ตอน บทที่ 1876 มาช้าเกินไปหนึ่งก้าว จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1876 มาช้าเกินไปหนึ่งก้าว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เมื่อเห็นดังนั้น เซียวเฉวียนก็รู้สึกว่าในที่สุดเรื่องราวก็เริ่มมีเบาะแสปรากฏออกมาบ้างแล้ว เขาก็พูดว่า "ไป พาพวกเราไปที่นั่น"
หลังจากที่เซียวเฉวียนพูดจบ พู่กันเฉียนคุนก็นำทางอยู่ด้านหน้า ในขณะที่เดินไปก็หมุนตัวไปในอากาศเป็นครั้งคราวไปด้วย
หนานเหอและจูที่ต้องตื่นตะลึงเมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์อันชาญฉลาดของพู่กันเฉียนคุน
นี่คือพู่กันวิเศษในตำนานใช่ไหม?
มันช่างมหัศจรรย์มาก! มันสามารถช่วยเซียวเฉวียนตามหาคนได้ และยังสามารถเขียนตัวหนังสือกลางอากาศได้ด้วยตัวเอง มันช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทาสคุนหลุน แต่ก็ได้ยินเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นบนภูเขาคุนหลุนมาก็ไม่ใช่น้อย
มีข่าวลือว่ามีสัตว์เทพในตำนานและอาวุธวิเศษมากมายในภูเขาคุนหลุน
โดยมีเซี่ยวเฟิง กิเลนและภาพชุนเซี่ยวแห่งเขาคุนหลุน ยังมีพู่กันเฉียนคุนที่มีชื่อเสียง
เมื่อเหล่าเทพล่มสลายลง สัตว์เทพและอาวุธวิเศษก็หายสาบสูญไปด้วยอย่างไร้ร่องรอย
พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าพู่กันเฉียนคุนตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียน มันเป็นอาวุธวิเศษที่มาจากคุนหลุน
ได้เห็นกับตาในวันนี้ มันก็คือพู่กันวิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย
มันก็มีเพียงอาวุธวิเศษที่มาจากคุนหลุนเท่านั้นถึงได้มีความฉลาดและไหวพริบดีขนาดนี้
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ !
พู่กันวิเศษนี้ทรงพลังจริงๆ
อาวุธที่วิเศษขนาดนี้ ยังมาช่วยเซียวเฉวียนเช่นนี้ จูที่ชื่นชมเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก "ท่านอาหนาน ท่านว่าไหมใต้เท้าเซียวทำไมถึงได้เก่งกาจเช่นนี้?"
ข่าวลือว่าเซี่ยวเฟิง กิเลนและภาพชุนเซี่ยวแห่งเขาคุนหลุนก็อยู่ในมือของเซียวเฉวียนเช่นกัน
เพียงแค่พู่กันเฉียนคุนเพียงอย่างเดียวก็ทรงพลังมากขนาดนี้ ถ้างั้นภาพชุนเซี่ยวแห่งเขาคุนหลุน และสัตว์เทพทั้งสองก็ไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน
มีสัตว์เทพและอาวุธวิเศษ ซึ่งสมควรแก่การอิจฉาจริง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพละกำลังของเซียวเฉวียนก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน!
หลังจากเป็นผู้พิทักษ์ของเซียวเฉวียนแล้ว ความแข็งแกร่งของจูที่ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน และเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนด้วย
แข็งแกร่งจนจูที่คิดว่าชาตินี้คงเขาไปไม่ถึงจุดสูงสุดเช่นนี้ได้
ไม่เพียงแต่จูที่เท่านั้น หนานเหอก็ยังชื่นชมเซียวเฉวียนด้วยเช่นกัน เขาพึมพำว่า "ถือเป็นความโชคดีของครอบครัว ที่ได้รับการคุ้มครองจากใต้เท้าเซียว!"
เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงเดินตามพู่กันเฉียนคุนมาถึงที่ขอบหน้าผา เซียวเฉวียนมองลงไปข้างล่าง เห็นแต่คลื่นที่โหม ซัดสาดขยายวงกว้างออกไป
เขาถาม “พู่กันเฉียนคุน แล้วสิ่งที่เจ้าค้นพบล่ะ?”
มองลงไปนอกจากหน้าผาแล้วก็มีแต่ท้องทะเลเท่านั้น
นี่เป็นการค้นพบประเภทใหน?
หากว่านักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาจะซ่อนตัวอยู่บนหน้าผา มันก็ไม่ใช่ไม่มีความเป็นได้
แต่บนหน้าผานี้เมื่อมองแวบแรกมันดูไม่มีที่ให้ซ่อนตัวได้เลย
พู่กันเฉียนคุนมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ มันก็พูดว่า "เจ้านาย แต่ข้าพบร่องรอยค่ายกลกระบี่อยู่บนหน้าผานี้"
อยู่ที่ข้างต้นไม้ใหญ่ที่มีเถาวัลย์ปกคลุมอยู่
พูดจบ พู่กันเฉียนคุนก็พุ่งลงไปข้างล่าง และหยุดอยู่ข้างๆ ต้นไม้ใหญ่แล้วก็โยกตัวไปมาเพื่อส่งสัญญาณให้เซียวเฉวียนลงมาดู
เซียวเฉวียนไม่ได้ลงไป และพู่กันเฉียนคุนก็พูดขึ้นมาเพื่อยืนยันว่ามันได้เข้าไปดูแล้วแต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น
ในเมื่อไม่มีใคร ทำไมเขาจะต้องลงไปดูอีกรอบเล่า
เฮ้อ !
เขาคิดว่าพู่กันเฉียนคุนเห็นเบาะแสของนักปราชญ์เสียอีก แต่ผลกลับกลายเป็นเช่นนี้
ดูสถานการณ์แล้ว นักปราชญ์และลูกศิษย์ของเขาจะออกจากเกาะนกกระสาไปแล้วจริง ๆ
มีความเป็นไปได้ทางเดียวเท่านั้น ที่จะจากไปโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ต้องเป็นย่าเหยียนที่ยื่นมือช่วยเหลือแน่
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉวียนไม่อยากที่จะลงไป พู่กันเฉียนคุนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นมา มันพูดว่า "ข้าเข้าไปดูข้างในแล้ว ข้างในยังมีปลาย่างหลงเหลืออยู่ เห็นได้ชัดว่ามีคนเคยอยู่ที่นี่"
เซียวเฉวียนยังคงสายไปหนึ่งก้าว เขาพูดเบา ๆ "ไปกันเถอะ"
คนก็ไปแล้ว พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร
คราวนี้ต้องสูญเสียเบาะแสของนักปราชญ์ไปอย่างสิ้นเชิง
ได้เป็นผู้พิทักษ์ของเซียวเฉวียน และยังได้วิญญาณดาบมาสอนหนังสือให้เป็นการส่วนตัว โอกาสที่ดีเช่นนี้จะไม่ให้ทุ่มเทได้อย่างไร
เกรงว่าจะทุ่มเททั้งวันทั้งคือสิไม่ว่า !
เซียวเฉวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดด้วยเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "เสี่ยวเซียนชิว อย่าลืมปกป้องท่านป้าของเจ้าด้วย และเจ้าเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะ"
เสี่ยวเซียวชิวตอบว่า “ค่ะ ท่านพ่อ!”
สอนหนังสือให้มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง สำหรับเสี่ยวเซียนชิวแล้วมันเป็นเรื่องง่ายมาก มันคงจะไม่ทำให้เธอเสียเวลามากมายนักหรอก และคงไม่รบกวนเวลาเธอปกป้องเซียวจิง
หลังจากมอบหมายสิ่งที่ควรมอบหมายเรียบร้อยแล้ว เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงก็ออกจากเกาะนกกระสาไปด้วยกัน
สายตาของจูที่และคนอื่น ๆ มองดูเซียวเฉวียนและเจี้ยนจงจนลับสายตาไปแล้วถึงได้ถอนสายตากลับมา
ทันทีที่เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงจากไป อาสือและทาสคุนหลุนก็หยุดทำงานและกลับมาทานอาหารเย็น
เมื่อเห็นเสี่ยวเซียนชิว จูที่และหนานเหอยืนอยู่ข้างนอกและมองไปในทิศทางเดียวกัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมองตามไปทิศทางนั้นด้วยความสงสัย
แต่ประกฎว่าไม่มีอะไรเลย
อาสือถามขึ้นมาว่า “คุณหนู พวกเจ้าดูอะไรกันหรือ?”
เสี่ยวเซียนชิวเหลือบมองอาสือด้วยสายตาที่เป็นประกายแล้วพูดว่า "ไม่ได้ดูอะไรนี่"
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเซียนชิวก็ดึงสายตากลับหันไปมองจูที่ "พวกเจ้าตามสบายเถอะ ค่ำ ๆ ข้าค่อยกลับมาใหม่"
ถึงเวลาที่พวกเขาต้องกินข้าวแล้ว ดังนั้นเสี่ยวเซียนชิวจึงไม่อยากรบกวนพวกเขา
นอกจากอาสือแล้ว ทุกคนก็อยากรู้ว่าเสี่ยวเซียนชิวจะไปที่ไหน แต่เธอเป็นวิญญาณดาบ พูดอย่างเป็นทางการก็คือเธอเป็นผู้มีพระคุณและสถานะของเธอสูงกว่าพวกเขา
ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเธอ และไม่สมควรที่จะถามเช่นนั้น
ดังนั้น พวกเขาจึงเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ
หลังจากที่เซียวเฉวียนและเจี้ยนจงออกจากเกาะนกกระสา พวกเขาก็เดินทางมาถึงจวยอ๋องมู่อวิ๋น
ทำให้โย่วควนรู้สึกแปลกใจมาก สายตาของเขาไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มเอาไว้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...