กองทัพทหารยิ่งใหญ่จากซินเจียงได้ยินคำสั่ง จากนั้นยิงธนูไปที่เหมิงเอ้า
ลูกธนูที่สวนกลับถูกปล่อยออกไป ลอดผ่านใต้จมูกของเซี่ยวเฟิง
เซี่ยวเฟิงไม่ใช่ตัวตนที่สามารถบุบสลายได้ เขาไม่กลัวลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหา แต่ผู้คนในกองทัพต้าเว่ยที่เขาปกป้องสามารถดับสลายได้หากถูกลูกธนูยิงเข้าใส่
ดังนั้น เซี่ยวเฟิงจึงต่อสู้อย่างสุดกำลัง ลูกธนูที่ยิงออกไปท่ามกลางอากาศสามารถหยุดลูกธนูที่ยิงใส่เหมิงเอ้าได้เกือบทั้งหมด
ลูกธนูบางส่วนที่เหลือ เหมิงเอ้าสามารถหลบหลีกมันได้
จนชั่วขณะหนึ่ง เหมิงเอ้าตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถเปิดประตูเมืองได้ในทันที
ในอีกด้านหนึ่ง เซียวเฉวียนและนักปราชณ์ สองปรมาจารย์ผลัดกันโจมตี แม้ว่าร่างของพวกเขาจะลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ แต่พลังการโจมตีของพวกเขาก็สามารถทำให้ผู้คนที่อยู่บนพื้นประหลาดใจได้
ดาบของทั้งสองปะทะกัน แต่กลับไม่มีฝ่ายใดที่ถูกโจมตี พลังดาบไม่ได้เหนือหรือด้อยไปกว่ากัน ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี
เสียงดาบที่ปะทะกันส่งเสียง "ชวิ้ง ชวิ้ง" ดังสนั่น
ราวกับว่าพวกเขาปะทะกันเพื่อบดขยี้ให้แหลกสลายกันไปข้าง
ดวงตาของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ภายในใจคิดว่าชายผู้นี้ฟื้นตัวเร็วมาก ทักษะของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน
หรือว่าเขาใช้เล่ห์กลอันใดในการปะทะนี้?
โชคดีที่เซียวเฉวียนไม่ได้นิ่งดูดาย ในขณะเขาอยู่ที่เมืองอีหลิน เขายังฝึกฝนกังฟูด้วยตนเอง
แม้กระทั่งระหว่างทางไปเมืองหลวง เขาฝึกฝนทุกครั้งที่เขาสามารถทำได้
เพราะนี้คือช่วงเวลาที่ต้องระวัง
กังฟูของนักปราชณ์แข็งแกร่งขึ้น หากเซียวเฉวียนยังคงย่ำอยู่กับที่ เขาอาจกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ให้กลับนักปราชณ์ก็เป็นได้
ถึงคราวนั้นจะทำอย่างไรเล่า?
ดังนั้นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินความจำเป็น
นักปราชณ์เหลือบมองไปที่เซียวเฉวียน ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความน่าขนหัวลุก
นักปราชณ์ในขณะนี้ ทุกอณูในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และจิตใจของเขายังคงหมกมุ่นเกี่ยวกับการฟื้นฟูสำนักหมิงเซียน ในตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้นำของสำหนักหมิงเซียนอีกต่อไป ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับพวกเร่ร่อนพเนจร
ดังนั้น ความรู้สึกถึงความเป็นอมตะและจิตวิญญาณในครั้งก่อนภายในตัวเขาจึงเหลือไม่มากแล้ว
ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ไม่น่าจะเป็นความจริง
นักปราชณ์ในอดีตไม่แยแสแม้แต่สิ่งใด
สำนักหมิงเซียนเป็นสำนักที่มีศักดิ์ศรีและอยู่ในจุดสูงสุด
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือการฆ่าเซียวเฉวียน ตัวประหลาดจากสรวงสวรรค์นี้ได้อย่างไร
เขาหลอกให้หมิงเจ๋อทำสิ่งนี้แทน
เขารู้สึกว่านี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับองค์ชายผู้สูงศักดิ์จากซินเจียงจัดการกับลูกเขยที่มาจากตระกูลยากจน
ดังนั้นการฆ่าเซียวเฉวียนจึงเป็นเรื่องที่เขามุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น อดีตผู้นำของสำนักหมิงเซียนได้ซ่อนพวกนอกลู่นอกทางไว้ในหมิงเซียนเป็นอย่างดี
ภายนอกดูสง่างามและมีชื่อเสียง ภายในกลับมีการสนับสนุน
ในสถานการณ์เช่นนี้ นักปราชณ์ซึ่งเป็นตัวแทนของสวรรค์ บรรยากาศโดยรอบตัวเขาย่อมมีความอมตะแพร่กระจาย
นับตั้งแต่ ขณะที่เขาเดินทางเข้ามาที่เมืองหลวงของต้าเว่ยและพบเข้ากับเซียวเฉวียนที่กำลังจะไปยังซินเจียง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
นักปราชณ์สัมผัสได้ถึงบางอย่างผ่านสายตาของเซียวเฉวียน
และด้วยเหตุการณ์นี้ เขาจึงไม่ใช่คนที่ต้องหวั่นวิตกอีกต่อไป
ทั้งคู่ค่อยๆเลือนลับหายไป จนกระทั่งมองไม่เห็นตัวตนคนละฝั่งของถนน
ภายใต้สิ่งที่เกิดขึ้น อุปนิสัยของนักปราชณ์ก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวเฉวียน เขาไม่ใช่นักปราชณ์ผู้เย่อหยิ่งที่เล่นกับผู้คนในมืออีกต่อไป
เซียวเฉวียนทำให้เขารู้สึกพ่ายเเพ้มาเสมอ
นอกจากนี้ยังทำให้เขาหงุดหงิดและไม่สามารถทำอะไรได้อีกด้วย
เพราะเหตุนี้ อุปนิสัยของนักปราชณ์จึงได้ค่อยๆเปลี่ยนไป
เขาจ้องมองตรงไปยังเซียวเฉวียนด้วยสายตาอำมหิต และยังคงถ่ายเทพลังเทพลงไปยังดาบของเขาอย่างต่อเนื่อง
ราวกับว่ากำลังแข่งขันบางอย่างกับเซียวเฉวียนผ่านความเงียบงัน
หลังจากต่อสู้กับเซียวเฉวียนมานาน นักปราชณ์ก็ได้เรียนรู้บางอย่าง จึงเลือกที่จะใช้ความเงียบกับเซียวเฉวียน
ถึงยังไง เขาก็ไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆจากเซียวเฉวียน
คาดไม่ถึง ในครั้งที่เเล้วเซียวเฉวียนทำให้นักปราชณ์บาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงพัฒนาความแข็งแกร่งของเขามาจนกระทั่งตอนนี้
เซียวเฉวียนไม่ใช่คนเย่อหยิ่งดังเมื่อก่อน เขากลับเป็นชายหนุ่มที่ถ่อมตนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
คนอย่างเซียวเฉวียนมีหลากหลายมุมมอง!
และไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะคนอย่างเซียวเฉวียน !
การเอาชนะเซียวเฉวียน เป็นเรื่องที่ยากกว่าการกระโดขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นอย่างมาก
นักปราชญ์จึงวางแผนชั่วอีกครา
เมื่อเขาคิดว่าจะใช้เวลาเป็นตัวถ่วง เซียวเฉวียนก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นขึ้นทันที
นักปราชณ์ไม่มีมีเวลาเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง และถูกเซียวเฉวียนโจมตี
หลังจากถอยกลับไปตั้งหลักที่กำแพง นักปราชณ์ก็หยุดและต้านทานอย่างสุดกำลัง
ในขณะนั้นเอง เซียวเฉวียนชักดาบจิงหุนออกมา ก่อนที่นักปราชณ์จะรู้ตัวว่าเซียวเฉวียนจะทำอะไร ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนก็ฟันไปที่นักปราชณ์เสียแล้ว
นักปราชณ์โต้ตอบกลับและหลบดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนด้วยร่างที่เบาดุจขนนก
ดาบจิงหุนที่ฟันไปนั้น ทำให้เกิดรอยแตกร้าวลึกเข้าไปในกำแพงเมือง
ปรมาจารย์แข่งขันกันเอง และการเคลื่อนไหวของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบความยืดหยุ่นและการปรับตัวของพวกเขา
เมื่อนักปราชณ์เห็นดังนั่น เขารู้ได้ทันทีว่าเซียวเฉวียนไม่มีทางที่จะดึงดาบออกมาได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงใช้โอกาสนี้โจมตีเซียวเฉวียนด้วยดาบ
ตามที่เขาคาดไว้ ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนยังคงติดอยู่ในกำแพง แต่ปฏิกิริยาของเซียวเฉวียนก็เร็วเพียงพอ
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานดาบอันแหลมคมที่กำลังเข้ามาประชิดตัว เซียวเฉวียนจึงวางมือกับดาบจิงหุนชั่วคราว หันกลับไปตบเข้าที่ดาบของนักปราชณ์อย่างเบามือ
คราวนี้เป็นนักปราชณ์ที่พลาดการโจมตี เขาดึงดาบกลับขึ้นมา จากนั้นแทงไปที่เซียวเฉวียนอีกรอบ
เซียวเฉวียนพลิกตัวหลบหลีก เขาโน้มตัวลง คว้าด้ามจับของดาบจิงหุน กระแทกมันเข้าไป จนทำให้กำแพงเมืองเกิดช่องว่างขนาดใหญ่
ตัวเขาอยู่ห่างจากนักปราชณ์ระยะหนึ่ง เซียวเฉวียนหันมาดึงดาบจิงหุนออกด้วยพละกำลัง
ในขณะที่ดึงดาบออก เซียวเฉวียนต้องใช้ทักษะของเขาไปกว่าครึ่งหนึ่ง
หวังว่ากำแพงเมืองที่มีรอยแยกแตกลึกนี้ จะพังทลายลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...