ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1740

สรุปแล้วเป้าหมายของนักปราชญ์ก็คือเซียวเฉวียน

เพื่อที่จะฆ่าเซียวเฉวียน เขาถึงกับลากทุกคนมาเป็นเครื่องมือ!

เพื่อที่จะฆ่าเซียวเฉวียน ถึงกับต้องทำให้เรื่องราวซับซ้อนขนาดนี้ และยังมีชีวิตผู้คนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อองครักษ์ซ่อนเร้นได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เพื่อฆ่าเซียวเฉวียนเขาถึงกับดึงหมิงเจ๋อให้ตกน้ำแล้วยังมีแรงกายแรงใจของชาวหมิงเซียนทั้งหมดอีกด้วย

วันนี้ก็ยังมิลังเลกระตุ้นให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างสองประเทศ

นักปราชญ์ไม่สนใจใครเลย!

เขาฆ่าคนเหมือนผักปลา!

เซียวเฉวียนแอบประหลาดใจกับวิธีการล้างสมองของเสวียนอวี๋

แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งเดือนที่ไม่เห็นเขา เสวียนอวี๋กลับพูดจาเก่งได้ขนาดนี้ ช่างเป็นคนรุ่นหลังที่น่าเลื่อมใสจริงๆ!

ดูเขาสิ เขาสามารถชักจูงองครักษ์ซ่อนเร้นทั้งสี่มาเข้าร่วมกับเขาได้สำเร็จ และยังกระตุ้นความคิดของพวกเขาได้สำเร็จอีกด้วย

ซึ่งนั้นหมายความว่าองครักษ์ซ่อนเร้นได้ค่อยๆ เข้ามาสู่เส้นทางของเสวียนอวี๋อย่างช้าๆ

พวกเขาเริ่มใจสั่นคลอน!

ตัวตนของนักปราชญ์ในใจของพวกเขาเริ่มพังทลายลง

ก็เหมือนกับปฎิกริยาของเสวียนอวี๋ในตอนนั้นที่เริ่มมีความเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่านักปราชญ์ไม่คู่ควรที่เขาจะติดตามอีกต่อไป

ไม่ใช่เพราะนักปราชญ์เป็นคนไม่ดี แต่เป็นเพราะนักปราชญ์มีเรื่องปิดปังพวกเขามากมาย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยเห็นพวกเขาเป็นพวกเดียวกันเลย ทำเหมือนพวกเขาเป็นคนโง่เหมือนกบในกะลามาโดยตลอด

พวกเขาทำเพื่อนักปราชญ์ พวกเขามีชีวิตอยู่และตายเพื่อสำนักหมิงเซียน แต่นักปราชญ์ที่พวกเขาเคารพกลับเป็นคนหลอกลวงและขโมยชื่อเสียงไปจากพวกเขา!

ตัวแทนแห่งสวรรค์ เรื่องราวกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้เลยหรือ!

เซียวเฉวียนรู้ที่เสวียนอวี๋สามารถหลอกล่อองครักษ์ซ่อนเร้นมาได้สำเร็จ

เสวียนอวี๋ถือโอกาสตีเหล็กช่วงที่เหล็กกำลังร้อนอยู่ว่า “พวกเจ้าไม่ลองคิดดูดี ๆ พวกเจ้าอยู่สำนักหมิงเซียนมานานขนาดนี้ เคยได้รับการต้อนรับดีๆเป็นพิเศษจากเขาหรือไม่?”

จนตอนนี้ เสวียนอวี๋ใช้ตัวเองเป็นตัวแทนของนักปราชญ์

เป็นไปไม่ได้ที่เสวียนอวี๋จะเรียกเขานักปราชญ์

แต่อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ก็เคยเป็นอาจารย์ของเสวียนอวี๋ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ คำที่รุนแรงเกินไปเสวียนอวี๋ขอไม่เอ่ยถึง นั้นเป็นเพราะอยากไว้หน้าให้เขาบ้าง

นักปราชญ์มักจะเป็นคนจริงจังมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นเขาทำราวกับว่าเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในคุณธรรม ราวกับว่าเขาเป็นผู้สูงส่งและดูถูกคนอื่น

ทั้งสำนักหมิงเซียน คนที่ได้รับการปฎิบัติดีหน่อยนอกจากเสวียนอวี๋แล้วก็จะมีย่าเหยียน

รองลงก็จะมีมู่เวยและมู่จิ่นเท่านั้น

คนอื่น ๆ ในสายตาของนักปราชญ์แล้วก็ไร้ค่าเหมือนมดแมลง เขาไม่เคยแม้แต่จะมองด้วยซ้ำ

พูดตรงๆ คนเหล่านี้ก็เป็นเพียงเครื่องมือที่นักปราชญ์เอาไว้ใช้สำหรับรักษาสำนักหมิงเซียนของเขาเท่านั้น

อย่างอื่นไม่ขอพูดถึง แค่เรื่ององครักษ์ซ่อนเร้นทั้งสี่คนนี้ ถ้านักปราชญ์ไม่ตกอยู่ในอันตรายและต้องการให้พวกช่วยเขาก นักปราชญ์ก็จะคงจะเก็บพวกเขาไว้ด้านข้างไม่แม้แต่จะเหลียวมองพวกเขาด้วยซ้ำ

เจ้านายที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ยังควรค่าแก่การติดตามอยู่หรือไม่?

คำพูดของเสวียนอวี๋ยิ่งกระตุ้นให้พวกองครักษ์ซ่อนเร้นต้องคิดหนักมากขึ้น

พวกเขาก็เหลือบมองเสวียนอวี๋และเซียวเฉวียนบ่อย ๆ เมื่อดูรูปลักษณ์ของเซียวเฉวียน ดูเหมือนว่าเขาก็อยากจะเอาองครักษ์ซ่อนเร้นไว้ใช้งานเสียเอง

และมองดูเสวียนอวี๋อีกครั้ง ดูเขาเต็มใจทำเหมือนเซียวเฉวียนเป็นแขกที่ได้รับเชิญ และยังช่วยเซียวเฉวียนชักชวนพวกเขาให้ยอมจำนนต่อเซียวเฉวียน

ดูท่าแล้วในใจเสวียนอวี๋ต้องรู้สึกดีกับเซียวเฉวียนมากอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามนิสัยของเสวียนอวี๋พวกองครักษ์ซ่อนเร้นต่างก็รู้ดี

แม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่เขาก็มีบุคลิกค่อนข้างดี เขาไม่ฟังคำของใครนอกจากคำพูดของนักปราชญ์

นอกจากนักปราชญ์แล้วเขาไม่เคยไว้หน้าใครเลย

แต่เซียวเฉวียนได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเสวียนอวี๋ได้ เซียวเฉวียนต้องมีบางอย่างที่สามารถทำให้เสวียนอวี๋นับถือเขาได้จริงๆ

พูดตามตรง หลังจากที่องครักษ์ซ่อนเร้นได้ยินสิ่งที่เสวียนอวี๋พูดแล้วความนับถือของพวกเขาที่มีต่อนักปราชญ์ก็ลดลง

ไม่มีใครชอบถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนโง่และได้รับการปฏิบัติอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้หรอก

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่ลูกน้อง แต่ก็เป็นคนเหมือนกัน

แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถเท่ากับเสียนอวี๋ หากพวกเขายอมติดตามเซียวเฉียวเหมือนกับเสียนอวี๋ เซียวเฉวียนจะเมินเฉยพวกเขาหรือไม่?

เสียนอวี๋ไม่รู้จริงๆ ว่ามีคนอย่างองครักษ์ซ่อนเร้นแบบนี้อยู่กี่คนในมือของเขา

แม้แต่เสวียนอวี๋ศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของเขาที่เขาฝึกฝนมาอย่างดี เขายังไม่ได้รับความไว้วางใจเลย แต่เมื่อคิดไปแล้วนักปราชญ์อาจจะเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจคนอื่นอย่างมาก

มันก็ใช่ นักปราชญ์เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ไว้ใจใครเลย

ในความเป็นจริงที่เซียวเฉวียนได้รับองครักษ์ซ่อนเร้นทั้งสี่นี้เข้ามาโดยที่นักปราชญ์ยังไม่รู้เรื่อง เซียวเฉวียนสามารถปล่อยให้พวกเขาอยู่ข้างกายนักปราชญ์ต่อไปได้เพื่อทำงานเป็นสายลับให้กับเซียวเฉลียว

แต่นักปราชญ์ก็ระมัดระวังตัวอย่างมากและดวงตาของเขาก็ดุร้ายมาก

แต่องครักษ์ซ่อนเร้นเป็นทหาร มันเป็นเรื่องยากที่คิดจะซ่อนตัวอยู่ใต้จมูกของนักปราชญ์

ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงล้มเลิกความคิดนี้

ในความเป็นจริง ถ้านักปราชญ์รู้ว่าองครักษ์ซ่อนเร้นที่สู้อุตส่าห์ฝึกฝนมา โดนเซียวเฉวียนหลอกล่อไปแล้ว แกล้งแหย่ให้นักปราชญ์โมโหเล่นๆก็ไม่เลว

ในเวลานี้ หนึ่งในองครักษ์ซ่อนเร้นก็พูดว่า "นายท่าน เมื่อสักครู่นักปราชญ์เพิ่งส่งสัญญาณเรียกพวกเขา"

พวกเขาได้รับสัญญาณ์เรียกหาจากนักปราชญ์ตั้งนานแล้ว แต่องครักษ์ซ่อนเร้นกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เสวียนอวี๋พูดอยู่เลยไม่ได้สนใจ และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย

เซียวเฉวียนยิ้มที่มุมปากแล้วพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นพวกเจ้าพาข้าไปพบเขาหน่อยเถอะ”

เซียวเฉวียนเคยพูดหากนักปราชญ์ฆ่าหมิงเจ๋อเขาจะปล่อยนักปราชญ์ไป และเซียวเฉวียนก็ปล่อยให้นักปราชญ์หลหนีไปจริงๆ

แต่เขาแค่บอกว่าจะปล่อยแต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่สะกดรอยตามนักปราชญ์

เซียวเฉวียนอยากจะรู้ว่าหลังจากที่นักปราชญ์หนีออกไปจากที่นี่ เขาจะไปที่ไหน และหาที่ไหนเป็นแหล่งกบดาน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ องครักษ์ซ่อนเร้นก็นำพาเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋ไปตามเส้นทางที่จะไปหานักปราชญ์

และนักปราชญ์ที่กำลังรอคอยองครักษ์ซ่อนเร้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และเขาก็รอมานานเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววขององครักษ์ซ่อนเร้นเลย แม้กระทั่งสัญญาณตอบกลับจากองครักษ์ซ่อนเร้นก็ยังไม่มี

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดมาก

ไม่รู้ว่าองครักษ์ซ่อนเร้นจะถูกองครักษ์เงาสกัดไว้ไม่สามารถหนีไปได้ หรือว่าถูกเสี่ยวฉวนหลอกล่อไปแล้ว

พูดตามหลักแล้ว แม้ว่าจะถูกองครักษ์เงาสกัดไว้ก็สามารถส่งสัญญาณให้นักปราชญ์ได้นี่

ความเงียบนี้ทำให้นักบุญรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย