หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว คนที่มาก่อเรื่องพูดเสียงเบาเหมือนยุงว่า “ท่านราชบุตรเขยมา ข้าพเจ้ารู้ผิดแล้ว ข้าไม่ควรสร้างเรื่องเท็จ ใส่ร้ายกองทัพต้าเว่ย”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซียวเฉวียน พูดเสียงเรียบว่า “เจ้าพูดอะไร พูดเสียงดังหน่อย”
คนที่อยู่ในยุทธจักร ย่อมมีสายตาแข็งกร้าวอยู่บ้าง
คนที่มาก่อเรื่องเสริมเสียง สีหน้าดูอึดอัดอย่างมาก พูดว่า “พวกเราผิด พวกเราไม่ควรใส่ร้ายกองทัพต้าเว่ย”
เดิมทีพวกเขาคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องหมิงเจ๋อ แค่รับผิดเรื่องนี้ โทษฐานนี้ เซียวเฉวียนคงจะปล่อยพวกเขาไป
แต่พวกเขาคิดผิด
เซียวเฉวียน ถามเสียงเย็นชาว่า “ใครเป็นผู้สั่งให้ทำ?”
คนที่มาก่อเรื่องตกตะลึง สีหน้าตึงเครียดและตื่นตระหนก มองไปที่เซียวเฉวียน ราวกับขอร้องให้เซียวเฉวียน ปล่อยพวกเขาไป ไม่อยากซักไซ้ไล่เลียง
โอ้ ๆ ๆ
แบบนี้ ต่อให้พวกเขาไม่ตายในมือ เซียวเฉวียน ก็คงตายในมือคนของหมิงเจ๋อ
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียน พูดเสียงเย็นว่า “พูดมาสิ!”
เสียงตะโกนนี้ ทำให้คนที่มาก่อเรื่องสะดุ้ง กลัวจนเผลอคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านราชบุตรเขย ขอร้องล่ะ ท่านราชบุตรเขต โปรดไว้ชีวิต!”
เซียวเฉวียน ไม่พูดอะไร มองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาจากที่สูง
ดูท่าแล้ว ไม่พูดคงไม่ได้
แต่คนที่มาก่อเรื่องไม่สามารถพูดความจริงได้จริงๆ พวกเขายังคงรับผิดชอบเรื่องนี้ พูดตะกุกตะกักว่า “ข้าแจ้งให้ท่านทราบ ท่านราชบุตรเขยไม่มีใครสั่งพวกเรา พวกเราแค่ชั่ววูบขาดสติก่อความผิดครั้งใหญ่”
“ท่านโปรดอภัยให้พวกเราครั้งนี้เถอะ พวกเราสัญญาว่าจะประพฤติตนเป็นคนดีในภายหลัง”
ในเวลานี้ ชาวบ้านที่มุงดูต่างก็พูดถึงคนที่มาก่อเรื่อง
“ใจพวกเจ้าดำมืดจริงๆ ยังหายไม่วุ่นวาย หาเรื่องสร้างความวุ่นวายเพิ่ม!”
“ทำร้ายคนแบบนี้ มีประโยชน์อะไรกับพวกเจ้า?”
“นั่นสิ นั่นสิ!”
“ข้าว่าคนแบบนี้ ไม่ควรได้รับการให้อภัย!”
“ใช่! ใช่!”
“คนที่มีจิตใจไม่ดี ควรตาย!”
“ประหารพวกมัน!”
“ประหารพวกมัน!”
เรียกได้ว่าเป็นความโกรธแค้นของประชาชน!
จริงสิ ประชาชนเพิ่งผ่านสงครามมา ใจยังไม่สงบอยู่แล้ว พวกก่อกวนยังมาสร้างเรื่องอีก คงตั้งใจท้าทายความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับกองทัพต้าเว่ยแน่ ๆ
ช่างมีเจตนาร้ายเสียจริง!
เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องโกรธแค้นของประชาชน พวกก่อกวนก็ตกใจกลัว ตัวสั่นเทาเหมือนรำข้าว รีบคลานไปหาเซียวเฉวียน ก้มลงกอดขาของเขาเพื่อขอชีวิต
แต่เซียวเฉวียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กอดขาเขาเลย
เขาขยับตัวไปด้านข้างอย่างแนบเนียน พูดเสียงเย็นชาว่า “พวกท่านก็ได้ยินแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจปล่อยพวกท่าน”
เป็นเพราะชาวบ้านต้องการชีวิตพวกท่าน
พวกก่อกวนได้ยินดังนั้น ต่างพากันหันมา ก้มกราบขอขมาชาวบ้าน ร้องไห้คร่ำครวญว่า “พ่อแม่พี่น้อง เราผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่กล้าทำอีกแล้ว ขอร้องพวกท่านไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด”
ฮือ ๆ ๆ
พวกเขาเป็นอันธพาลมานาน ไม่เคยรู้สึกอึดอัดแบบนี้มาก่อน
ในอดีตพวกมันเคยรังแกประชาชนจนเคยชิน คงไม่มีวันคิดฝันว่าจะมีวันต้องคุกเข่าขออภัยกับชาวบ้าน
วันหนึ่ง
ชีวิตช่างเต็มไปด้วยความผันแปร
ชาวบ้านมองพวกก่อกวนด้วยความรังเกียจ มีคนกัดฟันพูดว่า “ให้อภัยพวกเจ้าเหรอ?ถ้าไม่ใช่เพราะคนของท่านราชบุตรเขยมาทัน พวกเราคงโดนพวกแกหลอกใช้จนหมดแล้ว ใครจะให้อภัยพวกเจ้า?”
“ฆ่ามันให้ตาย!”
“ใช่แล้ว พวกแกใจร้ายเหลือเกิน สมควรตาย!”
จบแล้ว คราวนี้พวกมันสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านจนหมดสิ้น
หากไม่ได้ หนีก็หนีไม่ได้
ช่างน่าเศร้า!
พวกก่อกวนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำ
แต่พวกเขายังกล้าที่จะลงมือกับพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ทำงานให้กับหมิงเจ๋อ
ดังนั้น เมื่อพวกเขารู้ว่าพวกนั้นได้รับคำสั่งจากหมิงเจ๋อ พวกเขาก็ต่างคนต่างยกกำปั้นขึ้น หรือหาไม้มาตีพวกนั้นโดยไม่พูดอะไร
พวกอันธพาลเหล่านี้มีฝีมืออยู่บ้าง
แต่ถูกประชาชนล้อมไว้ พวกเขาไม่มีโอกาสได้สู้กลับ
ได้แต่ทนรับการทุบตีจากประชาชน เมื่อรู้สึกเจ็บก็ร้องครางหรือร้องโหยหวน
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกอันธพาลเหล่านี้ก็ถูกตีจนน่วม
ประชาชนจึงหยุดมือ
เมื่อพวกเขาออกจากอารมณ์โกรธแล้ว กลับพบว่าเซียวเฉวียนและเหมิงเอ้าหายไปไหนแล้ว
แม้แต่กองทัพต้าเว่ยก็ค่อยๆ เดินจากไป
เรื่องนี้จึงจบลง
ในที่สุดพวกอันธพาลเหล่านี้ก็ไม่มีใครสนใจ และตายอยู่ข้างถนน
ต่อมา ทหารต้าเว่ยที่ลาดตระเวนผ่านมา เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ของเมือง จึงโยนศพของพวกเขาไปที่สุสานรกร้าง
ถือว่าช่วยเก็บศพให้พวกเขา
ในเวลานี้ กองทัพต้าเว่ยที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนติดกับอาณาจักรซินเจียง เตรียมพร้อมที่จะออกรบแต่เห็นกองทัพซินเจียงถอยทัพกลับไป
การกระทำนี้ทำให้กองทัพต้าเว่ยที่ประจำการอยู่ชายแดนรู้สึกงุนงง
จริงอยู่ว่า การไม่เกิดสงครามย่อมดีกว่าการเกิดสงครามเป็นไหน ๆ
แต่ทว่า ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาไม่ได้ลดลงเลย กลับยิ่งรุนแรงขึ้น
พวกเขาแค่อยากรู้ว่า ทำไมกองทัพซินเจียงถึงได้ก่อเรื่องใหญ่โต แต่กลับถอยทัพกลับไป
ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา ในที่สุดก็ได้รับการตอบสนองในอีกสองวันต่อมา
สองวันต่อมา ข่าวเกี่ยวกับกองทัพต้าเว่ยที่ยึดครองเมืองหลวงของอาณาจักรซินเจียงได้ แพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ซึ่งหมายความว่า อาณาจักรซินเจียงกำลังจะกลายเป็นดินแดนของต้าเว่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...