ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1823

จนถึงบัดนี้ นักปราชญ์จำต้องยอมรับว่าเซียวเฉวียนนี่มันเป็นมาาโดยแท้!

หากตัวมารตัวนี้ไม่ถูกกำจัด นักปราชญ์ก็มิอาจอยู่อย่างสงบสุขได้

ยิ่งมิต้องพูดถึงขยับสำหนักหมิง!

ใช้ชีวิตนับมานานหลายสิบปี นักปราชญ์เองก็เพิ่งจะเคยพบเคยเจอคนน่าปวดกระบาลเยี่ยงนี้มาก่อน!

เพื่อที่จะสยบความโกรธในจิต นักปราชญ์ค่อย ๆ ปิดตาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในฐานะอาจารย์ ข้าจะคิดดูอีกสักครั้ง“

สถานการณ์เช่นนี้ นักปราชญ์เองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร

เขาเองก็จนปัญญาที่จะจัดการกับเซียวเฉวียน

ในเวลานี้ นักปราชญ์ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมาแต่ไกล

เขาตั้งใจเงี่ยหูฟังอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็ได้ยินแจ่มแจ้งว่ามีคนกำลังพูดคุยกันอยู่

พอเห็นเยี่ยงนี้แล้ว ต้องมีคนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าหรือตัดฟืนเป็นแน่

นักปราชญ์เตือนเสวียนจิ้งด้วยเสียงเรียบ “อย่าเพิ่งก่อไฟ มีคนอยู่บนเขา”

หากสิ่งนี้ร้อนขึ้นเล็กน้อย หากมีใครเห็น ที่อยู่ของนักปราชญ์จักต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่

เมื่อดูจากเสียงแล้ว คนเหล่านั้นยังห่างไกลจากที่นักปราชญ์นัก

ขอแค่ทางด้านนี้นี้ไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา พวกเขาอาจจะไม่มาที่นี่

พอเสวียนจิ้งได้ยิน ก็ทำตามอย่างว่าง่าย หยุดทุกอย่างที่ทำอยู่

รวมทั้งพูดจาด้วย

ขอเพียงนักปราชญ์ไม่เอ่ยวาจา เสวียนจิ้งก็จะไม่กล้าเอ่ยออกมา

กลัวว่าจะไม่ระวังทำเสียเรื่องเสียราว

หากนักปราชญ์กล่าวโทษเขาในเวลานั้น เสวียนจิ้งก็คงต้องรับผลที่ตามมา

ไม่แน่ว่าจะไม่พาเขาหนีไปอีก

เขาจำเป็นต้องกอดขานักปราชญ์ไว้แน่น มิสามารถคลาย มิสามารถทำให้ขุ่นเคืองใจได้!

ขอเพียงเสวียนจิ้งไม่เอ่ยอะไรก็พอ แม้นเขาจักทำการใดอยู่ นักปราชญ์ก็ไม่มีเวลาสนใจ

เพราะในเวลานี้เขาเงี่ยหูตั้งใจฟังบทสนทนาของคนที่กำลังขึ้นไปบนภูเขา

แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ห่างไกลและมีลมจากภูเขาพัดผ่านทำให้ใบไม้บนภูเขาส่งเสียงกรอบแกรบ นักปราชญ์ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเลย

ดังนั้นนักปราชญ์จึงพูดตักเตือน “เสวียนจิ้ง เจ้าอยู่ตรงนี้ จำไว้ว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”

เขาต้องการก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ เพื่อดูว่าเขาจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากคนเหล่านั้นหรือไม่

หลังจากพูดกำชับตักเตือนแล้ว นักปราชญ์ก็หายตัวไปด้วยเสียงฟู่โดยไม่รอให้เสวียนจิ้งตอบ

ด้วยวิชาตัวเบาของนักปราชญ์ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ธรรมดา แม้แต่ปรมาจารย์หลายคนก็ไม่ตรวจจับสังเกตได้

เพราะฉะนั้น แม่ว่าเขาจะเข้าใกล้คนเหล่านั้น คนเหล่านนั้นก็จับสังเกตได้

คนนชบนเขาที่ด้วยกันทั้งหมดสามคน ทั้งหมดเป็นคนตัดไม้

พวกเขาทั้งสามกำลังสับฟืนและพูดคุยกัน

มีคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ข้าสับพอแล้ว พวกเจ้าเล่า?”

สองคนที่ได้ยินก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใกล้แล้วแหละ รออีกเดี๋ยว ก็คงจะพอแล้ว“

ชายคนที่ถามรีบพูดเร่งว่า “รีบเข้าเถิด รีบผ่าเข้า”

“อย่าอยู่ในป่านานเกินไปนัก ระวังคนบ้าที่ไหนมาฆ่าเอา“

ชายอีกคนพูดว่า “จักต้องกลัวอันใดกัน ใต้เท้าเซียวเองก็อยู่ที่เกาะนกกระสา หากใครหน้าปรากฏมา ใต้เท้าเซียวไม่ปล่อยมันผู้นั้นไปแน่!”

“แล้วอีกอย่าง ใต้เท้าเซียวหน้าเกรงขามเยี่ยงนี้ ผู้คนรอบตัวท่านก็น่าประทับใจไม่น้อย “

อีกคนผสมโรงพูดว่า ”แน่นอน ในบรรดาคนที่ติดตามท่านใต้เท้าเซียว ผู้ใดเล่าจักไม่มีความแข็งแกร่ง?”

“ตามที่ข้าดู แม้แต่แม่หญิงทาเป็นผู้ติดตาม ดูก็รู้มิใช่แม่หญิงธรรมดา ๆ ”

อีกคนพูดว่า “ใช่ ใช่แล้ว มิใช่คนธรรมดาทั้งหมดนั้นแหละ!”

“มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถต่อกลอนกับพวกเจ้าบ้าเหล่านั้นได้”

พูดไปพูดมา ชายคนแรกก็พูดเร่งพวกเขาอีกครั้ง “เอ้า เร็วเข้าสิวะ กลับไปแล้วค่อยว่ากันต่อ”

พวกเขามักจะมาที่นี่เพื่อตัดฟืนมาก่อนและคุ้นเคยกับบริเวณนี้จึงไม่มีอะไรต้องกังวล

แต่รูปของนักปราชญ์และผู้สมรู้ร่วมคิดของเขามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกเขาบอกว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เกาะนกกระสา และควรระวังเสมอ

จริง ๆ แล้ว ในเวลานี้ นักปราชญ์ไม่กล้าสังหารคนตัดฟืน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย