ไม่ใช่ว่าพวกของอาสือไม่อยากดับไฟ แต่เพราะกำลังของพวกเขานั้นอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำสำเร็จ!
พวกเขาพยายามเคลื่อนไหวในความมืด ฉวยโอกาสตอนที่ไฟยังลุกลามมาไม่ถึง พยายามเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนที่เหลือ พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองมันถูกไฟเผาด้วยแววตาอันเจ็บปวด
แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ เปลวไฟกำลังลุกลามมายังที่อยู่อาศัยของพวกเขา!
นี่ทำให้พวกของอาสือไม่สนใจการเก็บเกี่ยว วิ่งกลับไปยังบ้านของตัวเอง พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เปลวไฟลุกลามมายังที่อยู่อาศัยของพวกเขา
นี่มันช่างเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!
อยู่ดีๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของชาวบ้านก็คือ นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติ แต่มันเกิดจากฝีมือของมนุษย์
พวกเขารู้สึกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ มันจะต้องเป็นฝีมือของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาเป็นแน่
เพราะจุดที่มีการลุกไหม้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายจุด
ใช่ ต่อให้พวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเองว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาเป็นคนวางเพลิง แต่ในใจของพวกเขารู้ดีว่าจะต้องเป็นฝีมือของสองคนนั้นเป็นแน่!
ความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อนักปราชญ์และศิษย์ ตอนนี้มันได้พุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ตอนที่รู้ว่านักปราชญ์เป็นฆาตกร ความหวาดกลัวในหัวใจของผู้คนก็เพิ่มมากขึ้น
กังวลว่าชีวิตของตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
ตอนนี้เปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาวบ้านโดยตรง ตอนนี้ความหวาดกลัวในใจของพวกเขาหายไปหมดแล้ว ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง!
พืชผลคือสิ่งที่ผู้คนพึ่งพาเพื่อความอยู่รอด บ้านคือที่อยู่อาศัยของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้ว ทั้งสองอย่างสำคัญเป็นอย่างมาก
การวางเพลิงเพื่อทำลายสิ่งที่สำคัญของเหล่าชาวบ้าน แบบนี้มันไม่เท่ากับการฆ่าชีวิตของพวกเขาไปครึ่งหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่ชาวบ้านกำลังหาวิธีดับไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ พวกเขาก็สาปแช่งนักปราชญ์และศิษย์ของเขา รวมถึงบรรพบุรุษของพวกเขาอีกหลายชั่วอายุคน!
เท่านั้นยังไม่พอ มีคนบอกว่าหากทั้งสองคนตกมาอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาจะทรมานทั้งสองคนให้สาสม!
มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
กล้าดียังไงมาทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้!
ฉวยโอกาสวางเพลิงในยามดึก เห็นได้ชัดว่ามันคือการทำลายล้าง!
บัดซบที่สุด!
ส่วนเสวียนจิ้งที่เห็นเปลวไฟค่อยๆ ลุกโชนเป็นวงกว้างมากขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดของเขาก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นก็เดินทางไปยังริมทะเลด้วยเส้นทางผ่านป่า
แสงสว่างจากเปลวไฟกินพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งบนเกาะนกกระสา
ค่ำคืนที่มืดสนิทเดือดพล่านไปด้วยเปลวเพลิง
หมู่บ้านกำลังถูกเพลิงไหม้ ชาวบ้านพยายามอย่างหนักเพื่อหาวิธีดับไฟ
แต่มันก็ไร้ประโยชน์
ด้วยสายลมที่รุนแรง ทำให้เปลวไฟทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างบนท้องฟ้าเด่นชัดกว่าเดิมมาก
ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ เด็ก ทุกคนออกมายืนอยู่นอกบ้านของตัวเอง เฝ้าดูเปลวไฟที่ลุกไหม้บ้านของพวกเขาอย่างช่วยอะไรไม่ได้
เสียงสาปแช่งของเหล่าผู้ใหญ่ เสียงร้องไห้เพราะความหวาดกลัวของเด็ก พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเหล่าผู้หญิงที่ดังกึกก้องทำลายค่ำคืนอันเงียบสงบ
เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาอยู่บนเกาะนกกระสาแห่งนี้ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนแรกที่พวกเขานึกถึงก็คือนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา!
ใช้ประโยชน์จากค่ำคืนที่มืดมิดและลมแรงในการวางเพลิง ช่างเป็นวิธีการที่ชั่วร้ายเสียจริง!
มันคือการก่ออาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่!
หากใต้เท้าเซียวจับพวกมันได้ จะต้องให้ใต้เท้าเซียวตัดเส้นเอ็นของพวกเขา และลอกหนังพวกเขาออกมาทั้งเป็น!
การเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ ดึงดูดความสนใจของพวกเซียวเฉวียนได้สำเร็จ
เซียวเฉวียนจ้องมองมาทางที่เปลวไฟกำลังลุกไหม้ด้วยสายตาอันเยือกเย็น มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ!
เป็นเพราะเขาประมาทเกินไป
เขาคิดไม่ถึงว่านักปราชญ์จะใช้วิธีนี้ในการต่อสู้กับพวกเขา
เห็นได้ชัดว่านี่คือกลอุบายล่อเสือออกจากถ้ำ
แต่เซียวเฉวียนก็จำเป็นต้องออกจากที่นี่เพื่อไปช่วยดับไฟ
หากเขายังไม่ยอมไปช่วยดับไฟ เช่นนั้นความเสียหายที่เหล่าชาวบ้านได้รับคงประเมินค่าไม่ได้
มาดูกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร!
แววตาของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความดุร้าย
คราวนี้จะปล่อยให้นักปราชญ์หนีไปไม่ได้อีกเป็นอันขาด!
พูดจบพวกของเซียวเฉวียนทั้งสามคนก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่เกิดไฟไหม้
เปลวไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เจี้ยนจงไม่มีความสามารถในการเรียกลมและฝน ชิงหลงเองก็เช่นกัน
มีเพียงเซียวเฉวียนคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถนี้อยู่ ทั้งสองคนจึงทำได้เพียงรอให้เซียวเฉวียนเรียกน้ำเรียกฝนออกมา และในขณะที่พวกเขารอ พวกเขาก็ลงไปป้องกันบ้านที่ยังไม่ถูกไฟไหม้เอาไว้ ไม่ให้พวกมันถูกเปลวไฟที่กำลังลุกลามเข้ามาทำให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้
ชิงหลงเองก็สามารถสร้างม่านพลังป้องกันได้ แต่ม่านพลังของเขาเมื่อเทียบกับเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงแล้ว มันยังห่างชั้นกันอยู่มาก
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้เปลวไฟลุกลามไปมากกว่าเดิม
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่บนพื้นดิน ทางด้านของเซียวเฉวียนก็ลอยอยู่บนอากาศ ท่องบทกวี “คืนฝนตก” ของจางหยงแห่งราชวงศ์ซ่งออกมา
ท่านฝนสาดซัดลงสู่ลานบ้าน แขกหงอยเหงาร้องเพลงใต้แสงไฟ
ฝนตกอย่างไร้เหตุผลตลอดราตรี ขจัดความคิดถึงบ้านเกิดที่อยู่ในใจห่างไกลหลายพันลี้
บทกวีนี้แปลว่า ม่านฝนที่ตกลงมาในฤดูใบไม้ร่วงที่มีหมอกปกคลุมบนพื้นดิน เสียงน้ำกระทบพื้นราวกับเสียงบทเพลง ป่าไผ่ในลานบ้านปลิวไสวไปตามสายลม
ข้ามักจะฮัมเพลงอย่างโดดเดี่ยว มีเพียงแสงจากโคมไฟสลัวๆ ที่อยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเขาในค่ำคืนอันมืดมิด
เฮ้อ...ฝนตลกลงมาทั้งคืนโดยไม่มีเหตุผล เสียงเม็ดฝนหยดลงบนราวบันไดเป็นระยะๆ ไม่ยอมหยุดหย่อน
ค่ำคืนอันแสนยาวนาน เสียงน้ำฝนหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้ข้านอนไม่หลับ ได้แต่พลิกตัวไปมา ราวกับกำลังทำลายหัวใจที่คิดถึงบ้านเกิดทีละเล็กน้อยจนแหลกสลายไป
กวีบทนี้ เซียวเฉวียนตะโกนออกมา “บังเกิด!”
เสียงตะโกนอันเย็นชานี้ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ชัดเจนแต่เดิมกลายเป็นความมืดมนอย่างกะทันหัน เมฆดำมืดตกลงมา ชั่วพริบตาฝนก็โปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อฝนตกลงมา เจี้ยนจงก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศ ใช้พัดในมือโบกไปมาเบาๆ เกิดลมกระโชกแรงพัดมารวมกับเม็ดฝน อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันที ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเย็น
ฝนอันหนาวเย็นพุ่งเข้าหาทะเลเพลิงที่อยู่บนพื้นอย่างต่อเนื่อง
ชั่วพริบตา เปลวเพลิงเบาบางลงโดยสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...