บทที่ 1851 มีความสามารถสักแค่ไหน – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1851 มีความสามารถสักแค่ไหน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เพื่อให้สามารถไล่ตามร่องรอยของนักปราชญ์ได้ทันเวลา เสี่ยวเซียนชิวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้สร้างสิ่งที่เป็นเสมือนฉากกำบังขึ้นมาบนพืชบางชนิด
ความพิเศษของฉากกำบังนี้คือ มันสามารถทำให้พืชชนิดต่างๆ ส่งสัญญาณไปหานางได้ในระยะพันลี้
กล่าวคือ หากพวกมันพบร่องรอยของนักปราชญ์ เสี่ยวเซียนชิวก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากฉากกำบังเหล่านี้ในการรับข่าวสารได้ทันเวลา
แต่ข้อเสียของฉากกำลังนี้ก็คือเป็นฝ่ายส่งข่าวได้เพียงอย่างเดียว
มีเพียงพืชเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถส่งข่าวไปหาเสี่ยวเซียนชิวได้ แต่เสี่ยวเซียนชิวไม่สามารถติดต่อกลับมายังพืชเหล่านี้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เสี่ยวเซียนชิวต้องการมีเพียงผลลัพธ์นี้เท่านั้น
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสามคนก็ออกเดินทางเพื่อค้นหาร่องรอยของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาต่อไป
แต่หลังจากที่ไล่ตามมาสักพักใหญ่ ทิศทางของทั้งสามคนกับทิศทางของพวกนักปราชญ์กลับต่างกันโดนสิ้นเชิง
แม้สุดท้ายแล้วทั้งสามคนเองก็มาถึงชายหาด แต่ชายหาดที่พวกเขามาถึงนั้นคืออีกฝั่งหนึ่งของชายหาด
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งสามคนจึงพลาดโอกาสที่จะค้นพาร่องรอยของพวกนักปราชญ์
หลังจากรอคอยมาเป็นเวลาหลายวัน ข่าวไฟไหม้บนเกาะนกกระสา รวมถึงการเสียชีวิตจำนวนมากของทาสคุนหลุนก็ได้ส่งไปถึงเมืองหลวง
แต่พวกของหวังซวนกลับมีความสุขเป็นอย่างมาก
อ่า! ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสที่จะเอาชนะเซียวเฉวียนได้สักที!
คราวนี้พวกเขาจะจับกุมเซียวเฉวียนไว้ให้ได้ และจะกัดเซียวเฉวียนอย่างโหดเหี้ยมไม่ยอมปล่อย
ในขณะเดียวกันพวกเขายังจะให้เซียวเฉวียนเวนคืนที่ดินของขุนนางในรัฐมู่อวิ๋น เพื่อสร้างความยุ่งยากและปัญหาอันยิ่งใหญ่
ตอนแรกเรื่องนี้เป็นความสมัครใจของเหล่าขุนนาง แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะเปลี่ยนมันให้ได้ เซียวเฉวียนใช้อำนาจจากตำแหน่งของตนเองในการข่มขู่ขุนนาง แย่งชิงที่ดินจากประชาชน
แน่นอน หากเรื่องนี้ถูกเอามาพูดในห้องโถง มันก็ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้
แต่หวังซวนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความจริงเรื่องนี้นั้นเป็นอย่างไร
หากฮ่องเต้ทำการสืบหาความจริง โยนความผิดฐานกล่าวหาขุนนางใหญ่ในราชสำนักให้แก่พวกเขา พวกเขาคงได้รับความเสียหายครั้งใหญ่
ดังนั้นเรื่องนี้หวังซวนและพรรคพวกของเขาจึงส่งให้คนไปเผยแพร่ข่าวลือเท่านั้น โดยใช้มันเพื่อทำลายชื่อเสียงของเซียวเฉวียน
ความเห็นของชาวบ้าน ชาวบ้านนั้นสนใจเพียงแค่ข่าวลือและเรื่องซุบซิบนินทาเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวลือ มันไม่เคยอยู่ในใจของพวกเขาเลย
ตราบใดที่พวกของหวังซวนลงมือได้อย่างไร้ที่ติ ต่อให้มีคนคิดจะตรวจสอบก็ไม่มีทางพบเจอสิ่งใด
ส่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดคุยในราชสำนัก แค่เรื่องบนเกาะนกกระสาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เซียวเฉวียนหายใจไม่ออกแล้ว
พระราชวังฉางหมิง ฮ่องเต้นั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ มองมายังเหล่าเสนาบดีด้านล่าง กล่าวอย่างเยือกเย็น “อ้ายชิงทุกท่าน มีเรื่องอื่นใดอีกหรือไม่?”
มีเรื่องอะไรก็พูดออกมา ไม่มีอะไรจะได้เลิกการประชุมราชสำนักไปเสีย
หลายวันที่ผ่านมา เมืองหลวงอยู่ในความสงบ ต้าเว่ยเอาก็สงบด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องการจัดการปัญหาย้อนหลังในซินเจียงเองก็ผ่านไปได้ด้วยดี
โดยพื้นฐานแล้ว เวลานี้ทั่วทั้งต้าเว่ยถือว่าสงบสุข
แต่ฮ่องเต้รู้ดี เมื่อเกิดเรื่องขึ้นบนเกาะนกกระสา จะต้องมีคนพยายามใช้เรื่องนี้ในการสร้างปัญหาเป็นแน่
ราษฎรเองก็ยังคงพูดถึงเรื่องนักปราชญ์ผู้คลั่งไคล้การฆาตกรรมไม่ยอมหยุด
แต่อย่างไรก็ตาม ในเมืองหลวงไม่ได้มีเหตุการณ์การเสียชีวิตที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น นักปราชญ์จึงไม่ได้เป็นที่หวาดกลัวของราษฎรมากนัก ส่วนใหญ่ราษฎรจะใช้มันเป็นบทสนทนาในมื้ออาหารเย็นเท่านั้น หรือเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้เด็กไม่เชื่อฟังหวาดกลัว
ฮ่องเต้รู้ดีกว่าเซียวเฉวียนจงใจทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องของนักปราชญ์ เพื่อหวังจะทำลายชื่อเสียงของนักปราชญ์ให้พังพินาศ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรุนแรงและความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็ค่อยๆ ลดลงไปเช่นกัน
แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมา มีข่าวลือมาว่าเซียวเฉวียนปลดที่ดินของราษฎร
เมื่อข่าวลือเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป ราษฎรก็ค่อยๆ ออกมาช่วยกันปกป้องเซียวเฉวียน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาได้ยินข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับเซียวเฉวียนมามากมาย หากเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเชื่อ
ตั้งแต่ที่ดวงวิญญาณกว่าห้าหมื่นตนของกองทัพตระกูลเซียวได้กลับมายังเมืองหลวง เรื่องนี้เกิดขึ้นจากเซียวเฉวียน และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ได้เห็นสิ่งที่เซียวเฉวียนทำเพื่อพวกเขาด้วยตาของตัวเอง เซียวเฉวียนทำเพื่อต้าเว่ย นี่คือความประทับใจที่ชาวบ้านมีต่อเซียวเฉวียนอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลง
ในทุกวันนี้ หากมีข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับเซียวเฉวียน พวกเขาจะไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาจะยังสร้างปัญหาให้กับคนที่มาปล่อยข่าวลือเหล่านั้นด้วย
คนพวกนี้เห็นเซียวเฉวียนได้ดิบได้ดีไม่ได้ ต้องการที่จะเห็นเซียวเฉวียนพังพินาศ!
คิดไม่ถึงเลยว่าเหล่าเสนาบดีจะรับรู้ได้เร็วถึงเพียงนี้ แถมยังกัดไม่ปล่อย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉวียนให้จงได้
ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเฉยเมย “เรื่องนี้ตัวข้าเองก็ได้ยินมานานแล้ว แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ตัวข้าคิดว่าควรจะหารือมันหลังจากที่เรื่องทุกอย่างชัดเจนแล้ว”
ความหมายของมันก็คือ ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว และข้าก็กำลังตรวจสอบความจริงของมันอยู่
พวกเจ้าอยากรู้อะไร รอให้ข้าตรวจสอบเรื่องราวทุกอย่างให้ละเอียดเสียก่อน แล้วข้าจะบอกพวกเจ้าเอง
ฮ่องเต้อยากจะใช้เหตุผลนี้ในการผลักไสเสนาบดีพวกนี้
เสนาบดีท่านนี้เองก็มองออก กล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทรับสั่งให้ใต้เท้าเซียวไปจับตัวนักปราชญ์มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ใต้เท้าเซียวเองก็อยู่บนเกาะนกกระสา แต่กลับปล่อยให้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาได้”
สิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดี ภาพลักษณ์ของนักปราชญ์ที่ถูกเขียนออกไปก็เป็นเช่นนี้ เซียวเฉวียนได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ให้ไปจับกุมตัวของนักปราชญ์กลับมา
น้ำหมึกสีดำถูกเขียนลงไปบนกระดาษสีขาว ไม่สนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เสนาบดีท่านนี้เชื่อว่า เพื่อตัวของเซียวเฉวียนเอง ฮ่องเต้ไม่มีทางปฏิเสธเรื่องนี้
หากฮ่องเต้ปฏิเสธ เซียวเฉวียนก็จะขึ้นชื่อได้ว่าใช้ชื่อเสียงของฮ่องเต้ในการแอบอ้างและกระจายข่าวลือออกไป สิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งที่ผิดจรรยาบรรณเป็นอย่างมาก และเซียวเฉวียนก็จะถูกจับขังคุกใต้ดินไปชั่วนิรันดร์
ฮ่องเต้ไม่ได้ส่งเสียง เขาจ้องมองไปที่เสนาบดีท่านนี้ ความหมายของเขาก็คือ ให้เสนาบดีท่านนี้พูดต่อไป
เสนาบดีกล่าวออกมาว่า “ความสามารถของใต้เท้าเซียว ทุกคนในต้าเว่ยก็รู้กันดีไม่ใช่หรือ?”
สามารถเอาชนะเว่ยเชียนชิวผู้เป็นผู้นำของชาวยุทธ์แท้ได้ ทำลายผนึกจูเสิน ผูกมิตรกับชิงหลง และได้รับการนับถือจากเจี้ยนจงในฐานะเจ้านาย
และยังมีลูกสาวแห่งดาบวิญญาณอีกหนึ่งคน
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่สิ่งที่กล่าวไปข้างตน ประกอบกับตัวของเซียวเฉวียนเอง มีหรือที่เขาจะไม่สามารถกำราบนักปราชญ์ได้?
นักปราชญ์ผู้นั้นต้องมีความสามารถมากเพียงใด?
บนโลกใบนี้ ไม่ควรจะมีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่แล้วหรือเปล่า?
ดังนั้น ความหมายของเสนาบดีท่านนี้จึงชัดเจนเป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากเซียวเฉวียนนั้นไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่!
นี่คือหัวใจอันชั่วร้าย อาจกล่าวได้ว่าเซียวเฉวียนกำลังเกียจคร้าน อาจกล่าวได้ว่าไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา อาจกล่าวได้ว่าเซียวเฉวียนเห็นชีวิตเป็นเพียงของเล่น และอาจกล่าวได้ว่าเซียวเฉวียนตั้งใจที่จะปล่อยฮ่องเต้ไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...