ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1707

กองทัพทหารยิ่งใหญ่จากซินเจียงได้ยินคำสั่ง จากนั้นยิงธนูไปที่เหมิงเอ้า

ลูกธนูที่สวนกลับถูกปล่อยออกไป ลอดผ่านใต้จมูกของเซี่ยวเฟิง

เซี่ยวเฟิงไม่ใช่ตัวตนที่สามารถบุบสลายได้ เขาไม่กลัวลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหา แต่ผู้คนในกองทัพต้าเว่ยที่เขาปกป้องสามารถดับสลายได้หากถูกลูกธนูยิงเข้าใส่

ดังนั้น เซี่ยวเฟิงจึงต่อสู้อย่างสุดกำลัง ลูกธนูที่ยิงออกไปท่ามกลางอากาศสามารถหยุดลูกธนูที่ยิงใส่เหมิงเอ้าได้เกือบทั้งหมด

ลูกธนูบางส่วนที่เหลือ เหมิงเอ้าสามารถหลบหลีกมันได้

จนชั่วขณะหนึ่ง เหมิงเอ้าตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถเปิดประตูเมืองได้ในทันที

ในอีกด้านหนึ่ง เซียวเฉวียนและนักปราชณ์ สองปรมาจารย์ผลัดกันโจมตี แม้ว่าร่างของพวกเขาจะลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ แต่พลังการโจมตีของพวกเขาก็สามารถทำให้ผู้คนที่อยู่บนพื้นประหลาดใจได้

ดาบของทั้งสองปะทะกัน แต่กลับไม่มีฝ่ายใดที่ถูกโจมตี พลังดาบไม่ได้เหนือหรือด้อยไปกว่ากัน ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี

เสียงดาบที่ปะทะกันส่งเสียง "ชวิ้ง ชวิ้ง" ดังสนั่น

ราวกับว่าพวกเขาปะทะกันเพื่อบดขยี้ให้แหลกสลายกันไปข้าง

ดวงตาของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ภายในใจคิดว่าชายผู้นี้ฟื้นตัวเร็วมาก ทักษะของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน

หรือว่าเขาใช้เล่ห์กลอันใดในการปะทะนี้?

โชคดีที่เซียวเฉวียนไม่ได้นิ่งดูดาย ในขณะเขาอยู่ที่เมืองอีหลิน เขายังฝึกฝนกังฟูด้วยตนเอง

แม้กระทั่งระหว่างทางไปเมืองหลวง เขาฝึกฝนทุกครั้งที่เขาสามารถทำได้

เพราะนี้คือช่วงเวลาที่ต้องระวัง

กังฟูของนักปราชณ์แข็งแกร่งขึ้น หากเซียวเฉวียนยังคงย่ำอยู่กับที่ เขาอาจกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ให้กลับนักปราชณ์ก็เป็นได้

ถึงคราวนั้นจะทำอย่างไรเล่า?

ดังนั้นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินความจำเป็น

นักปราชณ์เหลือบมองไปที่เซียวเฉวียน ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความน่าขนหัวลุก

นักปราชณ์ในขณะนี้ ทุกอณูในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และจิตใจของเขายังคงหมกมุ่นเกี่ยวกับการฟื้นฟูสำนักหมิงเซียน ในตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้นำของสำหนักหมิงเซียนอีกต่อไป ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับพวกเร่ร่อนพเนจร

ดังนั้น ความรู้สึกถึงความเป็นอมตะและจิตวิญญาณในครั้งก่อนภายในตัวเขาจึงเหลือไม่มากแล้ว

ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ไม่น่าจะเป็นความจริง

นักปราชณ์ในอดีตไม่แยแสแม้แต่สิ่งใด

สำนักหมิงเซียนเป็นสำนักที่มีศักดิ์ศรีและอยู่ในจุดสูงสุด

สิ่งเดียวที่เขากังวลคือการฆ่าเซียวเฉวียน ตัวประหลาดจากสรวงสวรรค์นี้ได้อย่างไร

เขาหลอกให้หมิงเจ๋อทำสิ่งนี้แทน

เขารู้สึกว่านี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับองค์ชายผู้สูงศักดิ์จากซินเจียงจัดการกับลูกเขยที่มาจากตระกูลยากจน

ดังนั้นการฆ่าเซียวเฉวียนจึงเป็นเรื่องที่เขามุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ

ยิ่งไปกว่านั้น อดีตผู้นำของสำนักหมิงเซียนได้ซ่อนพวกนอกลู่นอกทางไว้ในหมิงเซียนเป็นอย่างดี

ภายนอกดูสง่างามและมีชื่อเสียง ภายในกลับมีการสนับสนุน

ในสถานการณ์เช่นนี้ นักปราชณ์ซึ่งเป็นตัวแทนของสวรรค์ บรรยากาศโดยรอบตัวเขาย่อมมีความอมตะแพร่กระจาย

นับตั้งแต่ ขณะที่เขาเดินทางเข้ามาที่เมืองหลวงของต้าเว่ยและพบเข้ากับเซียวเฉวียนที่กำลังจะไปยังซินเจียง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป

นักปราชณ์สัมผัสได้ถึงบางอย่างผ่านสายตาของเซียวเฉวียน

และด้วยเหตุการณ์นี้ เขาจึงไม่ใช่คนที่ต้องหวั่นวิตกอีกต่อไป

ทั้งคู่ค่อยๆเลือนลับหายไป จนกระทั่งมองไม่เห็นตัวตนคนละฝั่งของถนน

ภายใต้สิ่งที่เกิดขึ้น อุปนิสัยของนักปราชณ์ก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวเฉวียน เขาไม่ใช่นักปราชณ์ผู้เย่อหยิ่งที่เล่นกับผู้คนในมืออีกต่อไป

เซียวเฉวียนทำให้เขารู้สึกพ่ายเเพ้มาเสมอ

นอกจากนี้ยังทำให้เขาหงุดหงิดและไม่สามารถทำอะไรได้อีกด้วย

เพราะเหตุนี้ อุปนิสัยของนักปราชณ์จึงได้ค่อยๆเปลี่ยนไป

เขาจ้องมองตรงไปยังเซียวเฉวียนด้วยสายตาอำมหิต และยังคงถ่ายเทพลังเทพลงไปยังดาบของเขาอย่างต่อเนื่อง

ราวกับว่ากำลังแข่งขันบางอย่างกับเซียวเฉวียนผ่านความเงียบงัน

หลังจากต่อสู้กับเซียวเฉวียนมานาน นักปราชณ์ก็ได้เรียนรู้บางอย่าง จึงเลือกที่จะใช้ความเงียบกับเซียวเฉวียน

ถึงยังไง เขาก็ไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆจากเซียวเฉวียน

คาดไม่ถึง ในครั้งที่เเล้วเซียวเฉวียนทำให้นักปราชณ์บาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงพัฒนาความแข็งแกร่งของเขามาจนกระทั่งตอนนี้

เซียวเฉวียนไม่ใช่คนเย่อหยิ่งดังเมื่อก่อน เขากลับเป็นชายหนุ่มที่ถ่อมตนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง

คนอย่างเซียวเฉวียนมีหลากหลายมุมมอง!

และไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะคนอย่างเซียวเฉวียน !

การเอาชนะเซียวเฉวียน เป็นเรื่องที่ยากกว่าการกระโดขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นอย่างมาก

นักปราชญ์จึงวางแผนชั่วอีกครา

เมื่อเขาคิดว่าจะใช้เวลาเป็นตัวถ่วง เซียวเฉวียนก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นขึ้นทันที

นักปราชณ์ไม่มีมีเวลาเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง และถูกเซียวเฉวียนโจมตี

หลังจากถอยกลับไปตั้งหลักที่กำแพง นักปราชณ์ก็หยุดและต้านทานอย่างสุดกำลัง

ในขณะนั้นเอง เซียวเฉวียนชักดาบจิงหุนออกมา ก่อนที่นักปราชณ์จะรู้ตัวว่าเซียวเฉวียนจะทำอะไร ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนก็ฟันไปที่นักปราชณ์เสียแล้ว

นักปราชณ์โต้ตอบกลับและหลบดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนด้วยร่างที่เบาดุจขนนก

ดาบจิงหุนที่ฟันไปนั้น ทำให้เกิดรอยแตกร้าวลึกเข้าไปในกำแพงเมือง

ปรมาจารย์แข่งขันกันเอง และการเคลื่อนไหวของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบความยืดหยุ่นและการปรับตัวของพวกเขา

เมื่อนักปราชณ์เห็นดังนั่น เขารู้ได้ทันทีว่าเซียวเฉวียนไม่มีทางที่จะดึงดาบออกมาได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงใช้โอกาสนี้โจมตีเซียวเฉวียนด้วยดาบ

ตามที่เขาคาดไว้ ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนยังคงติดอยู่ในกำแพง แต่ปฏิกิริยาของเซียวเฉวียนก็เร็วเพียงพอ

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานดาบอันแหลมคมที่กำลังเข้ามาประชิดตัว เซียวเฉวียนจึงวางมือกับดาบจิงหุนชั่วคราว หันกลับไปตบเข้าที่ดาบของนักปราชณ์อย่างเบามือ

คราวนี้เป็นนักปราชณ์ที่พลาดการโจมตี เขาดึงดาบกลับขึ้นมา จากนั้นแทงไปที่เซียวเฉวียนอีกรอบ

เซียวเฉวียนพลิกตัวหลบหลีก เขาโน้มตัวลง คว้าด้ามจับของดาบจิงหุน กระแทกมันเข้าไป จนทำให้กำแพงเมืองเกิดช่องว่างขนาดใหญ่

ตัวเขาอยู่ห่างจากนักปราชณ์ระยะหนึ่ง เซียวเฉวียนหันมาดึงดาบจิงหุนออกด้วยพละกำลัง

ในขณะที่ดึงดาบออก เซียวเฉวียนต้องใช้ทักษะของเขาไปกว่าครึ่งหนึ่ง

หวังว่ากำแพงเมืองที่มีรอยแยกแตกลึกนี้ จะพังทลายลงมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย