!
แล้วพวกเขาไม่เชื่อ ว่าแค่รูปภาพรูปหนึ่งน่ะหรือจะสามารถติดไฟได้?
โรยน้ำแล้วเทน้ำมันไฟลงไป แล้วอย่างไรต่อเล่า?
หากไม่มีไฟ นั่นก็ถือว่าเสียแรงทำเสียเปล่า ๆ
กองทัพซินเจียงยังคงเฝ้าประตูเมืองอยู่
ที่พวกเขาคิดนั้นไม่ผิด ภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิมิได้วางพลิงพวกเขาแต่อย่างใด
มิใช่เพราะภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิมิสามารถวางเพลิงไฟได้ แต่เป็นเพราะภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ผลิไม่ต้องการรับความดีความชอบทั้งหมดเอาไว้
หากเราทุกคนร่วมรบเพื่อฆ่าศัตรูก็ต้องให้สหายของเราหยิบสิ่งที่อ่อนแอที่สุดออกมาใช่หรือไหม?
กองทัพต้าเว่ยเป็นเจ้าของปืนมาหลายวันแล้ว และพวกเขารู้ว่าการยิงในสถานที่ที่มีน้ำมันก๊าดจะทำให้เกิดประกายไฟและเผาพวกเขาข฿นได้
เป็นผลให้กองทัต้าเว่ยบางคนเริ่มหันกลับมาและยิงใส่กองทัพซินเจียงในเมือง
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองทัพซินเจียงในเมืองถูกไฟไหม้แล้ว
ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วเล็กน้อย เวลานั้นทำกองทัพซินเจียงร้องร่ำไห้ตะโกนเจ็บปวด และตบไฟบนร่างกายของพวกเขาด้วยความตื่นตระหนก
แต่การตบไฟของพวกเขาแทบจะไม่ผลอะไรเลย
และกองทัพต้าเว่ยเหล่านั้นด้วยความช่วยเหลือของภาพรุ่งอรุณช่วงเช้าฤดูใบไม้ก็ได้ลงมาจากหอคอยเมืองได้สำเร็จ
แต่พอลงมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าประตูเมืองจะเปิดได้ง่าย
เมื่อกองทัพซินเจียงในเมืองเห็นกองทัพต้าเว่ยลงมา ทหารที่ถูกไฟลุกไหม้ก็ไม่กล้าดับไฟ พวกเขารีบรุดไปข้างหน้า ขู่ว่าจะพินาศไปพร้อมกับกองทัพต้าเว่ย
แต่กองทัพต้าเว่ยไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้แก่พวกเขา เล็งปืนไปที่พวกเขาแล้วยิงอย่างเฉียบขาด
เมื่อเทียบกับจำนวนกองทัพต้าเว่ยกับกองทัพซินเจียง ช่างน่าเวทนาไม่น้อย
กองทัพซินเจียงล้อมกองทัพต้าเว่ยไว้สามระดับด้านในและด้านนอก หากกองทัพต้าเว่ยไม่ร่วมมือกันเป็นอย่างดี พวกเขาทั้งหมดคงตายด้วยน้ำมือของกองทัพซินเจียงเป็นแน่
ด้วยกเรเบิกเนตรจากปืน แม้ว่าจำนวนคนจะไม่เพียงพอ แต่กองทัพต้าเว่ยก็ยังคงสามารถยืนหยัดได้
หอคอยของเมืองได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว
ไฟยังคงลุกลามไปทั่วกำแพงเมือง และสถานที่ใดก็ตามที่ถูกสัมผัสด้วยน้ำมันก๊าดก็จะลุกเป็นไฟ
เซียวเฉวียนซึ่งนำทุกคนถอยกลับไปสามเมตร และมองไปที่ทะเลเพลิงต่อหน้าเขาด้วยสายตาที่เฉียบแหลม
เพลิงไฟนี้ แม้ว่าเขาจะอยากโจมตีแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
สิ่งสำคัญคือไม่สามรรถใช้น้ำดับไฟ
ในสมัยโบราณก็ยังไม่มีถังดับเพลิง
แม้ว่าดินเหนียวและทรายจะสามารถดับไฟได้ แต่มันก็ไม่ง่ายดายเยี่ยงนั้น
ไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ ดินเหนียวและทรายที่ไม่มีการวัดไม่สามารถดับเพลิงไฟได้
ในเวลานี้ไม่สามารถรถหาวิธีที่หาดินโคลนและทรายที่มีจำนวนเยอะขนาดนั้นได้
หากรอหาให้เยอะมากขนาดนั้น เกรงว่าเพลิงไฟนี้จะมอดไปเอง
ตราบใดที่กองทัพซินเจียงไม่นำไฟเข้าไปในเมือง เมื่อน้ำมันก๊าดนี้หมด เพลิงไฟนี้ก็จะดับไปเอง
นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังลุกไหม้อยู่ตอนนี้คืออาณาเขตของกองทัพซินเจียง และเซียวเฉวียนเองก็ไม่คิดอยากจะช่วยดับเพลิงไฟนี้
แต่ทว่า มีกองทหารต้าเว่ยอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูเมือง เซียวเฉวียนจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยของกองทัพต้าเว่ยเหล่านั้น
ในทิศทางของประตูเมือง กองทัพต้าเว่ยที่โจมตีประตูเมืองยังคงโจมตีประตูเมืองอย่างสุดแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...