ว่ากันให้ถึงที่สุด ยายเหยียนต้องการฆ่าเซียวเฉวียน เพราะเซียวเฉวียนจะฆ่านางในไม่ช้าก็เร็ว
ส่วนสาเหตุที่เซียวเฉวียนจะฆ่านางก็เพราะนางเสี้ยมสอนให้พี่น้องเว่ยหงให้รีดแก่นเลือดระหว่างคิ้วของทหารตระกูลเซียว
กล่าวได้ว่านางก็คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้และเป็นผู้รับผลประโยชน์มากที่สุด !
แต่ว่า นางคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ ถึงแม้จะรู้ ก็จะต้องมีเว่ยเชียนชิวเป็นแพะรับบาปนี้ไป
แต่ใครจะรู้ว่าคนคิดไม่อาจสู้ฟ้าลิขิต
เรื่องนี้จมหายเงียบไปนานสิบห้าปีแล้ว ไม่มีใครพูดถึง นางคิดว่าเรื่องนี้คงจบไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครพูดถึงมันอีก
ถึงจะพูดขึ้นมาอีก ก็จะคาดไม่ถึงตัวนาง นางจึงนอนหลับได้อย่างไร้ทุกข์โศก
ผลกลับมาปรากฏว่า เซียวเฉวียนมารื้อฟื้นบัญชีเก่า !
ถ้าไม่มีเรื่องนี้ นางและเซียวเฉวียนก็คงไม่มาเจอกัน และไม่ถึงขั้นต้องมาประหารกันด้วยอาวุธ
ซึ่งตรงกับคำที่ว่า กระดาษไม่อาจห่อไฟได้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ตัวเองก็จงอย่าทำมันเลย !
แค่ท่านทำเรื่องแย่ๆ ไว้ อย่าว่าแต่สิบปีแปดปี หรือกระทั่งเป็นสิบๆ ปี ไม่ช้าก็เร็ว มันจะต้องถูกขุดออกมาได้สักวัน
คำกล่าวที่ว่าปิดบังท้องฟ้าแล้วข้ามทะเลนั้น แค่หลอกได้ชั่วคราวเท่านั้น
ถ้ารู้อย่างนี้มาก่อน ยายเหยียนก็ไม่ควรรีบด่วนตัดสินใจ ทำเรื่องนี้ลงไป
ถ้าไม่มีเหตุเรื่องนี้ นางและเซียวเฉวียนก็จะไม่ต้องเป็นศัตรูกัน
พูดตามตรง สำหรับคนอย่างเซียวเฉวียน นางไม่อยากเป็นศัตรูกับเขาเลย
แต่ฟ้ามาลิขิตล้อเล่นกับมนุษย์ เซียวเฉวียนไฉนต้องมาเกิดเป็นผู้สืบตระกูลเซียว
ยายเหยียนถอนหายใจอย่างเงียบๆ ในใจ เนื้อปิ้งนั้นช่างยั่วยวนประสาทลิ้มรสของคนจริงๆ !
นางยังมีอารมณ์คิดถึงเนื้อปิ้งย่าง แต่พี่น้องเว่ยหงมีสีหน้าเป็นกังวลปรากฏให้เห็นโดยไม่รู้ตัว
เซียวเฉวียนเป็นคนที่สามารถทำลายแม้กระทั่งตราเทพศักดิ์สิทธิ์พันปี หากถูกเซียวเฉวียนล็อคเป้าไว้และสืบรู้ความจริงได้ พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เว่ยหงก็ตระหนักได้ทันทีว่า ตอนที่เขาก่อการกบฏ เขาและเว่ยเยี่ยนสามารถหนีหลุดมาได้สำเร็จ อาจเป็นเพราะเซียวเฉวียนเจตนาปล่อย
ก็หมายความว่า เซียวเฉวียนได้ระแวงสงสัยในตัวพี่น้องเว่ยหงมานานแล้ว
คิดได้เช่นนี้ ความนึกคิดของเซียวเฉวียนนี้ละเอียดอ่อนจนน่ากลัวจริงๆ
มีคนมากมายในราชวงศ์ เขาก็ยังระแวงสงสัยมาถึงตัวเว่ยหงจนได้
เห็นว่าพี่น้องเว่ยหงวิตกกังวลขนาดนี้ ยายเหยียนจึงพูดว่า "ไม่ต้องวิตก มีข้าอยู่ตรงนี้ เซียวเฉวียนแค่นั้นทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก"
เซียวเฉวียนเก่งกาจอยู่ แต่ยายเหยียนก็ไม่ใช่ย่อย ถึงแม้ไม่รับประกันว่านางจะสังหารเซียวเฉวียน ได้ แต่ก็แน่นอนว่านางสามารถหนีพ้นจากเซียวเฉวียนสำเร็จได้
รักษาชีวิตได้ ก็ถือว่าเป็นชัยชนะ
ดังนั้น เผื่อเซียวเฉวียนตามมาถึงที่นี่ได้จริง พวกเขาถอยไปก่อน ให้ยายเหยียนคอยคุ้มกัน ก็สามารถช่วยพวกเขาหนีได้ มีอะไรต้องวิตกกังวลเล่า ?
แน่นอนว่า เซียวเฉวียนตามไม่ถึงที่นี่จะดีที่สุด
แต่ถึงอย่างไร จำเป็นต้องคิดป้องกันไว้ก่อน
ยายเหยียนกำชับว่า "พรุ่งนี้เช้า พวกเจ้าก็ไปหาชาวบ้านมาสักหลายคน"
คิดจะหลีกพ้นการค้นหาของเซียวเฉวียน ก็ต้องอาศัยชาวบ้านมาทำเป็นโล่กำบัง
เซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋ฉลาดจะตาย หากพวกเขาหามาถึงที่นี่ ปิดประตูมิดชิดยิ่งจะทำให้สองคนนั้นเกิดความสงสัย
ดังนั้น หาชาวบ้านมาก็เพื่อจะมาจัดการกับเซียวเฉวียน
พอได้ยิน พี่น้องเว่ยหงก็รู้สึกสบายใจในที่สุด เว่ยหงตอบตกลงว่า "เข้าใจขอรับ"
เรื่องราวเป็นอันว่าตกลงเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะหามาถึงที่นี่ แล้วเดินถามทุกบ้าน ยายเหยียนต่างก็มีแผนจะรับมือแล้ว
ดังนั้น เพื่อให้มีความรู้สึกมีที่ยึดเหนี่ยว ยายเหยียนจึงต้องฟื้นฟูสำนักหมิงเซียนอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น อาจารย์ของนักปราชญ์ได้กำชับกับยายเหยียนก่อนที่จะเสียชีวิตว่า ให้นางต้องปกป้องสำนักหมิงเซียนให้ได้
นางได้สาบานต่อหน้าอาจารย์ในเวลานั้น นางก็ไม่สามารถเป็นคนเสียสัตย์ได้
พูดไปแล้ว นักปราชญ์ก็ยังคงหมายความอย่างนั้น สำหรับยายเหยียนแล้ว สำนักหมิงเซียนมีความสำคัญมากและตัวเขาเองมีปัญญาที่จะฟื้นฟูสำนักได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่ออย่างแน่วแน่ว่ายายเหยียนจะต้องปกป้องเขา
ถึงจะกล่าวไว้อย่างนั้น เสวียนจิ้งมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็บอกไม่ถูก
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เสวียนจิ้งก็สงบสติอารมณ์ในที่สุด เขาพึมพำอยู่ในใจว่าหากเสวียนจิ้งเป็นยายเหยียน เขามีกำลังขนาดนั้น เขาคงจะไม่ช่วยนักปราชญ์ไว้
หาทางยึดเอากองทัพจากมือของนักปราชญ์มากุมเอง ตัวเองบัญชาทุกอย่างได้ไม่ดีกว่าหรือ ?
แต่ที่คิดเช่นนี้ เสวียนอวี๋แสดงออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงได้แต่แสดงออกว่าเชื่อในคำพูดของนักปราชญ์ เอาแค่นี้จบ
ทางด้านเซียวเฉวียน หลังจากที่ทั้งนายและบ่าวกินอิ่ม ดูเวลาก็มืดแล้ว เซียวเฉวียนจึงเติมฟืนลงในกองไฟแล้วพูดเบา ๆ ว่า "พวกเรานอนพักกันไวหน่อยเถอะ”
เสวียนอวี๋หาวแล้วพูดว่า "ขอรับ"
เดินทางมาทั้งวัน เสวียนอวี๋ก็เหนื่อยพอควร หลังกินอิ่มท้องแล้ว ความง่วงก็มาหาอย่างหลบไม่พ้น
เพื่อป้องกันมิให้มีคนหรือสัตว์ป่ามารบกวนตอนกลางคืน ก่อนเข้านอน เซียวเฉวียนจึงวางม่านกำบังที่รอบตัวไว้
วันรุ่งขึ้นตอนรุ่งสาง พี่น้องเว่ยหงก็ไปที่บ้านหลังถัดไปเพื่อ "ยืม" คนสองคนมาสร้างครอบครัวชั่วคราว
ชาวบ้านแถวนี้ไม่เคยเห็นพี่น้องเว่ยหงมาก่อน การปรากฏตัวของพวกเขาจึงทำให้ชาวบ้านตื่นตัว
แต่ต่อหน้าพี่น้องเว่ยหง ความตื่นตัวของพวกเขาไม่มีประโยชน์
เพื่อลดการปรากฏตัวในสายตาคนให้น้อยที่สุด พี่น้องเว่ยหงไปหาแค่บ้านสองหลัง ยืมชายหนุ่มร่างแข็งแรงมาหลังละคนหนึ่ง และขอให้พวกเขาแกล้งทำเป็นพี่น้องสองคนที่พึ่งพาอาศัยอยู่ด้วยกัน ด้วยวิธีนี้มาหลอกลวงเซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...