ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1871

สรุปบท บทที่ 1871 ถามทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1871 ถามทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1871 ถามทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

อย่าลืมว่า เจี้ยนจงและผนึกจูเสินก็มาจากที่เดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจจิตใจขอเซียวเฉวียนได้อย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็ยังสามารถเข้าใจมันไม่มีมาก็น้อย

ตัวอย่างเช่น เรื่องที่พู่กันเฉียนคุนพูดได้ เจี้ยนจงก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว

ในขณะที่วิ่งตามย่าเหยียนในตอนกลางวัน เจี้ยนจงก็ยิ่งมั่นใจว่าพู่กันเฉียนคุนสามารถพูดได้

การเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนก็ทรยศต่อมัน

เพราะว่าไม่สามารถซ่อนมันได้อีกแล้ว พู่กันเฉียนคุนจึงหยุดแสแสร้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “บรรพชน เจ้านายของข้า คนที่ข้าน้อยติดตามได้หายไปแล้ว”

น้ำเสียงของเขามีอารมณ์เล็กน้อย

ไม่พอใจที่ไท่สามารถตามย่าเหยียนทันได้

เสี่ยวเฉวียนพูดเบา ๆ ว่า “มันไม่สำคัญหรอก”

พู่กันเฉียนคุนพยายามติดตามอย่างที่สุดแต่ตามไม่ทัน ดังนั้นตึงำม่สามารถที่จะตำหนิได้

เซียวเฉวียนพูดทันทีว่า “พรุ่งนี้พวกเจ้าไปที่เกาะนกกระสาก่อน ไปตามดูอาจารย์และศิษย์อย่างลับ ๆ ”

หลังจากที่พู่กันเฉียนคุนได้ยินดังนั้น เขาก็ตอบทันทีว่า “ขอรับ!”

จากนั้นมันก็ลอยเข้าไปในแขนเสื้อของเซียวเฉวียนด้วยเสียงหวือ

เจี้ยนจงถามไปอย่างนุ่มนวลว่า “เหล่าเซียว ย่าเหยียนคนนี้มีกึ๋นจริง ๆ เธอตามพู่กันเฉียนคุนไม่ทันด้วยซ้ำ”

เมื่อเทียบกับนักปราชญ์แล้ว ย่าเหยียนแข็งแกร่งมากกว่าจริง ๆ

ไม่แปลกใจว่าเธอจะไม่เอานักปราชญ์มาอยู่ในสายตา และวิจารณ์พวกเขาด้วยว่าไร้ประโยชน์

เซียวเฉวียนเหลือบมองที่ด้านค้างของเจี้ยนจง แล้วถามว่า “กลัวหรอ?”

เจี้ยนจงกระแทกเสียงพูดว่า “กลัวเธอหรอ ตลกซะจริง!”

สุดยอดก็คือสุดยอด แต่เจี้ยนจงไม่ได้ขี้หายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

ยิ่งสุดยอดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งท้าทายมากกว่าใช่ไหม?

เซียวเฉวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือความท้าทาย”

ในพจนานุกรมของเซียวเฉวียนมันอาจจะไร้ประโยชน์ที่สุด !

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เซียวเฉวียนสงสัยมานานแล้วว่าย่าเหยียนมีความเกี่ยวของกับเรื่องของกองทัพตระกูลเซียว และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มาหาเขา แต่เซียวเฉวียนก็จะมาพบเธอไม่ช้าก็เร็ว

กลัวค้อนของเธอ+

บนหน้าผาของเกาะนกกระสา

ภายใต้รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของนักปราชญ์และเสวียนอวี๋ ย่าเหยียนก็จัดการปลาย่างสองตัวนั้นอย่างสบาย ๆ

หลังจากที่เสร็จแล้วเธอก้เช็ดปากแล้วพูดว่า “ปลาก็ปลาดีนะ แต่ย่างไม่ดีเลย แทบจะกินเข้าไปไม่ได้”

“เสวียนจิ้งและนักปราชน์ถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มเขียนไปว่า “ไม่อร่อยแล้วกินไปตั้งสองตัวทำไมกันหล่ะ” ”

ปลาพวกนี้ก็ไม่ได้ตัวเล็ก

ความอยากอาหารของผู้หญิง ปกติแล้วกินเพียงแค่ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เธอกินไปทีเดียวสองตัวแต่ยังบอกว่ารสชาติไม่ดีหลังจากที่กินเสร็จแล้วเนี่นะ

ถ้าอร่อยแล้วนักนักปราชญ์กับเสวียนจิ้งหล่ะ?

หญิงชราคนนี้ไร้เหตุผลมาก!

แต่พวกเขาสองคนไม่กล้าพูดออกมาด้วยความโกรธ และยังต้องยิ้มแห้งบนหน้าอีกด้วย

เมื่อเธอไปข้างหน้าอีก ย่าเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “เนื้อย่างที่เจ้าเด็กเซียวเฉวียนคนนั้นทำอร่อยที่สุด”

ความหายของก๋คือ ถ้าเทียบกับเซียวฉวียนแล้ว ทักษะการทำอาการของนายยังตามหลังอยู่มาก

รอยยิ้มแห้งเหือดปรากฎบนในหน้าของนักปราชญ์ ดเหมือนว่าพวกเขาจะยอมรับต่อคำวิจารณ์ของย่าเหยียนอย่างถ่อมเนื่อถ่อมตัว แต่อันที่จริงแล้ว ใจของพวกเขาแข็งแรงมากอยู่แล้ว

เหมาะสมสุด ๆ!

นี่เป็นตัวอย่างของพฤติกรรมในการต่อรองราคาทั่วไปเลย!

พวกเขาสงสัยว่าเธอกล้ากินอาหารที่เซียวเฉวียนทำหรอ?

เสวียนจิ้งถามเธออย่างกลัว ๆ ว่า”ศิษย์พี่ ท่านไม่กลัวเซียวเฉวียนจะวางยาพิษในอาหารหรอ?”

ปกติอล้ว ย่าเหยียนจะไม่บอกทั้งสองว่าเขาได้ขโมยเนื้อย่างของเซียวเฉวียนมา

เซียวเฉวียนย่างเนื้อและไม่ได้คิดดว่าใครจะมาขโมย เขาจะวางยาพิษทำไม ?

วางยาพิษตัวเองหรอ?

ย่าเหยียนพูดอย่างมั่นใจว่า “ในฐานะของผู้นำของสำนักหมิงเซียน มียาพิษหรือไม่ช้าจะไม่รู้เลยหรือไง?”

ขณะที่เธอพูด ดูเหมือนว่าย่าเหยียนจะพูดกับตัวเอง และดูเหมือนเธอจะพูดกับทั้งสองคนว่า “น่าเสียดายเจ้าลูกครึ่งกระต่ายตัวนั้นเหลือเกิน”

มันเป็นเรื่องเสียเปล่าที่ต้องทิ้งอาหารอร่อย ๆ ลงบนพื้น

ไม่ว่ามันจะน่าสเยหายหรือไม่ เสวียนจิ้งไม่ได้สนใจ ที่เขาสนใจคือ “ศิษย์พี่ พี่กินเนื้อย่างกับกับเซียวเฉวียนจริง ๆ หรอ เขารู้ไหมว่าพี่เป็นใคร”

ดวงตาของเสวียนจิ้งเป็นประกายสีทอง เขาพูดขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่น่าทึ่งมาก”

“แล้วพี่หญิงต่อสู้กับเซียวเฉวียนแค่คนเดียวหรือว่าเจี้ยนจงก็อยู่ด้วย?”

ย่าเหยียนไม่แม้จะเปิดเปลือกตาขึ้นมา เธอพูดอย่างีศักดิ์ศรีว่า “เจี้ยนจ้งก็อยู่ที่นั้นด้วย”

มารดาเถอะ!

พี่หญิงท่านนี้จะไม่หยิ่งไปหน่อยหรอ?

เธอไม่เพียงแต่จะสามารถต่อสู้กัยเซียวเฉวียนและเจี้ยนจ้งได้ในเวลาเดียวกัน แต่เธอจะหลีกเลี่ยงการถูกติดตามจากพู่กันเฉียนคุนได้อีกด้วย เธอยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่าเนี่ย?

เช่นนี้ ในที่สุดเสวียนจิ้งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม้แต่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของนักปราชญ์ก็ไม่กล้าที่จะห่นใจต่อหน้าเธอ

เขาแข็งแกร่งกว่านักปราชญ์จริง ๆ และก็สามารถทำตัวเย่อหยิ่งต่อหน้านักปราชญ์ได้ด้วย!

เป็นเรื่องน่าทึ่งจริง ๆ ที่สำนักเซียนหมิงมีปรมาจารย์เช่นนี้

เสวียนจิ้งหันศรีษะไป พยายามมองดูสีหน้าของนักปราชญ์

แต่ไม่คิดว่า เขาจะบังเอิญถูกนักปราชญ์มองอยู่เช่นกัน

แม้ว่าแสงจะอ่อนไปหน่อย แต่เสวียนจิ้งด็เห็นว่าใบหน้าของนักปราชญ์ไม่ดีมาก ๆ ช่มอารมณ์จนแทบจะหยดน้ำออกมาได้แล้ว

เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก ไท้เช่นนั้นแล้วเสวียนจิ้งจะทำให้อาจารย์ของเขาขุ่นเคืองได้

หากอาจารย์ขุ่นเคืองและไม่เต็มใจจะสอนวิชากับเสวียนจิ้ง แผนการแก้แค้นของเสวียนนจิ้งก็จะไร้ประโยชน์

เสวียนจิ้งจึงได้หยุดพูด

ไม่ว่าเขาจะชื่นชนย่าเหยียนในใจมากมายขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

แต่อย่าเหยียนพูดอย่างเคร่งครึมว่า “นายโดนเซียวเฉวียนบังคับให้ทำเช่นนนี้หรอ?”

ประโยคนี้เป็นคำถามที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

เสวียนจิ้งไม่กล้าพูด เขาหันไปมองนักปราชญ์เพื่อขอให้ตอบคำถามของย่าเหยียน

นักปราชญ์ไม่ตอบในทันที ทั้งสามจึงตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

หลักจากผ่านมาครู่หนี่ง นักปราชญ์ก็พูดเบา ๆ ว่า “ใช่” และพูดต่อว่า “เรากำลังคิดที่จะออกไปจากที่นี่หลังจากที่พายุพัดผ่านไป”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ย่าเหยียนเยาะเย้ยแล้วพูดอย่างไร้เมตตาว่า “หยุดมองภาพดวงตาหล่านั้น พวกนายจะหนีออกไปจากเงื้อมมือของเซียวเฉวียนไม่ได้ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย