ที่จริงแล้ว เว่ยหงไม่ได้สนใจต่อเรื่องที่ผ่านมาของเสวียนจิ้ง
เขาก็เป็นแค่เพียงลูกศิษย์คนหนึ่งของนักปราชญ์เท่านั้น และความสามารถของนักปราชญ์ เว่ยหงก็รู้เข้าใจดี ในสายตาของพวกเขา นักปราชญ์และย่าเหยียนแตกต่างกันอย่างมาก
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ครั้งนี้นักปราชญ์ยังได้รับการช่วยเหลือจากนาง ถึงสามารถหนีออกมาจากเกาะนกกระสาได้
เรื่องนี้ย่าเหยียนเป็นคนพูดด้วยตัวเอง
ยังมีครั้งที่แล้วที่ร่วมมือกัน เว่ยหงคิดว่านักปราชญ์เป็นกษัตริย์ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะอ่อนแอขนาดนี้ กองทัพต้าเว่ยโจมตีซินเจียงได้อย่างง่ายดาย
ทำให้เว่ยหงต้องลำบากรอคอยนักปราชญ์มาช่วย
เหอะ!
ถ้าไม่เห็นแก่ย่าเหยียนละก็ เว่ยหงคงจะโวยวายใส่นักปราชญ์ไปแล้ว
ดังนั้น เขายิ่งไม่ต้องฟังคำพูดบ่นของคนที่อ่อนแออย่างเสวียนจิ้ง เขาพูดแทรกขึ้นว่า “ที่แท้เป็นคนรุ่นหลังของตระกูลจาง ข้ารู้แล้ว”
ความหมายก็คือ ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องพูดต่อไปอีกแล้ว
เป็นการบอกว่าเสวียนจิ้งฟังเข้าใจแล้ว เขารู้สึกได้ว่าเว่ยหงไม่สนใจเขา ดังนั้นเขารู้ตัวและเงียบปากลง
ความนิ่งสงบของเสวียนจิ้ง ทำให้บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไปอย่างน่าอึดอัด
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ย่าเหยียนก็พูดขึ้นว่า “หลังจากนี้ พวกเจ้าศิษย์และอาจารย์ก็พักอยู่ที่นี่เถอะ”
“ที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวได้”
นักปราชญ์พยักหน้าและพูดว่า “ครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากเจ้าสำนักเหยียน”
ฟังดูก็พอจะรู้ว่าเป็นคำพูดขอบคุณ ย่าเหยียนรู้สึกคาดไม่ถึง นางพูดว่า “เป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
ที่ช่วยเขาไว้ ก็เพราะเห็นแก่ว่าเขามีความตั้งใจทำเพื่อสำนักหมิงเซียน
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอุดมการณ์ที่มั่นคง มีนิสัยเย่อหยิ่งทะนงตัว แต่มีความซื่อสัตย์ต่อสำนักหมิงเซียนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ย่าเหยียนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ต้องช่วยเหลือเขาไว้
พูดจบ ย่าเหยียนและเว่ยหงก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนี้
มองเห็นเงาของทั้งสามคนหายไปแล้ว เสวียนจิ้งก็พูดขึ้นเสียงเบาๆว่า “อาจารย์ ข้ารู้สึกว่าพี่น้องตระกูลเว่ยสองคนนั้น มีท่าทางไม่เคารพต่อท่าน”
อะไรกัน ยังคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าผู้ครองรัฐที่อยู่สูงส่ง เป็นราชวงศ์ที่สูงส่งไม่มีอะไรเทียบได้?
ที่จริงแล้วพวกเขากับเสวียนจิ้งก็เหมือนกัน ทั้งหมดเป็นผู้ต้องสงสัยของต้าเว่ย!
ในเมื่อเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกัน จะมีใครที่จะสูงส่งไปมากกว่ากันได้ละ?
เสวียนจิ้งอยู่ข้างกายนักปราชญ์ การเรียนรู้ในด้านอื่นๆไม่มากเท่าไร แต่มีความสามารถในการเรียนรู้จับสังเกตคำพูดและสีหน้า
และสีหน้าเมื่อครู่ของพี่น้องเว่ยหงสองคนนั้น เสวียนจิ้งมองออกว่า พวกเขาไม่เพียงแต่ดูถูกเสวียนจิ้ง และยังดูถูกนักปราชญ์ด้วย
แม้แต่เสวียนจิ้งยังดูออก แน่นอนว่านักปราชญ์ก็ดูออกเช่นกัน
แต่พวกเขาไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน นักปราชญ์เป็นถึงเจ้าสำนักหมิงเซียน เป็นตัวแทนแห่งสวรรค์ มันไม่ดีที่ตัวเขาจะรู้สึกอย่างนั้น แล้วโจมตีตอบโต้ต่อพี่น้องตระกูลเว่ย
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนยังมีย่าเหยียนค่อยสนับสนุนอยู่
เป็นเพราะพวกเขามีคนคอยสนับสนุนอยู่ ถึงได้ไม่เห็นนักปราชญ์และลูกศิษย์อย่างเขาอยู่ในสายตาใช่ไหม?
ทุกคนต่างมีนิสัยแย่ที่เป็นมานานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดนดูถูกเหยียดหยาม
ก็เพราะนักปราชญ์มีความสามารถไม่เท่าย่าเหยียนจริงๆ
และแน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องครั้งก่อนที่เว่ยหงรู้สึกผิดหวังต่อนักปราชญ์ ถึงได้มีท่าทีอย่างนี้
ตอนนี้ความสามารถของนักปราชญ์ก็ไม่เหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ยิ่งปัญหาน้อยเท่าไรย่อมดีกว่า
สายตาของเขามองไปที่เสวียนจิ้ง “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เข้าใจไหม?”
ท่าทางเย็นชาอย่างนี้ การพูดที่เป็นการออกคำสั่ง เสวียนจิ้งจะกล้าบอกว่าได้ยินไม่ชัดเจนได้อย่างไร?
เสวียนจิ้งเหมือนเด็กที่ทำผิด ก้มหน้าลงและพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
นักปราชญ์ก็ตอบรับว่า “อื้ม” เพียงคำเดียว ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของพวกเราสองคน ก็คือต้องขยันฝึกฝนให้มากขึ้น
เพิ่มพลังความสามารถให้มากขึ้น ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เสวียนจิ้งรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
และทางฝั่งของเซียวเฉวียน รอตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้รับการรายงานข่าวจากพู่กันเฉียนคุน แต่กลับได้รับการส่งข่าวผ่านกระแสจิตจากจูที่
“พี่ใหญ่ ท่านจะกลับมาเมื่อไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...