เซียวเฉวียนกับเจี้ยนจงต่างร่วมด้วยช่วยกันผูกมัดจนนักปราชญ์ดิ้นไม่หลุด
แต่ว่า เมื่อนักปราชญ์ได้ความอิสระ พอมารับมือกับสองคนก็ไม่เหนื่อยแรงเท่าใดนัก
ถึงแม้จะยังหนีไม่หลุดในขณะนี้ นักปราชญ์จึงต้องตั้งอกตั้งใจสู้รบกันไป เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียน
เมื่อกี้ก็ได้ลองมาแล้ว ตกไปอยู่ในมือเซียวเฉวียน คิดจะหนี มันยากลำบากยิ่งนัก
ยิ่งกว่านั้น เซียวเฉวียนได้รับบทเรียนมาครั้งหนึ่ง ได้ประสบการณ์แล้ว นักปราชญ์จะหนียากยิ่งขึ้นไปอีก
สนามรบระหว่างสามคนนี้ เต็มไปด้วยแสงเงามีดและดาบ ลมหนาวกระโชกเป็นระลอกๆ ดูจนไพร่คุนหลุนสะดุ้งหวาดกลัว
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงแตกตื่น
เห็นมีคนสู้รบกัน พวกชาวบ้านไม่เพียงแต่จะสับสน แต่ยังตื่นเต้นอีกด้วย
ที่สับสนคือ ทำไมเซียวเฉวียนถึงมาสู้รบกันแล้ว ?
ที่ตื่นเต้นคือ การสู้รบครั้งนี้ค่อนข้างดุเดือด เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผู้คนต่อสู้กันในลักษณะเช่นนี้
มันดูครึกโครมมโหฬารมาก !
ดูให้ละเอียดอีกที พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าคนที่ต่อสู้กับเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงนั้นมีผมเผ้าและหนวดเคราล้วนเป็นสีขาว
นั่นไม่ใช่ปีศาจฆ่าคนในภาพวาดนั่นหรือ ?
เทพเจ้า !
ปีศาจฆ่าคนอยู่ในเมืองไป๋ลู่จริงๆ ด้วย ทั้งยังปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาให้เห็นจะๆ ด้วย !
มันน่าสะทกสะท้านจริงๆ !
ทีนี้ จิตใจของชาวบ้านที่มาดูความตื่นเต้นก็ชักหนักใจขึ้น และวิตกกังวลขึ้นมาทันที
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ถอยไปยืนห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว โดยรักษาระยะปลอดภัยจากด้านของเซียวเฉวียน
อำนาจพลังแห่งการต่อสู้ของพวกเขาแรงมากจริง ถึงแม้พวกเขาจะยืนห่างขนาดนั้นแล้ว ยังสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตโชยมาเป็นระลอกๆ
ทันใดนั้น มีประกายมีเงาดาบแวบขึ้นเหนือท้องฟ้าอันมืดมิดอีกระลอก
ชาวบ้านเห็นสภาพ ต่างตระโกนร้อง "ว้าว !"
ได้ยินมาว่า เซียวเฉวียนเก่งกาจมาก
ตอนนี้ได้เห็น ดั่งที่เขาลือกันไม่ผิด
แต่ฝีมือของนักปราชญ์ก็ไม่ใช่ย่อย เขาสามารถใช้กำลังเพียงคนเดียว รับมือกับการโจมตีของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงได้
ไม่น่าแปลกใจที่ราชสำนักได้สั่งการให้เซียวเฉวียนมาจับนักปราชญ์
นักปราชญ์ร้ายกาจถึงขนาดนี้ ก็มีแต่เซียวเฉวียนเท่านั้นที่สามารถตีเสมอกับเขาได้
หากเป็นชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขามาเจอกับนักปราชญ์ หากนักปราชญ์คิดจะฆ่าพวกเขาก็ง่ายเหมือนกับขยี้มดตัวหนึ่ง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ชาวบ้านอดรู้สึกหนาวสั่นใจเต้นระริกไม่ได้
พวกเขามองไปที่เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงอย่างเอาใจใส่ หวังว่าพวกเขาจะรวบนักปราชญ์ได้และนำตัวเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ !
กำจัดภยันตรายเพื่อประชาราษฎร์ !
การสู้รบครั้งนี้ ชาวบ้านดูกันอย่างตื่นเต้นเร้าใจ
ภายใต้การรุกรบของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจง นักปราชญ์ดูแผ่กำลังไม่ค่อยได้ดั่งใจ
เขารู้ว่าถ้าเขายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องแพ้ในไม่ช้าก็เร็ว และตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียนอีกครั้ง
ไม่ได้แล้ว !
เขาต้องรีบหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ !
พอคิดเช่นนี้ นักปราชญ์ผันกายในพริบตาเดียว มายืนอยู่บนพื้นอย่างไว
เขาคิดจะมุดดินหนี
แต่วิชาเคลื่อนตัวในพริบตัวของเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงนั้นไวกว่าเขาอีก ทั้งสองคนได้ลงมาบนพื้นดักหน้าเขาก่อนหนึ่งก้าว มองดูนักปราชญ์ด้วยสายตาอันเยือกเย็น
เหมือนจะพูดว่า "คิดจะมุดดินหรือ ? ต้องถามพวกเราว่ายินยอมไหม !"
ทั้งสองเริ่มรุกรบนักปราชญ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพื่อให้เขาไม่มีจังหวะได้มุดดินหนี
นักปราชญ์กระวนกระวายใจที่จะหลบหนี ถูกทั้งสองคนมาขวางไว้ เขาฉุนจนตากลมหนวดเคราตั้ง จำต้องรับมือกับการรุกคืบของทั้งสองคนต่อไป
ท้องฟ้าค่ำคืนที่เงียบงันไปไม่กี่วินาที กลับมาส่งประกายไฟอีกครั้ง
เสียงการต่อสู้ทำให้ค่ำคืนที่มืดแล้วยิ่งมืดลงไปอีก ทั้งเพิ่มความน่าหวาดกลัวขึ้นไม่น้อย
พวกชาวบ้านและไพร่คุนหลุนก็ดูกันทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวเช่นกัน
พวกเขาอธิษฐานในใจอยู่เสมอว่า เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงจะต้องไม่ปล่อยให้นักปราชญ์หลบหนีไป
ถือโอกาสที่เซียวเฉวียนถอยออกไปนั้น นักปราชญ์ช่วงชิงเสี้ยววินาทีนั้นวางค่ายกลเพื่อหลบหนี
เพราะเขารู้ว่า เซียวเฉวียนมีจุดอ่อนในเรื่องค่ายกล
เซียวเฉวียนไม่กล้าบุกเข้าค่ายกลง่ายๆ
แต่ครั้งนี้ เขาประเมินความมุ่งมั่นของเซียวเฉวียนที่จะรวบตัวเขาต่ำเกินไป เซียวเฉวียนบุกเข้าไปในค่ายกลของนักปราชญ์โดยไม่ลังเล
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังขอระเบิดมือลูกหนึ่งกับภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ และระเบิดค่ายกลนั้นในทันที !
อย่างไรก็ตามเขามีม่านกำบังปกป้องอยู่ จะไม่เป็นไร
เขาต้องการระเบิดให้นักปราชญ์ออกมาข้างนอก ทำลายแผนการหลบหนีของเขา !
“ปัง !” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนในที่เกิดเหตุสะดุ้งตกใจ ต่างเอามืออุดหูโดยสัญชาตญาณ
แต่ดวงตายังจ้องมองที่ท้องฟ้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย "ท่านเซียวมีพลังใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้เลยหรือ ?"
ไม่เพียงแต่เสียงระเบิดดังเท่านั้น แสงไฟยังเต็มท้องฟ้า มีหมอกเป็นหย่อมๆ
ดูๆ แล้วมีความรู้สึกคล้ายเป็นระเบิดอย่างนั้นแหละ ?
ทั้งไพร่คุนหลุนและบรรดาชาวบ้านไม่รู้เรื่องของระเบิดมือ ดังนั้นจึงคิดว่าเสียงระเบิดนี้เกิดจากกำลังภายในของเซียวเฉวียน
เจ๋งมากจริงๆ !
ดวงตาของพวกเขาที่มองเซียวเฉวียนส่งประกายแวววาว
นักปราชญ์ที่หลบในค่ายกลตั้งแต่แรก ไม่คิดไม่ฝันว่าเซียวเฉวียนจะรุกเข้าในค่ายกลโดยไม่คำนึงทุกสิ่ง ยิ่งไม่คิดว่าเขาจะจุดชนวนระเบิดไวขนาดนี้
เขาวิ่งหนีไม่ทัน ถูกระเบิดจนมึนไปหมด ทั้งหูและสมองของเขาอื้อไปหมด
ไม่เพียงแค่นี้ ใบหน้าของเขายังถูกคลุมไปด้วยสีดำมืด
แต่ว่าตัวเขาเองมองไม่เห็นเท่านั้นเอง
ในคืนที่มืดมิด นักปปราชญ์มองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ พบว่าไม่มีทั้งเซียวเฉวียนและเจี้ยนจง ใจอดยินดีขึ้นมาไม่ได้
ช่างเป็นทุกขลาภอะไรอย่างนี้
นักปราชญ์กระเด็นออกไปหลายเมตรด้วยแรงระเบิดของระเบิดมือ หลุดออกจากการพัวพันของเซียวเฉวียนจนสำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...