อย่าลืมว่า เจี้ยนจงและผนึกจูเสินก็มาจากที่เดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจจิตใจขอเซียวเฉวียนได้อย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็ยังสามารถเข้าใจมันไม่มีมาก็น้อย
ตัวอย่างเช่น เรื่องที่พู่กันเฉียนคุนพูดได้ เจี้ยนจงก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว
ในขณะที่วิ่งตามย่าเหยียนในตอนกลางวัน เจี้ยนจงก็ยิ่งมั่นใจว่าพู่กันเฉียนคุนสามารถพูดได้
การเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนก็ทรยศต่อมัน
เพราะว่าไม่สามารถซ่อนมันได้อีกแล้ว พู่กันเฉียนคุนจึงหยุดแสแสร้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “บรรพชน เจ้านายของข้า คนที่ข้าน้อยติดตามได้หายไปแล้ว”
น้ำเสียงของเขามีอารมณ์เล็กน้อย
ไม่พอใจที่ไท่สามารถตามย่าเหยียนทันได้
เสี่ยวเฉวียนพูดเบา ๆ ว่า “มันไม่สำคัญหรอก”
พู่กันเฉียนคุนพยายามติดตามอย่างที่สุดแต่ตามไม่ทัน ดังนั้นตึงำม่สามารถที่จะตำหนิได้
เซียวเฉวียนพูดทันทีว่า “พรุ่งนี้พวกเจ้าไปที่เกาะนกกระสาก่อน ไปตามดูอาจารย์และศิษย์อย่างลับ ๆ ”
หลังจากที่พู่กันเฉียนคุนได้ยินดังนั้น เขาก็ตอบทันทีว่า “ขอรับ!”
จากนั้นมันก็ลอยเข้าไปในแขนเสื้อของเซียวเฉวียนด้วยเสียงหวือ
เจี้ยนจงถามไปอย่างนุ่มนวลว่า “เหล่าเซียว ย่าเหยียนคนนี้มีกึ๋นจริง ๆ เธอตามพู่กันเฉียนคุนไม่ทันด้วยซ้ำ”
เมื่อเทียบกับนักปราชญ์แล้ว ย่าเหยียนแข็งแกร่งมากกว่าจริง ๆ
ไม่แปลกใจว่าเธอจะไม่เอานักปราชญ์มาอยู่ในสายตา และวิจารณ์พวกเขาด้วยว่าไร้ประโยชน์
เซียวเฉวียนเหลือบมองที่ด้านค้างของเจี้ยนจง แล้วถามว่า “กลัวหรอ?”
เจี้ยนจงกระแทกเสียงพูดว่า “กลัวเธอหรอ ตลกซะจริง!”
สุดยอดก็คือสุดยอด แต่เจี้ยนจงไม่ได้ขี้หายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ยิ่งสุดยอดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งท้าทายมากกว่าใช่ไหม?
เซียวเฉวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือความท้าทาย”
ในพจนานุกรมของเซียวเฉวียนมันอาจจะไร้ประโยชน์ที่สุด !
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เซียวเฉวียนสงสัยมานานแล้วว่าย่าเหยียนมีความเกี่ยวของกับเรื่องของกองทัพตระกูลเซียว และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มาหาเขา แต่เซียวเฉวียนก็จะมาพบเธอไม่ช้าก็เร็ว
กลัวค้อนของเธอ+
บนหน้าผาของเกาะนกกระสา
ภายใต้รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของนักปราชญ์และเสวียนอวี๋ ย่าเหยียนก็จัดการปลาย่างสองตัวนั้นอย่างสบาย ๆ
หลังจากที่เสร็จแล้วเธอก้เช็ดปากแล้วพูดว่า “ปลาก็ปลาดีนะ แต่ย่างไม่ดีเลย แทบจะกินเข้าไปไม่ได้”
“เสวียนจิ้งและนักปราชน์ถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มเขียนไปว่า “ไม่อร่อยแล้วกินไปตั้งสองตัวทำไมกันหล่ะ” ”
ปลาพวกนี้ก็ไม่ได้ตัวเล็ก
ความอยากอาหารของผู้หญิง ปกติแล้วกินเพียงแค่ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เธอกินไปทีเดียวสองตัวแต่ยังบอกว่ารสชาติไม่ดีหลังจากที่กินเสร็จแล้วเนี่นะ
ถ้าอร่อยแล้วนักนักปราชญ์กับเสวียนจิ้งหล่ะ?
หญิงชราคนนี้ไร้เหตุผลมาก!
แต่พวกเขาสองคนไม่กล้าพูดออกมาด้วยความโกรธ และยังต้องยิ้มแห้งบนหน้าอีกด้วย
เมื่อเธอไปข้างหน้าอีก ย่าเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “เนื้อย่างที่เจ้าเด็กเซียวเฉวียนคนนั้นทำอร่อยที่สุด”
ความหายของก๋คือ ถ้าเทียบกับเซียวฉวียนแล้ว ทักษะการทำอาการของนายยังตามหลังอยู่มาก
รอยยิ้มแห้งเหือดปรากฎบนในหน้าของนักปราชญ์ ดเหมือนว่าพวกเขาจะยอมรับต่อคำวิจารณ์ของย่าเหยียนอย่างถ่อมเนื่อถ่อมตัว แต่อันที่จริงแล้ว ใจของพวกเขาแข็งแรงมากอยู่แล้ว
เหมาะสมสุด ๆ!
นี่เป็นตัวอย่างของพฤติกรรมในการต่อรองราคาทั่วไปเลย!
พวกเขาสงสัยว่าเธอกล้ากินอาหารที่เซียวเฉวียนทำหรอ?
เสวียนจิ้งถามเธออย่างกลัว ๆ ว่า”ศิษย์พี่ ท่านไม่กลัวเซียวเฉวียนจะวางยาพิษในอาหารหรอ?”
ปกติอล้ว ย่าเหยียนจะไม่บอกทั้งสองว่าเขาได้ขโมยเนื้อย่างของเซียวเฉวียนมา
เซียวเฉวียนย่างเนื้อและไม่ได้คิดดว่าใครจะมาขโมย เขาจะวางยาพิษทำไม ?
วางยาพิษตัวเองหรอ?
ย่าเหยียนพูดอย่างมั่นใจว่า “ในฐานะของผู้นำของสำนักหมิงเซียน มียาพิษหรือไม่ช้าจะไม่รู้เลยหรือไง?”
ขณะที่เธอพูด ดูเหมือนว่าย่าเหยียนจะพูดกับตัวเอง และดูเหมือนเธอจะพูดกับทั้งสองคนว่า “น่าเสียดายเจ้าลูกครึ่งกระต่ายตัวนั้นเหลือเกิน”
มันเป็นเรื่องเสียเปล่าที่ต้องทิ้งอาหารอร่อย ๆ ลงบนพื้น
ไม่ว่ามันจะน่าสเยหายหรือไม่ เสวียนจิ้งไม่ได้สนใจ ที่เขาสนใจคือ “ศิษย์พี่ พี่กินเนื้อย่างกับกับเซียวเฉวียนจริง ๆ หรอ เขารู้ไหมว่าพี่เป็นใคร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...