หากว่าท่านนักปราชญ์และลูกศิษย์ตาจริง แพไม้ไผ่ก็ยังควรจะลอยอยู่ในน้ำมิใช่หรือ?
แล้วร่างของทั้งสองก็ควรจะลอยขึ้นมาบนบกใช่หรือไม่?
หลังจากที่เซียวเฉวียนและคนอื่นๆ หยุดทิ้งระเบิดไปนั้น ไม่นานนักทะเลก็กลับมาสงบดังเดิม
อีกทั้งน้ำทะเลตรงกลางทะเลค่อนข้างสงบเงียบ กระแสน้ำหาได้มีความเชี่ยวกรากไม่
ถึงแม้ว่าอาจารย์และลูกศิษย์จะจมน้ำตาย ร่างของพวกเขาก็ไม่น่าถูกพัดพาไปไกลนัก
แม้ว่าร่างของพวกเขาจักถูกพัดไปไกล ทั้งเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงต่างก็ลาดตระเวนในพื้นที่อยู่ตลอด ย่อมต้องพบร่างของพวกเขาอย่างแน่นอน
หากว่าร่างของพวกเขาถูกสัตว์ในทะเลกัดกินแล้วละก็ แล้วแพไม้ไผ่ล่ะ?
แพไม้ไผ่ที่ไม่อาจกินได้นั้น มันก็ไม่อาจจมสู่ทะเลได้เช่นกัน
เมื่อกล่าวเออกมาเช่นนี้ เจี้ยนจงเองก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลเช่นกัน
ด้วยนิสัยของท่านนักปราชญ์นั้น เขาไม่อาจอยู่ได้หากตนเองมิก่อปัญหาอย่างแน่นอน หากว่าเขายังมีชีวิตอยู่หลังจากผ่านไปนานหลายวันเช่นนี้ แน่นอนว่าร่างกายของเขาน่าจะฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว หากว่ากันตามตรง เขาก็ควรจะออกมาดูทิศทางคลื่นลมมิใช่หรือ?
มิมีเหตุผลว่าจักต้องเก็บเงียบตัวเองมานานหลายวันเช่นนี้
คำถามของเจี้ยนจงนั้น ก็คือความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจของเซียวเฉวียนเช่นกัน
จุดที่น่าสงสัยอยู่ใด
นั่นจึงทำให้เซียวเฉวียนพอจะคาดเดาได้ว่า บางทีว่านักปราชญ์อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออากาศบาดเจ็บอาจจะหนักถึงขั้นไปถึงรากเหง้าแห่งการฝึกตนเลยก็ได้
มิเช่นนั้น ท่านนักปราชญ์คงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้หลายวันเช่นนี้
หากว่าเขามิได้อยู่ในเกาะนกกระสานั้น แม้จักเป็นที่อื่นเขาก็ย่อมสามารถสร้างปัญหาได้อยู่ดี
เซียวเฉวียนพลันรู้สึก การที่ท่านนักปราชญ์สามารถฉวยโอกาสหนีออกมาจากดงระเบิดได้นั้น เขาจ้องใช้กลวิธีอะไรบางอย่างแน่นอน
หรือบางที อาจจะเพราะเช่นนี้ถึงทำให้ทั้งศิษย์และอาจารย์ได้รับบาดเจ็บจนถึงรากเหง้าแห่งการฝึกตนของตนเอง
ในยุคปัจจุบันนั้น ในภาพยนตร์กำลังภายในทั้งหลาย เซียวเฉวียนมักจะเห็นเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เสมอ
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เพื่อช่วยชีวิตและหลบหนีออกมา มักจะมีบางคนที่ใช้เคล็ดวิชาพิเศษบางอย่างเพื่อกระตุ้นศักยภาพของร่างกายตนเองขึ้นมาในยามคับขัน
การทำเช่นนี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เช่นการสูญเสียความแข็งแกร่งภายในไปต่าง ๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มิใช่ว่าพวกเขากำลังฟื้นฟูพละกำลังของตนเอง แต่พลังงานภายในของตนเองยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
หากต้องการความแข็งแกร่งของตนเองกลับสู่ระดับเดิมนั้น โชคดีหน่อยก็อาจจะสามารถชดเชยความแข็งแกร่งนั้นด้วยการฝึกฝนฟื้นฟูกำลังภายในของตนเองได้ในภายหลัง
ในทางกลับกัน บางทีอาจจะมิสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิมได้อีก
ความปรารถนาของท่านนักปราชญ์ นอกเหนือจากการฟื้นฟูสำนักหมิงเซียนแล้ว ก็คือการสังหารเซียวเฉวียน
ฉะนั้นแล้ว พละกำลังของเขาหลังจากที่ใช้หมดลงไป ย่อมสามารถฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน ทั้งยังมิได้หมดลงอย่างถาวรอีกด้วย
นั่นหมายความว่า ที่ท่านนักปราชญ์เงียบเฉียบเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเองอยู่นั่นเอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ทั้งเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงเองต่างก็รู้สึกว่า คงจะดีไม่น้อยหากพวกเขาสามารถค้นหาร่องรอยของท่านนักปราชญ์ได้ในตอนนี้ ฉวยโอกาสในยามที่ร่างกายของเขายังมิหายดีจัดการสังหารเขาทิ้งเสีย
น่าเสียดายที่ชิงหลงออกไปข้างนอกมานานหลายวันแล้ว ทั้งยังมิได้ส่งข่าวอันใดกลับมาอีกด้วย
ทางฝั่งไป๋ฉี่เองก็มิมีอันใดเช่นกัน
มิรู้ว่าศิษย์และอาจารย์คู่นี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด
ทั้งสองที่พากันนั่งครุ่นคิดอยู่นานนั้น แต่ก็ยังมิอาจจับต้นชนปลายอันใดได้
เซียวเฉวียนพลางเอยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ในเมื่อพวกเรามีเวลาว่างเช่นนี้ ไม่สู้ออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยดีกว่า บางทีพวกเราอาจจะพบเจออะไรบางอย่างก็เป็นได้”
จะเป็นเช่นไรหากว่าทั้งศิษย์และท่านนักปราชญ์อยู่ที่เกาะนกกระสาเล่า?
นับว่านี่เป็นความคิดที่ดี เจี้ยนจงพลางกล่าวออกมาว่า "เอาล่ะ! ไปกันเถอะ"
หลังจากนั้น ทั้งสองจึงเดินออกจากที่พัก
ถึงแม้ว่าปากจะกล่าวว่าตนเองออกมาเดินเล่นนั้น แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วคือตามหาอาจารย์และลูกศิษย์ของท่านนักปราชญ์นั่นเอง ทั้งสองจึงพยายามเดินไปยังสถานที่ที่ห่างไกล พร้อมทั้งสถานที่บางตาผู้คน
หากจะหลบซ่อนตัวนั้น ก็ย่อมต้องเป็นที่แบบนี้
ทั้งสองใช้ที่อยู่อาศัยของอาสือเป็นจุดศูนย์กลาง ก่อนจะพากันออกคนหาในละแวกสิบลี้ใกล้ ๆ นี้ แต่ก็ยังมิอาจตามหาร่องรอยของลูกศิษย์และท่านนักปราชญ์ได้พบ
เมื่อเห็นว่าฟ้ายังสว่างอยู่นั้น ทั้งสองจึงค่อย ๆ ขยายขอบเขตในการตามหาให้ไกลมากกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าทั้งสองจักใช้วิชาการเคลื่อนกายในอากาศ ทว่าก็ยังรบกวนนกที่อาศัยอยู่ในป่าอยู่ดี
พร้อมทั้งนกมากมายที่ร้องส่งเสียงออกมา ก่อนจะกะพรือปีกดังพรึบ ๆ และโบยบินลึกเข้าไปในป่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...