ทั้งสามลงจากภูเขาได้สำเร็จ
ในเวลากลางวันนักปราชญ์ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมากอยู่แล้ว
บวกกับคืนที่ผ่านมาพวกเขายุ่งกันทั้งคืน และเสวียนจิ้งก็กลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร
เพราะงั้นในช่วงกลางวันพวกเซียวเฉวียนทั้งสามคนไม่มีอะไรต้องกังวล
ทั้งสามเดินตรงไปที่ที่อาสืออาศัยอยู่
เมื่อได้เห็นเซียวเฉวียนกลับมาอีกครั้ง อาสือก็ทั้งตกใจและดีใจ
ตกใจตรงที่เซียวเฉวียนพึ่งจะไปได้ไม่นาน แล้วทำไมถึงได้กลับมาอีก?
แต่ที่ดีใจก็คือเซียวเฉวียนพึ่งจะไปได้ไม่นาน ก็กลับมาแล้ว
อาสือเป็นแฟนคลับตัวยงของเซียวเฉวียน เขาเองก็อยากเห็นเซียวเฉวียนบ่อย ๆ เหมือนกัน
แค่ได้เห็นเซียวเฉวียน อาสือก็ยิ้มจนแทบไม่เห็นฟัน รีบมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้นและตะโกนออกมาว่า "พี่ใหญ่"
หลังจากนั้นถึงจะทักชิงหลงและเจี้ยนจง
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อาสือได้พบกับเจี้ยนจง คนที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้คือ เว่ยอวี๋
แม้ว่าอาสือจะพอรู้เรื่องการกลับมาของเจี้ยนจงอยู่บ้าง แต่เรื่องรายละเอียดอะไรพวกนั้น อาสือไม่รู้เลย
ซึ่งก็หมายความว่า อาสือไม่รู้ว่า เจี้ยนจงและเว่ยอวี๋เป็นคนเดียวกัน
หรือว่าคนตรงหน้าเขาจะเป็นเว่ยอวี๋ที่เขาเคยรู้จักมาก่อนกันแน่นะ
ดูลักษณะท่าทางแล้ว เจี้ยนจงก็คือเว่ยอวี๋
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้อาสือรู้สึกประหลาดใจนั่นก็คือ เขาไม่ได้เจอเว่ยอวี๋มาประมาณหนึ่งปี ทำไมเว่ยอวี๋ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้กัน?
คนทั้งคนก็ดูเปลี่ยนไปไม่น้อย แม้แต่ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้เว่ยอวี๋ นอกจากสถานะอันสูงส่งแล้ว ส่วนอื่น ๆ ที่เหลือก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าถึง
แต่ตอนนี้ อาสือมองเขาแค่แวบเดียวเท่านั้น ก็รู้สึกเย็นซู่
เมื่อเทียบกับเซียวเฉวียนแล้วหล่ะก็ อาสือก็ไม่ได้รู้สึกแย่มากเท่าไหร่นัก
แต่ทําไมเว่ยอวี๋ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมากเลยทีเดียว อาสืออดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของเซียวเฉวียน เพื่อส่งสัญญาณ
เซียวเฉวียนเองก็รับรู้ได้ทันที จึงได้ก้าวขึ้นไปสองก้าว มองที่ไปอาสือ รอให้เขาเปิดปากถาม
อาสือเองก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปรอบ ๆ ด้วยระยะห่างนี้ ทำให้เขาคิดว่าเจี้ยนจงคงไม่ได้ยินแน่ เขาจึงกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ พี่ใหญ่ ท่านอ๋องสิบหกเป็นอะไรไปงั้นหรือ?”
ทําไมถึงได้เปลี่ยนไปนะ?
เมื่อได้ยิน เซียวเฉวียนก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เขาไม่ได้ชื่อท่านอ๋องสิบหก เขาชื่อว่า เจี้ยนจง”
อะไรกัน?
เจี้ยนจง?
เขาคือเจี้ยนจงงั้นหรือ?
หมื่นดาบแห่งบรรพบุรุษเจี้ยนจง?
เซียวเฉวียนพยักหน้าตอบ "ใช่ เขานั่นแหละ"
เขาก็ยังเป็นบรรพชนของกลุ่มต้าเว่ยอีกด้วย
กลุ่มต้าเว่ย?
อาสือมองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าที่งุนงง พูดราวกับว่าตัวเองไม่ใช่คนต้าเว่ยยังไงยังงั้น
จู่ ๆ อาสือก็นึกขึ้นได้ว่า บางทีเซียวเฉวียนอาจจะไม่ใช่ชาวต้าเว่ยจริง ๆ เขาเองก็เคยได้ยินเซียวเฉวียนพูดคำว่า “บ้านเกิดข้า” อยู่บ้าง
ยังได้พูดอีกว่า บ้านเกิดของเขาอยู่ไกลมากทีเดียว
และได้บอกว่าที่นั่นเรียกว่า ฮว๋าเซี่ย
แต่อาสือกลับไม่เคยได้ยินว่าต้าเว่ยมีที่ที่เรียกว่า ฮว๋าเซี่ยด้วย
อาจจะเป็นเพราะเขาได้รู้แล้วว่าเว่ยอวี๋ก็คือเจี้ยนจง อาสือตื่นเต้นมากจนพูดเสียงดังเกินไปหน่อย
ดังจนผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่ออาสือได้หันไปมองหน้าเจี้ยนจง เจี้ยนจงก็มองอาสือด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน จนอาสืออดสั่นไม่ได้
โอ้พระเจ้า!
เจี้ยนจงในจำนาน เข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ?
หัวเราะเยาะประชาชนในเขตของเขาได้ยังไง?
เขาตาบอดหรือเห็นภาพหลอนกันแน่?
อาสือก็อดไม่ได้ที่จะมองแล้วมองอีก ไม่ผิดแน่ เจี้ยนจงหัวเราะจริง ๆ
แต่เสียงหัวเราะของเขาดูเย็นชามาก
คืนที่ผ่านมาหลังจากที่เซียวเฉวียนมาถึงแล้ว เซียวเฉวียนก็สั่งให้เสี่ยวเซียนชิวกลับไปทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เธอจะมาเร็วขนาดนี้
แต่เธอมาคนเดียว
เซียวเฉวียนถามขึ้นว่า "ป้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?"
เสี่ยวเซียนชิวยิ้มและพูดขึ้นว่า "นางอยู่ที่บ้าน ข้ายังไม่ได้บอกนางว่า ท่านพ่อกลับมาแล้ว"
ถ้าบอกนางไป นางต้องตามมาด้วยแน่
เสี่ยวเซียนชิวรู้ว่านักปราชญ์และเสวียนจิ้งอยู่ที่เกาะนกกระสา เพื่อความปลอดภัย อย่าปล่อยให้เซียวจิงวิ่งไปรอบ ๆ จะดีกว่า
ไม่ได้กลัว แค่กันไว้ก่อน
เธอรู้ว่าเซียวเฉวียนแคร์เซียวจิงมากขนาดไหน เธอต้องปกป้องดูแลคนที่เขาห่วงใยแทน
และเซียวเฉวียนก็ชื่นชมวิธีการของเสี่ยวเซียนชิวมากเลยทีเดียว การที่ไม่บอกเซียวชิง ก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นได้ ไม่ต้องกังวลกับการปรากฏตัวของนักปราชญ์อีก
มีเซียวเฉวียนอยู่ทั้งคน เธอก็อยู่บ้านได้อย่างสบายใจแล้ว
ในระหว่างที่พ่อลูกกำลังคุยกันอยู่นั้น อาสือก็ได้ถือมันหวานเดินออกมา " มาแล้ว!" มาแล้ว!"
หอมจัง !
เซียวเฉวียนมองมันหวานในตระกร้า แต่ละคนก็น้ำลายไหลออกมา
มันหวานนี้ กินคู่กับโจ๊กแล้ว จะไม่สำลักอย่างแน่นอน
กินมันหวานแล้วกินโจ๊กต่อ ช่างเป็นรสชาติที่วิเศษสุด ๆ ไปเลย
มีเซียวเฉวียนเป็นผู้นำ ทุก ๆ คนก็กินตามและก็ได้กินอย่างเอร็ดอร่อย
เดิมทีเสี่ยวเซียนชิวได้กินข้าวเช้ามาก่อนแล้ว แต่พอได้เห็นเซียวเฉวียนและพวกกินด้วยความเอร็ดอร่อย เธอก็อดไม่ได้ จึงได้หันไปบอกอาสือว่าตนก็ต้องการโจ๊กหนึ่งถ้วย หลังจากนั้นก็ได้กินตามเซียวเฉวียน
มื้อเช้าแบบนี้ก็ไม่เลวเลย
หลังจากกินเสร็จ เธอก็ถามขึ้นว่า "ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับนักปราชญ์?"
คงจับได้แล้วสินะ?
ไม่อย่างนั้นทั้งสามคงไม่มาอยู่ที่นี่หรอก
สิ่งที่ทำให้เสี่ยวเซียนชิวแปลกใจก็คือตอนที่เซียวเฉวียนพูดขึ้นว่า"พวกมันหนีไปแล้ว!"
หนีไปแล้วงั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...