เขาเรียนรู้วิธีการโปรโมทเหล้าของเซียวเฉวียน เขาเริ่มจากทำซอสพริกจากพริก แล้วนำไปให้คนลองชิมในจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน
วิธีนี้ได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ ชาวบ้านที่ได้ลองชิมต่างก็บอกว่าซอสพริกอร่อย ถามอาสือว่าทำจากอะไร
เมื่อมีคนเริ่มสนใจ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
อาสือเริ่มใช้คารมของเขา พูดอธิบายเกี่ยวกับพริกให้ชาวบ้านฟังอย่างสนุกสนาน
รสชาติเผ็ดร้อนของซอสพริกกระตุ้นต่อมรับรสของชาวบ้าน ทำให้พวกเขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
หลายคนซื้อซอสพริกจากอาสือในทันที
ตอนแรกอาสือไม่แน่ใจว่าซอสพริกจะขายดีหรือไม่ เขาจึงไม่ได้ทำไว้มาก
ดังนั้น ซอสพริกที่เขาเตรียมไปจึงถูกขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ชาวบ้านที่ไม่ได้ซื้อต่างก็บอกอาสือให้ทำเพิ่ม
สิ่งที่ผู้คนรอคอยมักจะขายได้ดี
อาสือจึงสร้างความอยากรู้อยากเห็น บอกชาวบ้านว่าการทำซอสพริกต้องใช้เวลา
เขาบอกให้ชาวบ้านรออย่างใจเย็น เขาจะทำเสร็จแล้วนำมาขายอีก
อาสือคำนวณคร่าวๆ ว่า ซอสพริกที่ขายให้กับชาวบ้านในชุดแรก น่าจะใกล้หมดแล้ว
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้น่าจะกลับมาซื้อซอสพริกอีก และช่วยโปรโมทซอสพริกให้
เซียวเฉวียนเคยพูดว่า การโปรโมทที่ดีที่สุดสำหรับสินค้า คือการบอกต่อจากลูกค้า
เมื่อลูกค้าบอกว่าดี นั่นคือดีจริง
เมื่อได้รับการยอมรับจากลูกค้า มีลูกค้าช่วยโปรโมทฟรี ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าอาสือพูดโฆษณาชวนเชื่อเสียอีก
ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบของอาสือซอสพริกชุดที่สองจึงขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน
ครั้งนี้ก็ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ซื้อไม่ได้
แต่อาสือใช้โอกาสนี้สัญญาว่า ครั้งหน้าจะทำเพิ่ม
ในตอนนี้ เซียวเฉวียนมาแล้ว อาสือจึงใช้โอกาสนี้เสนอเซียวเฉวียนว่า น่าจะเปิดร้านขายซอสพริกโดยเฉพาะในเกาะนกกระสา?
เซียวเฉวียนคิดอยู่สองสามวินาทีแล้วพูดว่า “ข้าว่า ได้ เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการเลย”
อาสือคุ้นเคยกับสถานการณ์ในเกาะนกกระสามาเป็นเวลานานแล้ว
เซียวเฉวียนจึงมั่นใจในตัวอาสือ
หลังจากนั้น เซียวเฉวียนก็ถามถึงผลผลิตของมันเทศ
อาสือตอบว่า “ผลผลิตของมันเทศดีมาก”
แล้วอาสือหยิบเทียนบนโต๊ะ พูดว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกท่านไปดู”
เซียวเฉวียนและเสวียนยู่เดินตามอาสือออกจากบ้าน ไปยังอีกห้องหนึ่ง อาสือเอากุญแจออกจากตัว ยื่นเทียนให้เซียวเฉวียน “ท่านพี่ ถือเทียนให้หน่อยข้าจะเปิดประตู”
เซียวเฉวียนรับเทียนแล้วเดินไปข้างหน้า เพื่อให้อาสือมองเห็นได้ชัดเจน
ก่อนที่จะเปิดประตู เซียวเฉวียนก็ได้กลิ่นหอมของมันเทศดิบโชยมาจากภายใน
เมื่อเปิดประตู กลิ่นหอมนี้ยิ่งแรงขึ้น
นี่คือกลิ่นของธรรมชาติ ช่างหอมสดชื่นจริงๆ
แสงเทียนส่องให้เห็นกองมันเทศที่เต็มห้อง ช่างเป็นภาพที่ช่างน่ารื่นรมย์
“ในที่สุดก็มีอาหารกินแล้ว!”
อาสือพูดว่า “ตอนกลางวันอาสือจะเปิดประตูห้องนี้สักพักเพื่อให้อากาศถ่ายเท”
ตอนกลางคืนต้องล็อกประตูให้แน่นหนา
กลัวว่าจะมีขโมยมาขโมยมันเทศ
ส่วนซอสพริก อาสือเก็บไว้ในห้องอีกห้อง
สิ่งเหล่านี้ในสมัยใหม่ไม่มีค่าอะไรเลย วางเกลื่อนกลาดตามท้องถนน แต่ที่นี่อาสือเก็บรักษาไว้เหมือนดวงแก้ว
แสดงให้เห็นว่าสิ่งเดียวกัน ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ย่อมได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน แม้จะต่างกันสุดขั้วก็ตาม
เซียวเฉวียนมาเร็วไปหน่อย ไม่รู้ว่าราคาสินค้าในสมัยใหม่นั้นช่างลึกลับ
เนื้อหมูที่เคยเป็นอาหารบนโต๊ะอาหารที่พบได้ทั่วไป กลับมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวและเนื้อแกะ
ผักราคาประมาณสี่บาท กลับขายได้ถึงสิบสี่ห้าบาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...