สรุปตอน บทที่ 1872 สัตว์เทพกลับมาแล้ว – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1872 สัตว์เทพกลับมาแล้ว ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
คำพูดเหล่านี้ทำให้สายตาของนักปราชญ์ดูสงบลงลง เขามองดูย่าเหยียน และพูดอย่างเย็นชาว่า "เจ้าหมายความว่าอย่างไร"
ตามที่ย่าเหยียนพูด เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงออกจากเกาะนกกระสาแล้วเป็นเรื่องจริง
แค่พวกเขาไม่อยู่ที่เกาะนกกระสา นักปราชญ์อยากจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
แต่ย่าเหยียนกลับพูดแบบนี้ นักปราชญ์ย่อมไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา เขารู้สึกว่าเธอไม่เพียงแต่สาปแช่งเขาเท่านั้น แต่ยังยกย่องคนอื่นเพื่อเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเขา
นับตั้งแต่ย่าเหยียนมาที่นี่ เธอตั้งใจกล่าวชื่นชมเซียวเฉวียน และตอนนี้เธอยังมาพูดว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเซียวเฉวียนได้
พอแล้ว !
นักบุญอดทนกับเธอมามากพอแล้ว!
ได้ยินจากน้ำเสียงของเขา ก็ดูออกว่านักปราชญ์รู้สึกโกรธมาก
ย่าเหยียนเหลือบมองนักปราชญ์อย่างสงบแล้วพูดว่า "เจ้าสำนัก ข้าแค่พูดความจริง ทำไมเจ้าถึงได้โกรธขนาดนี้?"
ยังจะพูดอีก!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอมีพลังมากจนนักปราชญ์เอาชนะเธอไม่ได้ มิเช่นนั้นนักปราชญ์คงจะต่อสู้กับเธอไปแล้วอย่างแน่นอน
ถึงช่วงปีแรก ๆ ที่ต้องอยู่ภายใต้เงาของเธอก็ไม่เป็นไร แต่ในวัยชรายังต้องถูกเธอเยาะเย้ยเช่นนี้อีก พอแล้ว!
สายตาของนักปราชญ์ลุกเป็นไฟขณะที่จ้องมองเธอ
คนที่แข็งแกร่งก็จะไม่มีความรู้สึกกลัว เขาจ้องของเขา ย่าเหยียนก็นิ่งสงบ
เธอพูดอย่างใจเย็นว่า "ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่"
บทสนทนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนนักปราชญ์ก็ตะลึงไปชั่วครู่ สงสัยว่าเขาฟ้งผิดหรือไม่
เสวียนจิ้งก็เป็นเช่นเดียวกัน เขามองดูย่าเหวียยนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ฟังเธอพูดแล้วดูเหมือนว่าเธอจะพาพวกเขาข้ามทะเลที่กว้างใหญ่เหมือนกับการข้ามแม่น้ำลำธารเล็กๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังคงตะลึงอยู่ ย่าเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกรอบ "จะไปหรือไม่ไป?"
ในที่สุดก็จะได้ออกจากที่นี่แล้ว ใครจะโง่ไม่ไป
เสวียนจิ้งตื่นเต้นมากจนโพล่งออกมาว่า "ไป แน่นอนเราจะไป!"
เขาอยากจะรู้ว่าเธอจะพาพวกเขาออกไปจากเกาะนกกระสาได้อย่างไร
แม้นักปราชญ์แม้จะนิ่งเงียบ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน
เมื่อดูจากสีหน้าที่นิ่งสงบของเขา ก็รู้ว่าเขาก็อยากจะออกจากที่นี่เช่นกัน
ย่าเหยียนพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ไม่เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไป พวกเจ้าคิดจะออกจากที่นี่มันจะยิ่งยากขึ้นไปอีก"
ในเมื่อเซียวเฉวียนตัดสินใจใช้พู่กันเฉียนคุนเพื่อติดตามที่อยู่ของเธอ และแน่นอนย่อมให้มันจับตาดูที่อยู่ของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไปด้วย
ความเร็วของเธอค่อนข้างไว และเธอไม่มีตำแหน่งเฉพาะ แต่ก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะสลัดหลุดพู่กันเฉียนคุนออกมาได้
สำหรับที่ซ่อนของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา หากเซียวเฉวียนกำหนดเป้าหมายเป็นเกาะนกกระสาแล้ว มันย่อมง่ายที่จะใช้พู่กันเฉียนคุนในการค้นหาพวกเขา
พู่กันเฉียนคุนเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคุนหลุน และมีไหวพริบดีอย่างยิ่ง หากอยู่ในขอบเขตที่กำหนด จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะสามารถค้นเจอนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา
เมื่อตกเป็นเป้าหมายของพู่กันเฉียนคุน ด้วยวิชาตัวเบาของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา หากต้องการสลัดทิ้งพู่กันเฉียนคุน แม้จะใช้สมองทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งหมดก็ไม่สามารถทำได้
หลังจากได้ฟังย่าเหยียนอธิบายแล้ว นักปราชญ์ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างใจเย็นว่า "แล้วเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเซียวเฉวียนจะคิดว่าข้าเจ้าสำนักยังอยู่ที่เกาะนกกระสา ?"
ไม่ใช่เพราะพวกเขาแน่ใจว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไม่ได้อยู่ที่เกาะนกกระสาแล้วเหรอ ถึงได้จากไป?
ย่าเหยียนยิ้มมุมปาก “ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ นั้นแสดงว่าเจ้าไม่รู้จักเซียวเฉวียนดีพอ”
เมื่อครู่เธอก็พูดเองไม่ใช่เหรอ เธอได้พบกับเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงในป่าลึกริมทะเลในมู่อวิ๋น
หากพวกเขาทั้งสองคิดว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไม่ได้อยู่ที่เกาะนกกระสาแล้วจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ควรไปปรากฏตัวที่นั่น แต่ควรไปปรากฏตัวที่จวนอ๋องมู่อวิ๋นหรือที่อื่นที่มีโรงเตี๊ยม
ได้กินของอร่อยๆ แล้วยังมีเตียงให้นอนดีๆ ดีกว่านอนกลางป่ามิใช่หรือ?
เมื่อได้ฟังย่าเหยียนอธิบายเช่นนนี้ ใบหน้าของนักปราชญ์ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก และรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้าเล็กน้อย
อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเขาที่คิดไม่ละเอียดรอบคอบเอง
เกือบเสียท่าให้เซียวเฉวียนเสียแล้ว
ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ ย่าเหยียนกล่าวต่อ “ถ้าข้าเดาถูก คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเจ้าจะออกไปจากเกาะนกกระสา”
ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบไปตอนนี้เถอะ !
ประการแรก เพื่อป้องกันนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาฉวยโอกาสหนีออกไปจากเกาะนกกระสา
ประการที่สอง รอให้ย่าเหยียนปรากฏตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากปะทะกันเมื่อวาน ย่าเหยียนก็ได้หลบหนีไป แถมยังมีพู่กันเฉียนคุนติดตามเธอไปด้วย เซียวเฉวียนรู้สึกว่าประการที่สองนั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ย่าเหยียนก็จะไม่กลับมาสร้างปัญหาให้เซียวเฉวียน
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าให้นักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาหนีออกไปได้
นกในป่าส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข เสียงร้องชัดและไพเราะน่าฟัง
เซียวเฉวียนรู้สึกว่าการรออยู่ที่นี่ฟังเสียงนกร้องก็เป็นความเพลิดเพลินเช่นกัน
แต่ว่าในขณะที่เขากำลังฟังอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงนกร้องอันไพเราะก็หยุดลง ถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องอันตื่นตระหนกของนกและเสียงกระพือปีกของมัน
ดวงตาของเสี่ยวฉวนอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง ร่างกายของเขาก็หนาวสะท้านขึ้นมา
เขาฟังสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาอย่างตั้งใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของเซียวเฉวียนราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เจี้ยนจงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะและพูดว่า "สหายเซียว เป็นเซี่ยวเฟิงและกิเลนกลับมาเหรอ"
ขณะที่เจี้ยนจงพูดจบ เขาก็เห็นเซี่ยวเฟิงและกิเลนปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าพวกเขา
“ฮึ่ม !”
“อุ๊ย !”
สัตว์เทพทั้งสองเงยหน้าขึ้นและคำรามอย่างมีความสุข ราวกับจะพูดว่า "เจ้านาย พวกเรากลับมาแล้ว!"
เสียงคำรามของพวกมันทำให้นกในป่าตื่นตระหนกและยิ่งส่งเสียงร้องดังขึ้นไปอีก
เซียวเฉวียนพูดอย่างใจเย็นว่า "เบา ๆ เสียงหน่อย”
อย่าทำให้นกในป่าตื่นตระหนกตกใจ ทำให้คนอื่นเกิดความวุ่นวาย
สัตว์เทพทั้งสองไม่คิดว่าพวกเขากลับรายงานการปฏิบัติภารกิจ แต่เซียวเฉวียนไม่เพียงแต่ไม่ชมพวกมัน กลับว่าพวกมันก่อเรื่องวุ่นวายอีก อารมณ์ของสัตว์เทพทั้งสองที่กำลังดีๆอยู่ก็หายไปทันที คอตก มองเซียวเฉวียนด้วยความขุ่นเคือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...