นักปราชญ์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
บางทีองครักษ์ซ่อนเร้นอาจถูกเซียวเฉวียนชักจูงไปแล้ว
แต่ถ้าถูกเซียวเฉวียนชักจูง ด้วยสติปัญญาอย่างเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนจะต้องใช้ประโยชน์จากองครักษ์ซ่อนเร้นเพื่อตามมาหานักปราชญ์อย่างแน่นอน
แต่ว่านักปราชญ์ก็รออยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่เห็นร่างใครเลยแม้แต่คนเดียว
นี่มันช่างแปลกมากจริง ๆ!
ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น นักปราชญ์คิดว่ารออีกสักพักก่อนแล้วกัน
แต่เพื่อความปลอดภัย นักปราชญ์จึงหาที่ลับและหลบซ่อนตัวไว้
คนที่เขาอยากกันไว้คือเซียวเฉวียน
หลังจากรออยู่ประมาณห้าถึงสิบนาที นักปราชญ์ก็ได้ยินเสียงมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่การได้ยินของเขาก็ยังค่อนข้างไว
เมื่อเขามองออกไปอย่างจดจ่อ เขาก็เห็นร่างของเสี่ยวเฉวียนจากระยะไกล
เซียวเฉวียนมีรูปร่างสูงและสง่างามอยู่แล้ว พลังอำนาจของเขาก็อยู่เหนือคน ถ้าหากเขาไม่จงใจซ่อนเร้นตัวไว้ แค่มองไปแวบเดียว เขาก็คือคือหงส์ในหมู่กาที่โดนเด่นที่สุดในฝูง
สิ่งที่ทำให้นักปราชญ์ต้องประหลาดใจคือเขามองเห็นเสวียนอวี๋ด้วย
ไม่ได้เจอกันหลายเดือน เสวียนอวี๋ตัวสูงขึ้น ใบหน้ากลมขึ้นมากดูแล้วมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลัง
หากว่าเสวียนอวี๋ยังอยู่ข้างกายนักปราชญ์ นักปราชญ์ก็จะมองเสวียนอวี๋ในอีกมุมหนึ่ง
น่าเสียดายเจ้าคนเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ถูกเซียวเฉวียนฉวนชักจูงได้ง่าย ๆ
ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้านักปราชญ์อีก บัดซบเอ๊ยย! ช่างไร้ยางอาย!
สายตาที่นักปราชญ์มองเสวียนอวี๋นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นไปอีกคือ สิ่งที่เขาได้คาดการณ์ไว้ องครักษ์ซ่อนเร้นทั้งสี่คนถูกเซียวเฉวียนชักจูงไปพวกของตัวเองแล้ว
แม้นักปราชญ์จะไม่ได้ยินด้วยหูตัวเองว่าองครักษ์ซ่อนเร้นได้ยอมจำนนต่อเซียวเฉวียนแล้ว แต่พวกเขาก็พาเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋มาที่นี่ด้วย และจุดยืนของพวกเขาก็ชัดเจนมาก
เซียวเฉวียนเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ !
กำแพงของนักปราชญ์กลับถูกเซียวเฉวียนขุดไปทีล่ะจุดทีล่ะจุด และยังประสบความสำเร็จอย่างมาก!
ทุกคนที่มีความสามารถที่อยู่รอบตัวนักปราชญ์ เซียวเฉวียนสนใจหมด
แล้วยังไงล่ะ?
คนของนักปราชญ์น่าสนใจงั้นหรือ?
สิ่งที่ตัวเองลงแรงไปกลับเสียแรงเปล่า นักปราชญ์โกรธมากถอนหายใจและจ้องมอง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นักปราชญ์รู้สึกว่าคนเหล่านี้ที่เขาฝึกฝนนั้นต่างมีจุดยืนที่ไม่มั่นคงเอาเสียเลย แค่ฟังเซียวเฉวียนพูดจาหลอกล่อไม่กี่คำ ก็หลงไปกับคำพูดของเซียวเฉวียน
พวกเขายังมีนักปราชญ์เจ้าสำนักคนนี้อยู่ในใจอีกหรือไม่?
ต้องสูญเสียบุคคลผู้มีความสามารถอีกสี่คนไป!
นักปราชญ์โกรธจนกัดฟันของเขาแน่น
แม้ว่าเขาจะเครียดแค้นมากแค่ไหน เขาก็ยังมีสติอยู่ เขารู้ดีถ้าเจอเซียวเฉวียนในเวลาแบบนี้ต้องหลบไปยิ่งไกลยิ่งดี !
ดังนั้น ก่อนที่เซียวเฉวียนและคนอื่นๆ จะมาถึง นักปราชญ์ก็รีบหลบหนีไปทันที และมุ่งหน้าไปยังภูเขาจงหนาน
ทันทีที่นักปราชญ์จากไป เซียวเฉวียนและคนอื่น ๆ ก็หยุด
หนึ่งในองครักษ์ซ่อนเร้นพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนที่เขาส่งสัญญาณเรียกพวกเรานั้น ตำแหน่งนั้นพวกเราคิดน่าจะเป็นที่นี่”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเฉวียนและคนอื่น ๆ ก็มองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของนักปราชญ์เลย
หากเซียวเฉวียนเดาถูกต้อง อาจเป็นเพราะนักปราชญ์เห็นว่าองครักษ์ซ่อนเร้นไม่ส่งสัญญาณตอบกลับเป็นเวลานาน เขาเลยต้องระมัดระวังตัว
หลังจากที่เห็นองครักษ์ซ่อนเร้นกับเซียวเฉวียนและยังมีเสวียนอวี๋มาพร้อมกันอีก เขาเลยแอบหลบหนีไป
นั่นหมายความว่า เซียวเฉวียนไล่ตามนักปราชญ์มาถึงที่นี่แต่กลับไม่พบร่อยรอยของนักปราชญ์เลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปทิศทางไหน
ช่างมันเถอะ ยังไงเซียวเฉวียนก็ต้องลากตัวเขาออกมาสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว แม้ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่มุมไหนของโลก เซียวเฉวียนก็มั่นใจว่าจะสามารถลากตัวเขาออกมาจนได้
ดั้งนั้น แม้ว่านักปราชญ์จะหลบหนีไปได้ เซียวเฉวียนก็ไม่ได้รีบร้อน
เซียวเฉวียนสอบถามความคิดเห็นขององครักษ์ซ่อนเร้นว่า "พวกเจ้าจะกลับไปที่จวนเซียวหรือจะอยู่ที่ซินเจียงเพื่อช่วยข้าค้นหาที่อยู่ของนักปราชญ์?"
แม้ปากจะบอกว่าค้นหาที่อยู่ของนักปราชญ์ แต่จริงๆ แล้วเพื่อป้องกันนักปราชญ์คิดจะทำอะไรแผลงๆ
เช่น ไปจัดการกองทัพต้าเว่ย
หลังจากฟังแล้ว ทันใดนั้นองครักษ์ซ่อนเร้นก็รู้สึกว่าเซียวเฉวียนมีอำนาจมากกว่าที่พวกเขาคิดเสียอีก และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสศรัทธาเซียวเฉวียน
พวกเขาติดตามนักปราชญ์มานานหลายปี พวกเขาไม่เคยเห็นนักปราชญ์ถูกใครทำให้เสียผลประโยชน์เลยสักคน
ไม่คิดเลยว่านักปราชญ์จะตกหลุมพรางขนาดใหญ่จากนำมือของเซียวเฉวียน!
หลังจากถูกเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงหลอกครั้งนี้ นักปราชญ์จะต้องสาหัสมากแน่?
ได้ยินมาว่าเขายังมีกองกำลังชาวยุทธ์แท้อยู่ด้วย และค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย
สามารถอยู่ถึงตอนนี้ได้ คิดว่านักปราชญ์คงจะต้องชักหน้าไม่ถึงหลังแน่ๆ?
ในอดีต พวกเขาอยู่และตายเพื่อนักปราชญ์ แต่นักปราชญ์ไม่เคยให้พวกเขาได้ไปที่หอคอยเหลียนเซียงทานอาหารดีๆ สักมือเลย
เขาใจแคบเกินไป
ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเริ่มติดตามเซียวเฉวียน แต่เซียวเฉวียนสั่งให้หอคอยเหลียนเซียงเปิดตอนรับพวกเขา แค่จุดนี้ก็ทำให้เซียวเฉวียนดีกว่านักปราชญ์เป็นร้อยเท่าพันเท่าแล้ว
ก็ช่วยไม่ได้ ตรรกะขององครักษ์ซ่อนเร้นก็ง่าย ๆ เช่นนี้เอง
อย่าถูกถูกอาหารแค่มื้อเดียว ในใจของพวกเขาแล้วอาหารมื้อเดียวสามารถทำให้พวกเขาเห็นว่าใครจริงใจต่อพวกเขาอย่างแท้จริง
พวกเขาสามารถมองออกว่าใครคู่ควรที่พวกเขาจะรับใช้ถวายชีวิตให้
ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับความสำคัญอีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่เสวียนอวี๋ยอมติดตามเซียวเฉวียนอย่างสุดใจ
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด ไม่เพียงแค่ได้กินดีอยู่ดีเมื่อติดตามเซียวเฉวียน องครักษ์ซ่อนเร้นกลับรู้สึกว่าพวกเขาเลือกคนไม่ผิดและพวกเขาก็ตั้งใจที่จะติดตามเสี่ยวฉวนไปตลอดชีวิต!
องครักษ์ซ่อนเร้นก็กล่าวอย่างตื่นตันว่า "ขอบคุณนายท่าน!"
เซียวเฉวียนพูดเบา ๆ ว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว เชิญเถอะ”
“ขอรับ! นายท่าน”
ทันทีที่พูดจบ องครักษ์ซ่อนเร้นรับคำสั่งและแยกย้ายจากไป
เมื่อรอจนองครักษ์ซ่อนเร้นจากไปจนลับสายตาแล้ว เซียวเฉวียนก็ยิ้มจาง ๆ และกล่าวชมเชยว่า "เสวียนอวี๋ เจ้าทำได้ดีมาก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...