เซียวเฉวียนเด็กคนนี้ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี แปลงร่างจากผู้คงแก่เรียนยากจนที่ใครเห็นใครรังแกมาเป็นมหาราชครู เป็นเจ้าของของโรงเรียนชิงหยวนแห่งต้าเว่ย
จากผู้ที่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะจับไก่ กลายมาเป็นคนที่ไม่มีใครทำร้ายตัวเขาได้
การพลิกผันของชีวิตเขานี้ เป็นที่น่าอิจฉายิ่งนัก
ตรงกันข้าม นักปราชญ์ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี เปลี่ยนจากการเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ที่ทุกคนเคารพนับถือ จากเจ้าสำนักหมิงเซียน มาถึงขั้นต้องอาศัยอยู่ในบ้านกระต๊อบ !
แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ
ชีวิตเปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน
สมกับคำที่ว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียว
ในใจของนักปราชญ์รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
ดวงตาของเขาดูโหดร้ายน่ากลัวยิ่งขึ้น
ไม่ เขาเป็นตัวแทนของมรรคสวรรค์ เขามีสวรรค์เบื้องบนคอยคุ้มครอง เขาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน
ครั้งนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพียงแค่สวรรค์เบื้องบนต้องการทดสอบเขาเท่านั้น
ใช่แล้ว นี่คือบทเรียนทดสอบที่สวรรค์เบื้องบนประทานแก่เขา
หลังจากอดทนรอดพ้นจากช่วงเวลาลำบากนี้ ฟื้นฟูสำนักหมิงเซียน นักปราชญ์ก็จะกลับมาเป็นบุคคลที่มีเกียรติสูงสุดในโลกนี้อีก !
ไม่ว่าจะเป็นคนราชวงศ์อะไร
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายหรือจักรพรรดิที่ไหน
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าขุนมูลนายประเภทไหน
นักปราชญ์จะไม่มองให้รกสายตา !
รอให้เขาสังหารเซียวเฉวียน คนนอกลู่นอกรีตคนนี้แล้ว เขาก็จะเป็นผู้สูงศักดิ์ค้ำฟ้าในโลก !
หลังจากปลอบใจตัวเองสักพักหนึ่งแล้ว อารมณ์ของนักปราชญ์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การฝึกฝนในวันนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
ฉะนั้น นักปราชญ์ก็นอนราบลงบนเตียงไม้เก่าๆ หลับตาพักเอาแรง
ฮึ !
ให้เซียวเฉวียนฉลาดแค่ไหน ก็คงคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาที่อ้านย้วยกระมัง !
ฮ่า ๆ ๆ !
ต้องบอกว่าเซียวเฉวียนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านักปราชญ์จะมาหลบซ่อนตัวอยู่ในอ้านย้วน
แต่ว่าเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋ก็กำลังสืบหาเบาะแสของนักปราชญ์อยู่ทุกแห่ง
และจังหวะที่ทั้งสองกำลังเตรียมจะออกจากบริเวณเขาจงหนานซาน คนที่ราชสำนักส่งมาก็มาเจอเซียวเฉวียนพอดี
ส่วนใหญ่เมื่อคนที่ราชสำนักส่งมาไม่รู้จะอย่างไรต่อไปแล้ว พวกเขาจึงต้องมาขอคำแนะนำจากเซียวเฉวียน
พูดถึง พวกเขาสามารถมาเจอเซียวเฉวียนได้ก็ถือเป็นเหตุบังเอิญ
ตอนที่บรรดาชาวบ้านมาก่อกวนที่จวนเจ้าอำเภอ คนที่ราชสำนักส่งมาเกรงว่าเกิดความรุนแรงถึงชีวิต จึงไปหลบซ่อนตัวคอยเฝ้าดูอย่างแอบ ๆ
ไม่คิดว่าจะได้พบเห็นเซียวเฉวียน
พวกเขาไม่กล้าแหกปากในเวลานั้น จึงมาหาเซียวเฉวียนในภายหลัง
และแถวนี้มีคนมากมายเสียชีวิต ชาวบ้านยังก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โต เซียวเฉวียนคาดว่าทางราชสำนักคงจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ จะต้องส่งคนมาจัดการอย่างแน่นอน
แต่ยังไม่ได้จัดการให้ดี
เซียวเฉวียนคิดว่าหากคนที่ราชสำนักส่งมารู้ว่าเซียวเฉวียนมาอยู่แถวนี้ จะต้องมาหาเซียวเฉวียนแน่ๆ
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงตั้งใจให้โอกาสพวกเขามาหาถึงที่ และไม่รีบร้อนที่จะจากไป
คนที่ราชสำนักส่งมานั้นพูดจาอย่างรวบรัด ขอคำแนะนำกับเซียวเฉวียนตรงๆ เลย
เซียวเฉวียนยิ้มๆ และพูดว่า "ก็เอาอย่างนี้ ให้เจ้าอำเภออย่างเพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน"
ในเมื่อกล่าวโกหกไปแล้ว ก่อนที่จะพบหลักฐาน ก็ต้องยืนเรื่องโกหกนี้ต่อไป
คนที่ราชสำนักส่งมาอดสับสนไม่ได้ "แล้วถ้าจับฆาตกรไม่ได้เลย จะให้เจ้าอำเภอหลบซ่อนตัวไปตลอดก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานี่นา"
เรื่องอื่นในเมืองนี้ ไม่ต้องสนใจดูแล้วหรือ ?
เซียวเฉวียนพูดว่า "ก็มีพวกเจ้าอยู่นี่แล้วมิใช่หรือ ?"
ชาวบ้านทั่วไปมีความเกรงกลัวต่อราชสำนักอย่างแปลกประหลาด พวกเขาคือคนที่ราชสำนักส่งมา ชาวบ้านทั่วไปไม่กล้าทำอะไรกับพวกเขา
ที่ว่าหา เซียวเฉวียนไม่ได้หาคนเหมือนคนอื่นๆ เจอใครก็ตามที่อยู่บนถนนก็ถามว่าเคยเห็นชายชราผมหงอกเต็มหัวคนหนึ่งหรือไม่
แต่พอเขาไปถึงสถานที่ใดสักแห่ง เขาจะอยู่ที่นั่นสักพัก นั่งอยู่ในโรงน้ำชาหรือโรงเตี๊ยม ฟังเรื่องซุบซิบนินทา ถ้าไม่ได้ยินว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นั่น เซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋ก็จะไปสถานที่อื่นต่อไป
ทั้งสองคนไปมาแล้วหลายเมืองติดต่อกัน ล้วนไม่ได้ยินว่ามีใครสูญหายหรือเสียชีวิต ซึ่งหมายความว่านักปราชญ์ไม่เคยไปสถานที่เหล่านั้น
เสวียนอวี๋อดสงสัยไม่ได้ว่า "ลุงเซียว ท่านคิดว่าเขาน่าจะไปที่ไหนมากที่สุด ? "
ด้วยความแข็งแกร่งของนักปราชญ์ในตอนนี้ เขาฆ่าคนก็คงต้องมีเกณฑ์คัดสรรค์ ถ้าเป็นคนพื้นๆ เขาคงไม่คิดที่จะสังหาร
ฆ่าแล้วไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังให้เขามาก แต่ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนอีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักปราชญ์น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ห่างไกลจากผู้คน แต่ยังสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้
เสวียนอวี๋หมายความว่า เซียวเฉวียนควรคิดให้รอบคอบว่ามีสถานที่ลักษณะนี้หรือไม่
เป็นคำที่ปลุกคนให้ตื่นจากฝันได้จริงๆ
ทันใดนั้นดวงตาของเซียวเฉวียนก็เปล่งประกายและพูดว่า "ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้"
ในสมองของเซียวเฉวียน มีสถานที่ที่เหมาะสมมากสำหรับให้นักปราชญ์หลบซ่อนตัว นั่นก็คืออ้านย้วน
ต้องขอบคุณเสวียนอวี๋มาสะกิด ไม่เช่นนั้น เซียวเฉวียนไม่รู้ถึงเวลาไหนถึงจะคิดได้ถึงอ้านย้วน
คนที่อาศัยอยู่ในอ้านย้วนล้วนเป็นไพร่ชาวคุนหลุน ในสายตาชาวโลก ไพร่คุนหลุนมีฐานะต่ำต้อย ไม่มีใครสนใจชีวิตความเป็นความตายของพวกเขา
เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ที่นั่นก็แค่เฝ้าดูทางออกเพื่อไม่ให้ไพร่คุนหลุนเดินออกมาเดินเพ่นพ่าน พวกเขาไม่เคยสนใจอย่างอื่น
ไพร่คุนหลุนที่อาศัยอยู่ในนั้นมีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นและมีจำนวนมาก ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการหาเลี้ยงชีพ ไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นใด
หรือบางทีพวกเขาอาจเจอว่ามีคนตาย พวกเขานอกจากเก็บศพแล้วไม่อาจช่วยทำอะไรได้
เพราะพวกเขารู้ว่าไม่มีใครสนใจชีวิตความเป็นความตายของพวกเขา
เรื่องมากยังอาจทำให้เจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ไม่สบอารมณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การทุบตีหรือดุด่าอย่างรุนแรง
ความรู้สึกมีปมต้อยที่ฝังติดอยู่ในกระดูกของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะต่อต้าน ได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำ
ถึงแม้ราชสำนักได้ฟื้นฟูระบบผู้อารักขา แต่ผู้ร่ำเรียนหนังสือในราชวงศ์ต้าเว่ยมักจะถือตัว ยังรู้สึกว่าการเลี้ยงดูผู้อารักขาเป็นเรื่องน่าอับอาย
ผู้รู้หนังสือที่ร่ำรวยมีอำนาจยังพอจะเลี้ยงดูได้ แต่ลูกหลานจากครอบครัวยากจนแทบจะไม่อาจเลี้ยงตัวเองได้ จะเลี้ยงผู้อารักขาอีกคนเป็นอะไรที่ยากลำบากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...