ไม่คาดคิดว่ากำแพงเมืองนี้จะพังทลายลงมาจริงๆ
ในวินาทีถัดมา กำแพงได้พังทลายลง!
ทันใดนั้นฝุ่นและผงละอองก็พวยพุ่งขึ้นมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งจามทั้งสำลักฝุ่น
กองทัพซินเจียงถูกซากปรักหักพังของกำแพงหล่นทับใส่จนเสียชีวิต
กองทัพต้าเว่ยไม่ได้อยู่บริเวณนั้น พวกเขาจึงโชคดีที่ไม่โดนทับตายไปด้วย
เมื่อกำแพงพังทลายลงก็เท่ากับเปิดช่องว่างขึ้น
สำหรับกองทัพต้าเว่ย ไม่ว่าประตูจะเปิดหรือปิด มันก็ไม่ได้สำคัญแล้ว
พวกเขาสามารถผ่านเข้าไปได้
นี้ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่ากำแพงเมืองไม่ได้มั่นคง เซียวเฉวียนไม่เข้าไปข้างในได้แล้วงั้นหรือ?
ใครจะไปคิดว่ามีเพียงประตูเมืองที่แข็งแกร่ง แต่กำแพงกลับไม่มั่นคงเช่นนี้เล่า?
ช่างเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น
การพังทลายของกำแพงเมืองทำให้กองทัพซินเจียงตื่นตระหนก
แม่ทัพของซินเจียงหยุดจัดการกับเหมิงเอ้า ละดมไพร่พลของเขาไปป้องกันช่องว่างไม่ให้กองทัพต้าเว่ยเข้ามาข้างใน
ในอีกด้านหนึ่ง กองทัพซินเจียงก็ระดมยิงธนูอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่มีเซี่ยวเฟิงคอยสนับสนุน ไม่ว่ากองทัพซินเจียงจะระดมยิงธนูมามากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีเหมิงเอ้าได้ อย่างมากก็แค่ชะลอการเปิดประตูของเหมิงเอ้า
การพังทลายของกำแพงเมืองทำให้นักปราชณ์ตกตะลึง หัวใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อกำแพงทลายลงแล้ว มันยากที่จะปิดกั้นกองทัพต้าเว่ยที่ประตูเมือง!
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ ทันใดนั้นนักปราชณ์พูดขึ้นเสียงดัง “รีบไปเอาน้ำมันมาเทแล้วจุดไฟซะ”
มีเพียงการจุดไฟที่กำแพงเมืองเท่านั้นที่จะป้องกันไม่ให้กองทัพต้าเว่ยเข้าไปได้
ส่วนจะต้านกองทัพต้าเว่ยได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับประสงค์ของพระเจ้า
ตอนนี้ต้องจุดไฟ
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ทัพแห่งซินเจียงก็รีบสั่งให้กองทัพซินเจียงปฏิบัติตาม
ในเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา กองทัพซินเจียงจุดไฟได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ขณะนี้ไฟได้ปิดกั้นกองทัพต้าเว่ยไว้เรียบร้อยเเล้ว
ดวงตาของเหล่าทหารในกองทัพต้าเว่ยจากที่เต็มไปด้วยแรงแห่งความมุ่งมั่น กลับมอดม้วยลง ความหวังที่จะเข้าไปในเมืองค่อยๆสลายหายไป
ไฟเริ่มลุกโชนขึ้น ไม่รู้ว่าจะคงอยู่ได้นานเพียงใด
กองทัพซินเจียงมีแผนของเขา และกองทัพต้าเว่ยก็แผนเช่นกัน
ในเวลานี้ หอคอยได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว และไม่มีใครในกองทัพซินเจียงที่ยังคงเทน้ำมัน หรือหาน้ำมาดับไฟ
ตอนนี้กองทัพต้าเว่ย ประจำการอยู่ไม่ไกลจากกำแพงเมือง
เมื่อมองดูไปยังเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ด้านหน้า จู่ๆ แม่ทัพต้าเว่ยก็เกิดความคิดขึ้นมา
เขาสั่ง "เหล่าพี่น้อง! เตรียมต่อสู้!"
ต่อให้เปลวเพลิงจะลุกโชนท่วมหัว แต่ก็ไม่สามารถหยุกลูกกระสุนได้เป็นแน่!
ใช่แล้ว!
ข้ามกำแพงไฟ กองทัพต้าเว่ยสามารถเอาชนะกองทัพซินเจียงได้อย่างแน่นอน!
แล้วหาโอกาสใช้โล่ป้องกันไฟในขณะที่ข้ามกำแพง กองทัพต้าเว่ยจะตีเมืองได้สำเร็จ
ตราบใดที่เราเข้าเมืองได้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่าย
จากนั้น กองทัพต้าเว่ยก็เริ่มแบ่งงานกัน บางคนยืดหยัดอยู่ด้านหน้าพร้อมโล่ป้องกันไม่ให้ธนูของกองทัพซินเจียงยิงโดนตัว
ด้านหลังโล่มีเหล่าทหารที่ยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ปืนในมือของพวกเขามุ่งเป้าไปที่กองทัพซินเจียง พวกเขาแต่ละคนได้เริ่มลงมือยิงเสียงดัง "ปัง! ปัง! ปัง!"
กองทัพซินเจียงไม่คาดคิดว่ากองทัพต้าเว่ยจะลงมือไวถึงเพียงนี้
ทันทีที่กำแพงพังทลายลง พวกเขาก็พร้อมที่จะสู้รบต่อทันที
เมื่อไม่ระมัดระวังให้ดี กองทัพซินเจียงก็จะสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมาก
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กองทัพซินเจียงก็ตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว
จะสามารถต้านทานไว้ได้นานสักแค่ไหนกัน?
ช่องว่างนี้จะต้องได้รับการปกป้องและป้องกัน
เนื่องจากมีการเพิ่มกำลังกองทัพต้าเว่ยนอกเมือง และกองกำลังส่วนใหญ่ของกองทัพซินเจียงอยู่ด้านหลังเปลวเพลิง
ทหารส่วนหนึ่งยังคงเฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองต่อไป
หากประเมินจากสถานการณ์แล้ว เหมิงเอ้าไม่สามารถเปิดประตูเมืองได้ในเวลาอันสั้น และกองทัพต้าเว่ยก็ไม่สามารถทุละกำแพงไฟและโจมตีได้ในทันที
กองทัพทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน
นอกจากนี้ เสนาบดียังไม่ที่จะทูลความเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทูลความจริงที่ว่า "กราบทูลฮองเฮา ตอนนี้ลูกเขยได้ทลายกำแพงเมืองลงแล้ว"
“กองทัพของเราและกองทัพต้าเว่ยได้เผชิญหน้ากันอย่างสมบูรณ์”
ตามที่คาดไว้ กองทัพซินเจียงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเสนาบดีไม่ได้ทูลเรื่องนี้ต่อฮองเฮา
ในฐานะเสนาบดี ถ้อยคำดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮองเฮาก็หายใจไม่ออก ดูเหมือนกำลังจะหมดสติไป
หากแต่เพียงว่าพระนางยังต้องการให้ข้าราชบริพารทำงานต่อให้ พราะนางจึงตั้งสติให้มั่น
ฮองเฮาตรัสออกมาด้วยความโกรธว่า "ข้าอยากให้เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับกิจการบ้านเมืองมากกว่า"
พระนางรู้ดีว่าร่างกายของพระนางเป็นอย่างไร
หลังจากป่วยมาหลายวัน ฮองเฮารู้สึกว่าพลานามัยของพระนางแย่ลงทุกวัน
แม้ในขณะนี้เอง พระนางยังรู้สึกว่าพระนางอาจจะสวรรคตเมื่อไหร่ก็ได้
แต่หมิงเจ๋อ ยังต้องการให้พระนางปกป้อง พระนางไม่สามารถสวรรคตได้
สถานการณ์ราวกับแขวนไว้บนเส้นด้าย ฮองเฮาเองก็อาจจะสวรรคตได้ในครั้งนี้ เมื่อพระนางรู้ว่ากองทัพต้าเว่ยกำลังเข้าใกล้เมือง ถึงเวลาที่ต้องต้องทูลถามเรื่องฮ่องเต้
ณ จุดนี้ไม่มีอะไรเหลือให้ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป
หากเราโชคดีได้รับชัยจากศึกครั้งนี้ ก็จะถือว่าเป็นประสงค์ของพระเจ้า และจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องราชการ
แต่ถ้าหากพ่ายแพ้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
แคว้นจะล่มสลาย!
ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันใด
เสนาบดีพยักหน้าและกราบทูลออกไปว่า "ฮองเฮาทรงพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อพลานามัยของพระองค์จะได้เเข็งแรง กระหม่อมจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจัดการกับกิจการต่างๆ"
แต่เนื่องจากฮองเฮาทรงประชวรมาก โอกาสที่จะดีขึ้นจึงแทบจะไม่มี
มีเรื่องที่เสนาบดีรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องถามออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...