ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1875

สรุปบท บทที่ 1875 รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ: ซูเปอร์ลูกเขย

อ่านสรุป บทที่ 1875 รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บทที่ บทที่ 1875 รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ที่จริงแล้ว เว่ยหงไม่ได้สนใจต่อเรื่องที่ผ่านมาของเสวียนจิ้ง

เขาก็เป็นแค่เพียงลูกศิษย์คนหนึ่งของนักปราชญ์เท่านั้น และความสามารถของนักปราชญ์ เว่ยหงก็รู้เข้าใจดี ในสายตาของพวกเขา นักปราชญ์และย่าเหยียนแตกต่างกันอย่างมาก

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ครั้งนี้นักปราชญ์ยังได้รับการช่วยเหลือจากนาง ถึงสามารถหนีออกมาจากเกาะนกกระสาได้

เรื่องนี้ย่าเหยียนเป็นคนพูดด้วยตัวเอง

ยังมีครั้งที่แล้วที่ร่วมมือกัน เว่ยหงคิดว่านักปราชญ์เป็นกษัตริย์ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะอ่อนแอขนาดนี้ กองทัพต้าเว่ยโจมตีซินเจียงได้อย่างง่ายดาย

ทำให้เว่ยหงต้องลำบากรอคอยนักปราชญ์มาช่วย

เหอะ!

ถ้าไม่เห็นแก่ย่าเหยียนละก็ เว่ยหงคงจะโวยวายใส่นักปราชญ์ไปแล้ว

ดังนั้น เขายิ่งไม่ต้องฟังคำพูดบ่นของคนที่อ่อนแออย่างเสวียนจิ้ง เขาพูดแทรกขึ้นว่า “ที่แท้เป็นคนรุ่นหลังของตระกูลจาง ข้ารู้แล้ว”

ความหมายก็คือ ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องพูดต่อไปอีกแล้ว

เป็นการบอกว่าเสวียนจิ้งฟังเข้าใจแล้ว เขารู้สึกได้ว่าเว่ยหงไม่สนใจเขา ดังนั้นเขารู้ตัวและเงียบปากลง

ความนิ่งสงบของเสวียนจิ้ง ทำให้บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไปอย่างน่าอึดอัด

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ย่าเหยียนก็พูดขึ้นว่า “หลังจากนี้ พวกเจ้าศิษย์และอาจารย์ก็พักอยู่ที่นี่เถอะ”

“ที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวได้”

นักปราชญ์พยักหน้าและพูดว่า “ครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากเจ้าสำนักเหยียน”

ฟังดูก็พอจะรู้ว่าเป็นคำพูดขอบคุณ ย่าเหยียนรู้สึกคาดไม่ถึง นางพูดว่า “เป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”

ที่ช่วยเขาไว้ ก็เพราะเห็นแก่ว่าเขามีความตั้งใจทำเพื่อสำนักหมิงเซียน

ถึงแม้ว่าเขาจะมีอุดมการณ์ที่มั่นคง มีนิสัยเย่อหยิ่งทะนงตัว แต่มีความซื่อสัตย์ต่อสำนักหมิงเซียนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ย่าเหยียนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ต้องช่วยเหลือเขาไว้

พูดจบ ย่าเหยียนและเว่ยหงก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนี้

มองเห็นเงาของทั้งสามคนหายไปแล้ว เสวียนจิ้งก็พูดขึ้นเสียงเบาๆว่า “อาจารย์ ข้ารู้สึกว่าพี่น้องตระกูลเว่ยสองคนนั้น มีท่าทางไม่เคารพต่อท่าน”

อะไรกัน ยังคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าผู้ครองรัฐที่อยู่สูงส่ง เป็นราชวงศ์ที่สูงส่งไม่มีอะไรเทียบได้?

ที่จริงแล้วพวกเขากับเสวียนจิ้งก็เหมือนกัน ทั้งหมดเป็นผู้ต้องสงสัยของต้าเว่ย!

ในเมื่อเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกัน จะมีใครที่จะสูงส่งไปมากกว่ากันได้ละ?

เสวียนจิ้งอยู่ข้างกายนักปราชญ์ การเรียนรู้ในด้านอื่นๆไม่มากเท่าไร แต่มีความสามารถในการเรียนรู้จับสังเกตคำพูดและสีหน้า

และสีหน้าเมื่อครู่ของพี่น้องเว่ยหงสองคนนั้น เสวียนจิ้งมองออกว่า พวกเขาไม่เพียงแต่ดูถูกเสวียนจิ้ง และยังดูถูกนักปราชญ์ด้วย

แม้แต่เสวียนจิ้งยังดูออก แน่นอนว่านักปราชญ์ก็ดูออกเช่นกัน

แต่พวกเขาไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน นักปราชญ์เป็นถึงเจ้าสำนักหมิงเซียน เป็นตัวแทนแห่งสวรรค์ มันไม่ดีที่ตัวเขาจะรู้สึกอย่างนั้น แล้วโจมตีตอบโต้ต่อพี่น้องตระกูลเว่ย

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนยังมีย่าเหยียนค่อยสนับสนุนอยู่

เป็นเพราะพวกเขามีคนคอยสนับสนุนอยู่ ถึงได้ไม่เห็นนักปราชญ์และลูกศิษย์อย่างเขาอยู่ในสายตาใช่ไหม?

ทุกคนต่างมีนิสัยแย่ที่เป็นมานานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดนดูถูกเหยียดหยาม

ก็เพราะนักปราชญ์มีความสามารถไม่เท่าย่าเหยียนจริงๆ

และแน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องครั้งก่อนที่เว่ยหงรู้สึกผิดหวังต่อนักปราชญ์ ถึงได้มีท่าทีอย่างนี้

ตอนนี้ความสามารถของนักปราชญ์ก็ไม่เหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ยิ่งปัญหาน้อยเท่าไรย่อมดีกว่า

สายตาของเขามองไปที่เสวียนจิ้ง “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เข้าใจไหม?”

ท่าทางเย็นชาอย่างนี้ การพูดที่เป็นการออกคำสั่ง เสวียนจิ้งจะกล้าบอกว่าได้ยินไม่ชัดเจนได้อย่างไร?

เสวียนจิ้งเหมือนเด็กที่ทำผิด ก้มหน้าลงและพูดว่า “เข้าใจแล้ว”

นักปราชญ์ก็ตอบรับว่า “อื้ม” เพียงคำเดียว ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของพวกเราสองคน ก็คือต้องขยันฝึกฝนให้มากขึ้น

เพิ่มพลังความสามารถให้มากขึ้น ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เสวียนจิ้งรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

และทางฝั่งของเซียวเฉวียน รอตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้รับการรายงานข่าวจากพู่กันเฉียนคุน แต่กลับได้รับการส่งข่าวผ่านกระแสจิตจากจูที่

“พี่ใหญ่ ท่านจะกลับมาเมื่อไร?”

“ระหว่างทางข้าจะบอก” เซียวเฉวียนพูดตอบ

พูดจบ ทั้งสองคนก็หายตัวไปทันที มุ่งหน้าไปที่เกาะนกกระสา

ทันใดนั้นเมื่อเห็นเซียวเฉวียนกลับมาก่อนเวลาที่กำหนดไว้ จูที่ดีใจยินดีต้อนรับอย่างมาก “พี่ใหญ่!”

คนอื่นออกไปทำงานกันหมดแล้ว ก็มีแค่จูที่กับหนานเหอที่รออยู่ที่บ้าน รับผิดชอบหน้าที่ทำอาหาร

หนานเหอก็มีสีหน้าดีใจมองเซียวเฉวียน “ใต้เท้าเซียว”

เซียวเฉวียนมองไปที่ทั้งสองคนและพยักหน้า “ช่วงนี้ได้ยินเรื่องอะไรที่ไม่ปกติบ้างหรือไม่?”

หนานเหอและจูที่คิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด ทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน หนานเหอพูดว่า “ไม่เคยได้ยินอาสือพูดถึงมาก่อน”

พวกทาสคุนหลุนไม่กล้าออกไปไหนมาไหน ดังนั้น มีข่าวคราวอะไรก็จะได้ยินมาจากอาสือ

และอาสือนอกจากที่พวกเขาจะได้ยินมาเองแล้ว และก็ยังให้เหล่าพี่น้องคนอื่นที่ช่วยทำงานให้ช่วยสืบข่าวคราวด้วย

ช่วงเวลานี้ถ้าประชาชนไม่ซ่อมแซ่มบ้านใหม่ ก็เริ่มพลิกพื้นดินเพื่อปลูกสิ่งต่างๆ

ทุกคนต่างอยู่ในสถานที่ของตนเอง ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

เมื่อพูดอย่างนี้ เซียวเฉวียนก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ

พึ่งจะนั่งลงได้ไม่นานเท่าไร เขาก็ลุกขึ้น

เมื่อเห็นอย่างนั้น จูที่ก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะออกไปอีกแล้วใช่ไหม?”

เซียวเฉวียนพูดตอบว่า “อื้ม ออกไปตามหานักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขา”

“อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว สวัสดีบรรพชน กินข้าวก่อนแล้วค่อยออกไปดีไหม ?” จูที่สายตาเป็นประกายพูดขึ้น

มันยากที่จะปฏิเสธได้ เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงอยู่ต่อเพื่อกินอาหาร

ทั้งสองคนเพิ่งจะกินอิ่ม ทันใดนั้นพู่กันเฉียนคุนก็ปรากฏตัวขึ้น ท่าทางสง่าผ่าเผยปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเซียวเฉวียน

พู่กันสองด้ามนี้ มีไหวพริบฉลาดมากจริงๆ

เซียวเฉวียนยังไม่ทันจะเรียกพวกมันมา พวกมันก็รู้ว่าเซียวเฉวียนอยู่ที่ไหน สายตาของเขามองไปที่พู่กันทั้งสองด้าม “ได้เรื่องอะไรบ้าง”

พู่กันเฉียนคุนกำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตรงหน้าตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย พวกมันจึงหยุดไม่พูด หลังจากนั้นก็เขียนคำสามคำขึ้นบนอากาศว่า ค้นพบแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย