ไม่น่าเชื่อ ว่าชีวิตของหมิงเจ๋อจะเต็มไปด้วยเรื่องราวพลิกผัน
และไม่น่าเชื่อ ว่าทั้งการที่ซินเจียงโจมตีต้าเว่ย และต้าเว่ยตีโต้กลับซินเจียง ล้วนเป็น “ผลงาน” ของหมิงเจ๋อ
คนก่อเรื่อง ต่อให้เลวร้ายแค่ไหน ก็ไม่อยากให้ประเทศของตัวเองเกิดสงคราม
เรื่องราวจะพลิกผันไปได้อย่างไร
ในฐานะรัชทายาท ทำไมถึงไม่คิดถึงผลลัพธ์โดยรวม
คนทั่วไปยังรู้ ว่าต้าเว่ยเป็นมหาอำนาจ ซินเจียงปัจจุบันจะกัดกินได้อย่างไร
หมิงเจ๋อทำแบบนี้ บ้าไปแล้ว
ราชินี ฟังคำยุยงของหมิงเจ๋อ ก็บ้าไปแล้วเหมือนกัน
คนเหล่านี้ ล้วนเป็นคนบ้า
ในตอนนี้ ประชาชนจ้องมองไปที่คนก่อเรื่อง ถามด้วยความโกรธว่า “พวกเจ้าเป็นคนของเขาจริงๆ หรือไม่?”
ประชาชนถูกเหมิงเอ้าโดยเหมิงเอ้าคิดว่าหมิงเจ๋อไม่คู่ควรกับคำว่ารัชทายาท แต่เขาเคยเป็นรัชทายาท คิดๆ ดูแล้ว เรียกว่า “เขา” แทน
เมื่อได้ยินคำถาม คนก่อเรื่องจึงดึงสติกลับมา สายตาเลี่ยงที่จะมองประชาชน
ความโกรธของสาธารณชน ยากจะต้านทาน
หนึ่งในนั้น ถามต่อว่า “จริงๆ ไม่ใช่หรือ?”
คนก่อเรื่อง ตอบว่า “จริงแท้แน่นอน”
เหมิงเอ้าจับจังหวะพูดแทรก “กล้าสาบานต่อหน้าทุกคนไหม?”
พูดจบ เหมิงเอ้ามองคนก่อเรื่องด้วยความหมายแฝง
กลยุทธ์นี้ เหมิงเอ้าเรียนรู้มาจากเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนเคยพูด กับเหมิงเอ้าและไป๋ฉี่ว่า คำสาบานเป็นสิ่งไร้ค่าที่สุดในโลก
ในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครสาบาน ทุกคนไม่เชื่อ แต่คนในยุคนี้เชื่ออย่างสนิทใจ ในบางสถานการณ์ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์นี้
ในฐานะแฟนคลับตัวยง ของเซียวเฉวียน เหมิงเอ้าจดจำทุกคำพูดของเซียวเฉวียนไว้
ไม่คาดคิด ว่าวันนี้จะได้ใช้
เมื่อได้ยิน คนก่อเรื่องมองหน้ากัน แสดงท่าทางดุร้าย ตอบว่า “สาบานทำไม?สาบานทำไม?เจ้าเป็นใคร?เจ้าให้สาบานก็สาบาน!”
พูดมากมาย จริงๆ มีความหมายเพียงอย่างเดียวคือ ไม่สาบาน
ไม่กล้า
เพราะพวกเขา ทำงานให้หมิงเจ๋อจริงๆ
ยังไม่ทัน เหมิงเอ้าพูดอะไร ประชาชนก็ลุกขึ้นยืน ถามว่า “พวกเจ้าไม่กล้าสาบาน ใช่เพราะเริ่มกลัวหรือไม่?”
ถ้าไม่มี อะไรในใจ การสาบานง่ายๆ ทำไมไม่ทำ
พูดอีกอย่าง ก็คือ สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้
ในทางกลับกัน หากพวกเขาไม่ยอมสาบาน แสดงว่าพวกเขากำลังทำงานให้กับหมิงเจ๋อ
เหล่าราษฎรต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “จริงสิ จริงสิ ถ้าใจไม่มีพิษภัย สาบานหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ได้ทำให้เนื้อหายไปสองชั่ง”
“ไม่ยอมสาบาน แสดงว่าใจมีพิษร้ายอะไร”
“หรือว่า พวกเขาจะเป็นอย่างที่ท่านผู้ใหญ่นี้พูดจริงๆ เป็นพวกที่มาสร้างความวุ่นวาย”
ท่านผู้ใหญ่ที่ราษฎรพูดถึง หมายถึง เหมิงเอ้า
ราษฎรต่างพูดจาไม่หยุด แสดงให้เห็นชัดว่าเริ่มโน้มเอียงไปทาง เหมิงเอ้า
พวกที่มาก่อเรื่องมีเพียงไม่กี่คน ปากแค่ไม่กี่ปากย่อมพูดสู้ราษฎรไม่ได้ อีกทั้งพวกเขายังรู้สึกเริ่มกลัว
ภายใต้การซักถามของราษฎร พวกที่มาก่อเรื่องต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน เป็นการส่งสัญญาณหาวิธีหนี
หากยังอยู่ต่อ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง
แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดต่อหมิงเจ๋อเปลี่ยนไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำงานให้กับหมิงเจ๋ออยู่ ไม่สามารถยอมรับต่อหน้าสาธารณชนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...