คำพูดเหล่านี้ทำให้สายตาของนักปราชญ์ดูสงบลงลง เขามองดูย่าเหยียน และพูดอย่างเย็นชาว่า "เจ้าหมายความว่าอย่างไร"
ตามที่ย่าเหยียนพูด เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงออกจากเกาะนกกระสาแล้วเป็นเรื่องจริง
แค่พวกเขาไม่อยู่ที่เกาะนกกระสา นักปราชญ์อยากจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
แต่ย่าเหยียนกลับพูดแบบนี้ นักปราชญ์ย่อมไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา เขารู้สึกว่าเธอไม่เพียงแต่สาปแช่งเขาเท่านั้น แต่ยังยกย่องคนอื่นเพื่อเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเขา
นับตั้งแต่ย่าเหยียนมาที่นี่ เธอตั้งใจกล่าวชื่นชมเซียวเฉวียน และตอนนี้เธอยังมาพูดว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเซียวเฉวียนได้
พอแล้ว !
นักบุญอดทนกับเธอมามากพอแล้ว!
ได้ยินจากน้ำเสียงของเขา ก็ดูออกว่านักปราชญ์รู้สึกโกรธมาก
ย่าเหยียนเหลือบมองนักปราชญ์อย่างสงบแล้วพูดว่า "เจ้าสำนัก ข้าแค่พูดความจริง ทำไมเจ้าถึงได้โกรธขนาดนี้?"
ยังจะพูดอีก!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอมีพลังมากจนนักปราชญ์เอาชนะเธอไม่ได้ มิเช่นนั้นนักปราชญ์คงจะต่อสู้กับเธอไปแล้วอย่างแน่นอน
ถึงช่วงปีแรก ๆ ที่ต้องอยู่ภายใต้เงาของเธอก็ไม่เป็นไร แต่ในวัยชรายังต้องถูกเธอเยาะเย้ยเช่นนี้อีก พอแล้ว!
สายตาของนักปราชญ์ลุกเป็นไฟขณะที่จ้องมองเธอ
คนที่แข็งแกร่งก็จะไม่มีความรู้สึกกลัว เขาจ้องของเขา ย่าเหยียนก็นิ่งสงบ
เธอพูดอย่างใจเย็นว่า "ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่"
บทสนทนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนนักปราชญ์ก็ตะลึงไปชั่วครู่ สงสัยว่าเขาฟ้งผิดหรือไม่
เสวียนจิ้งก็เป็นเช่นเดียวกัน เขามองดูย่าเหวียยนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ฟังเธอพูดแล้วดูเหมือนว่าเธอจะพาพวกเขาข้ามทะเลที่กว้างใหญ่เหมือนกับการข้ามแม่น้ำลำธารเล็กๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังคงตะลึงอยู่ ย่าเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกรอบ "จะไปหรือไม่ไป?"
ในที่สุดก็จะได้ออกจากที่นี่แล้ว ใครจะโง่ไม่ไป
เสวียนจิ้งตื่นเต้นมากจนโพล่งออกมาว่า "ไป แน่นอนเราจะไป!"
เขาอยากจะรู้ว่าเธอจะพาพวกเขาออกไปจากเกาะนกกระสาได้อย่างไร
แม้นักปราชญ์แม้จะนิ่งเงียบ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน
เมื่อดูจากสีหน้าที่นิ่งสงบของเขา ก็รู้ว่าเขาก็อยากจะออกจากที่นี่เช่นกัน
ย่าเหยียนพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ไม่เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไป พวกเจ้าคิดจะออกจากที่นี่มันจะยิ่งยากขึ้นไปอีก"
ในเมื่อเซียวเฉวียนตัดสินใจใช้พู่กันเฉียนคุนเพื่อติดตามที่อยู่ของเธอ และแน่นอนย่อมให้มันจับตาดูที่อยู่ของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไปด้วย
ความเร็วของเธอค่อนข้างไว และเธอไม่มีตำแหน่งเฉพาะ แต่ก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะสลัดหลุดพู่กันเฉียนคุนออกมาได้
สำหรับที่ซ่อนของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา หากเซียวเฉวียนกำหนดเป้าหมายเป็นเกาะนกกระสาแล้ว มันย่อมง่ายที่จะใช้พู่กันเฉียนคุนในการค้นหาพวกเขา
พู่กันเฉียนคุนเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคุนหลุน และมีไหวพริบดีอย่างยิ่ง หากอยู่ในขอบเขตที่กำหนด จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะสามารถค้นเจอนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา
เมื่อตกเป็นเป้าหมายของพู่กันเฉียนคุน ด้วยวิชาตัวเบาของนักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา หากต้องการสลัดทิ้งพู่กันเฉียนคุน แม้จะใช้สมองทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งหมดก็ไม่สามารถทำได้
หลังจากได้ฟังย่าเหยียนอธิบายแล้ว นักปราชญ์ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างใจเย็นว่า "แล้วเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเซียวเฉวียนจะคิดว่าข้าเจ้าสำนักยังอยู่ที่เกาะนกกระสา ?"
ไม่ใช่เพราะพวกเขาแน่ใจว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไม่ได้อยู่ที่เกาะนกกระสาแล้วเหรอ ถึงได้จากไป?
ย่าเหยียนยิ้มมุมปาก “ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ นั้นแสดงว่าเจ้าไม่รู้จักเซียวเฉวียนดีพอ”
เมื่อครู่เธอก็พูดเองไม่ใช่เหรอ เธอได้พบกับเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงในป่าลึกริมทะเลในมู่อวิ๋น
หากพวกเขาทั้งสองคิดว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาไม่ได้อยู่ที่เกาะนกกระสาแล้วจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ควรไปปรากฏตัวที่นั่น แต่ควรไปปรากฏตัวที่จวนอ๋องมู่อวิ๋นหรือที่อื่นที่มีโรงเตี๊ยม
ได้กินของอร่อยๆ แล้วยังมีเตียงให้นอนดีๆ ดีกว่านอนกลางป่ามิใช่หรือ?
เมื่อได้ฟังย่าเหยียนอธิบายเช่นนนี้ ใบหน้าของนักปราชญ์ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก และรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้าเล็กน้อย
อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเขาที่คิดไม่ละเอียดรอบคอบเอง
เกือบเสียท่าให้เซียวเฉวียนเสียแล้ว
ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ ย่าเหยียนกล่าวต่อ “ถ้าข้าเดาถูก คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเจ้าจะออกไปจากเกาะนกกระสา”
ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบไปตอนนี้เถอะ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...