กระเทือนจนนักปราชญ์และเสวียนจิ้งที่ลอยเหนือทะเลตกอกตกใจเกิดอาการเคว้งคว้าง
นักปราชญ์หวาดเสียวจนเขาเอื้อมมือด้วยสัญชาตญาณไปคว้าเสื้อของเสวียนจิ้ง
แพต้นกล้วยสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งสองก็แกว่งไปมาตามไปด้วย
หากไม่ใช่เสวียนจิ้งยืนได้อย่างมั่นคง เขาคงถูกนักปราชญ์ผลักร่วงลงไปในน้ำทะเลแล้ว
เสวียนจิ้งคิดจะเรียกให้นักปราชญ์ปล่อยมือ แต่เขาก็ไม่กล้าขึ้นเสียง
ได้แต่ค่อยๆ ลดตัวลงและจับยึดกับแพให้แน่น
พอเสวียนจิ้งก้มตัวลง นักปราชญ์ก็ต้องนั่งยองลงตามไปด้วย
พอเขานั่งยองๆ ลงมา มือทั้งสองก็ต้องจับเสื้อของเสวียนจิ้ง จึงไม่มีจังหวะไปวางค่ายกล
ทั้งไม่มีจังหวะไปชี้ทางให้เสวียนจิ้ง
แต่ว่าตอนนี้ลูกคลื่นมีขนาดใหญ่มาก ถึงเขาจะชี้ทิศทางได้ ก็ไม่อาจฝ่าไปข้างหน้าได้
สองคนอยู่บนแพต้นกล้วยแผงหนึ่ง ทำได้แต่แกว่งกันไปพร้อมกับคลื่นลูกใหญ่ในทะเล
นักปราชญ์หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
ครั้งนี้ แม้นักปราชญ์จะอำพรางความกลัวต่อทะเล แต่ก็อำพรางไม่อยู่แล้ว
ในที่สุดเสวียนจิ้งก็รู้แล้วว่า ทำไมนักปราชญ์จึงทำท่าลังเลตอนที่เขาเสนอให้มาเมืองไป๋ลู่ น่าจะเป็นเพราะเขากลัวทะเลแน่ๆ !
เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริงๆ นักปราชญ์ที่เก่งกาจขนาดนี้ แต่มากลัวทะเล !
เสวียนจิ้งกล่าวว่า "อาจารย์ ท่านต้องยืนให้นิ่ง"
หากเขายืนไม่นิ่ง ก็จะพาให้เสวียนจิ้งถูกลากลงไปในน้ำด้วย
แม้ว่าเสวียนจิ้งจะว่ายน้ำเป็น แต่คลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้ ไม่รับประกันว่าเขาจะถูกซัดไปถึงไหน
ไม่อาจแม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองได้
จะช่วยชีวิตนักปราชญ์คงได้แต่คิด !
แต่ก็น่าแปลก จู่ๆ ทำไมถึงมีเสียงระเบิดในกลางทะเล ?
เสวียนจิ้งไม่รู้ว่าเซียวเฉวียนกำลังไล่ตามมาอยู่
ดังนั้นตอนที่นักปราชญ์วางค่ายกล เขาก็เกิดสงสัยแล้ว
แต่ว่านักปราชญ์เรียกให้พายแพโดยด่วน เขาก็ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นิด ยิ่งไม่กล้าถามอะไรสักคำ ได้แต่พายแพไปอย่างเชื่อฟังด้วยความสงสัยในใจ
ไม่คิดว่าพายไปเรื่อยๆ จู่ๆ จะระเบิดคลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา
ถ้าไม่ใช่เสวียนจิ้งคุมไว้ได้ อาจารย์และศิษย์สองคนคงถูกลูกคลื่นม้วนเข้าไปในทะเล !
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของนักปราชญ์ เสวียนจิ้งคิดว่าเสียงเขาเบาเกินไปและนักปราชญ์ไม่ได้ยินเขา
เขาก็ไม่สนใจแล้ว พึมพำกับตัวเองว่า “แปลกจริงๆ อยู่ๆ ทำไมทะเลถึงกลายเป็นอย่างนี้ ?”
ไม่คิดว่า ข้างหลังเขามีเสียงส่อเหยียดหยามของนักปราชญ์ดังมา "มีอะไรน่าแปลกล่ะ นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว จะมีใครสามารถทำอย่างนี้ได้อีก ?"
จริงๆ แล้ว ทะเลจะระเบิดเองได้หรือ ?
ก็แค่ฝีมือของเซียวเฉวียน
แค่ได้ยินว่าเซียวเฉวียนกำลังไล่ตามเข้ามา เสวียนจิ้งซึ่งใจยังนิ่งอยู่นั้น อยู่ไม่สุขขึ้นมาทันทีและพูดว่า "แล้วเราจะทำไงดี ?"
อยู่กลางทะเล ไม่มีทางหนีรอดไปได้
หากเซียวเฉวียนรับรู้ตำแหน่งของพวกเขาได้ มาหาได้ถึงตำแหน่งของพวกเขา พวกเขาต้องถูกเซียวเฉวียนซิวไปแน่ๆ
ในกลางทะเลนอกจากแพที่เหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า พวกเขาไม่มีแม้แต่ที่ใดจะให้ไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะหนี
ไม่มีที่ไหนให้หนี !
สูญเสียความนิ่งสงบของเสวียนจิ้ง ทำให้ร่างกายเขาสะท้านทั้งตัวเบาๆ แพต้นกล้วยก็รู้สึกยิ่งแกว่งแรงขึ้น
แกว่งจนนักปราชญ์หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะลนลานไปทำไม ?”
เมื่อถูกนักปราชญ์ตะคอกใส่ เสวียนจิ้งอดสะดุ้งไปทั้งตัวไม่ได้ ยิ่งทำให้อาการสั่นเทารุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
เขาพูดอย่างไม่ปะติดปะต่อ “อาจารย์ ศิษย์ก็ไม่อยากจะลนลาน”
แต่เขาบังคับตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ลนลาน !
เซียวเฉวียนกำลังรุกฆ่าเข้ามาแล้ว !
นักปราชญ์พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ต้องลนลานอะไร ? มีอาจารย์อยู่”
ถ้าลนลานอีก ทำให้แพทรงตัวไม่ได้และพลิกคว่ำ นักปราชญ์จะไม่ให้เสวียนจิ้งอยู่อย่างสบายแน่นอน !
พอได้ฟังคำเตือนที่ร้ายแรง เสวียนจิ้งจึงต้องบีบบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
ตอนนี้ ทะเลก็นิ่งสงบลงมาบ้างแล้ว
อาจารย์และศิษย์ดีใจขึ้นมาเล็กน้อย หวังเอาว่าทะเลจะกลับคืนสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด
แต่เสวียนจิ้งก็ไม่กล้าพูดเป็นครั้งที่สอง
ได้แต่กัดฟันสู้และทนยึดไว้เพื่อไม่ให้นักบุญลากเขาร่วงลงไป
ในเวลาเดียวกัน เสวียนจิ้งก็ด่าทักทายเซียวเฉวียนในใจเป็นร้อยเที่ยวไปแล้ว !
โคตรแม่......ง !
ทำออกมาได้ ลวดลายทุเรศๆ เยี่ยงนี้ !
เวลาชีวิตของตัวเองถูกคุกคาม เสวียนจิ้งก็รู้จักว่าเซียวเฉวียนออกลวอลายทุรศ ยามพวกเขาทั้งอาจารย์และลูกศิษย์จุดไฟเผาบ้านไปทั่วในเมื่อกี้ อย่างนั้นไม่ทุเรศหรือ ?
ช่างสองมาตรฐานหมาๆ เสียจริง
เห็นคลื่นน้ำโลดเต้นอย่างคึกคะนองในคืนที่มืดมิด เซียวเฉวียนแย้มปากยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
ถึงเขาจะไม่รู้ตำแหน่งเจาะจงของนักปราชญ์ทั้งอาจารย์และศิษย์ตอนนี้อยู่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่สงบได้
เซียวเฉวียนจะหาอะไรตื่นเต้นเร้าใจให้พวกเขาได้ลิ้มรส
พอคิดได้ เซียวเฉวียนก็แวบทีขึ้นไปแขวนตัวอยู่ในกลางอากาศ
เขารวบรวมกำลังภายในที่แรงยิ่งกว่าก่อน ฝ่ามือทั้งสองผลักไปยังผิวทะเลด้วยเสียง "โครม !" พื้นผิวทะเลเกิดเป็นคลื่นหลากหลายชั้นและลอยขึ้นสูงบนอากาศ
คลื่นยักษ์เหล่านั้นซัดลงสู่ผิวทะเลอย่างแรงทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนบนผิวน้ำทะเลอีกครั้ง
เซียวเฉวียนมองๆ ดูก็รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจดี
ด้วยไม้นี้ลงไป เขาไม่เชื่อ แพกระจอกๆ จะยังจะลอยตัวอยู่ได้หรือ ?
นักปราชญ์ ทั้งอาจารย์และศิษย์จะยังไม่ลงไปแช่น้ำหรือ ?
บนผิวทะเล ตรงที่เซียวเฉวียนตามองไม่เห็น อาจารย์และศิษย์ยังไม่ได้ตกลงไปในทะเล แต่ก็คงใกล้แล้ว
แพต้นกล้วยแกว่งไปมาอย่างแรงตามผิวน้ำทะเล ความแรงของการแกว่งนั้นเกินกว่าที่เสวียนจิ้งจะตามทันและประคองตัวได้แล้ว
บวกกับคลื่นที่เพิ่งซัดขึ้นสู่ท้องฟ้ากลับฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้เสื้อผ้าของทั้งคู่เปียกไปหมด
ร่างกายของพวกเขามีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
น้ำทั่วร่างของพวกเขาลดแรงเสียดทานระหว่างพวกเขากับแพ ด้วยการฉุดลากของนักปราชญ์ เสวียนจิ้งยิ่งทำอะไรไม่ได้มากนัก
ร่างของเสวียนจิ้งเริ่มค่อยๆ ไถลไปข้างหลัง
นักปราชญ์รู้สึกได้ เขาตะโกนเสียงดังขึ้น "เสวียนจิ้ง เจ้าต้องนิ่งไว้ !"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...