ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1898

สรุปบท บทที่ 1898 ใส่ใจเรื่องชื่อเสียง: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 1898 ใส่ใจเรื่องชื่อเสียง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 1898 ใส่ใจเรื่องชื่อเสียง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

นักปราชญ์คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เซียวเฉวียนเป็นแค่ผู้รู้หนังสือตกกระป๋อง เป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ทำไมถึงได้มีกำลังขนาดนี้ได้ ?

มันเหลือเชื่อจริงๆ

แต่ก่อนเขาคิดว่าเจี้ยนจงน่ากลัว แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเซียวเฉวียนน่ากลัวกว่าเจี้ยนจงอีก

โดยเฉพาะเซียวเฉวียนที่อยู่ตรงหน้านี้ เขามีอำนาจแรงอาฆาตเต็มตัว นักปราชญ์ซึ่งเคยผ่านแรงลมแรงคลื่นมาก็อดสะทกสะท้านไม่ได้

มันกระทบกระเทือนใจคนมากมาย

ถ้าเป็นคนธรรมดา คงถูกอำนาจรัศมีของเซียวเฉวียนนี้ทำให้ตกใจจนฉี่แตกไปนานแล้วกระมัง ?

ไม่ต้องพูดถึงเซียวเฉวียน แค่ฝีมือของเสวียนอวี๋ก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่กับนักปราชญ์

“แคร้ง !” ดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนฟาดเข้าที่ไม้เท้าของยายเหยียนอย่างจัง

ผู้คนบอกว่าดาบจิงหุนนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แรกๆ เซียวเฉวียนก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม้เท้าของยายเหยียนก็มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมเช่นกัน

ถูกดาบจิงหุนของเขาฟาดไปหลายครั้ง ก็ยังไม่มีรอยดาบแม้แต่นิด

ถึงจะทำด้วยเหล็ก ก็ควรมีรอยถูกฟาดไปบ้าง

แต่ไม้เท้านี้กลับไม่เห็นมีรอยเลย

เซียวเฉวียนซึ่งเป็นวิญญาณมาจากยุคปัจจุบัน ยังไม่อาจรู้ได้ว่าไม้เท้านี้ทำมาจากวัสดุอะไร

เขาครุ่นคิดในใจว่า หากสามารถนำไม้เท้านี้กลับไปยังยุคปัจจุบันได้ ก็มีคุณค่าทางการวิจัยอย่างมาก

คิดถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนก็รีบดึงสติของเขากลับคืนมาโดยด่วน

ถึงอย่างไร เขากำลังสู้รบกับยอดฝีมือของบรรดายอดฝีมืออยู่ เซียวเฉวียนยังมาออกอาการเหม่อลอย เห็นชัดว่าไม่ให้เกียรติต่อยอดฝีมือคนนี้อยู่

ในจังหวะนี้เอง เว่ยหงชักดาบยาวออกจากฝัก ด้วยความฉับไวดั่งแรงลมแทงมายังตัวของเซียวเฉวียน

เสวียนอวี๋ว่องไวทั้งตาและมือ เขาชูกิ่งไม้ที่สุ่มเด็ดมาไว้ในมือและบินไปข้างหน้าขวางการโจมตีของเว่ยหง

เห็นชัดว่ามันเป็นแค่กิ่งไม้ที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไง แต่พอมาอยู่ในมือของเสวียนอวี๋ มันกลับกลายเป็นอาวุธที่สามารถสู้รบกับดาบยาวได้

เว่ยหงมีชีวิตอยู่มากี่สิบปี ก็เป็นครั้งแรกที่มาเห็นเด็กหนุ่มอายุน้อยๆ มีพลังถึงขนาดนี้

เขาไม่รู้ คือพูดกันอย่างเคร่งครัด เสวียนอวี๋ยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง

เป็นเพราะอยู่กับเซียวเฉวียน อาหารการกินดี จึงโตเร็วไปหน่อย ทำให้เสวียนอวี๋ดูอย่างกับเด็กวัยรุ่น

ถ้าเว่ยหงรู้ว่า เสวียนอวี๋จริงๆ ยังเป็นเด็กวัยน้อยๆ รู้ว่าความแข็งแกร่งที่เขาภูมิใจมาตลอดนั้นเด็กน้อยยังมาเทียบเคียงได้ เว่ยหงคงจะสงสัยในชีวิตของตัวเอง

เพราะเขามองว่าเสวียนอวี๋เป็นเด็กวัยรุ่น เขายังถูกเสวียนอวี๋แหย่จนอารมณ์เดือดดาล

เสวียนอวี๋แค่เอากิ่งไม้ก็กล้ามาต่อสู้กับเว่ยหง แถมขวางการโจมตีของเว่ยหงได้สำเร็จ ท่านว่ามันน่าโมโหไหม ?

เว่ยเยี่ยนที่บังเอิญมาเห็นฉากนี้ อารมณ์โมโหร้ายของเขาถูกจุดไฟลุกฟุ่บ เขาเลิกสนใจยายเหยียนทางนั้นแล้ว ดาบยาวเดิมทีที่จะแทงไปหาเซียวเฉวียน หันขวับมุ่งมายังตัวเสวียนอวี๋

เสวียนอวี๋เหวี่ยงกิ่งไม้ในมืออย่างคล่องแคล่ว เคลื่อนร่างไปมาระหว่างพี่น้องเว่ยหงอย่างปราดเปรียว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เสวียนอวี๋สามารถรั้งพี่น้องเว่ยหงได้อย่างสำเร็จ

มีเพียงนักปราชญ์และลูกศิษย์ที่ช่วยยายเหยียนรับมือกับเซียวเฉวียน

ถึงแม้กำลังของนักปราชญ์และลูกศิษย์จะฟื้นกลับมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงระดับก่อนหน้านี้ เซียวเฉวียนยังสามารถรับมือได้อยู่

เห็นชัดว่ามันเป็นสนามรบของเจ็ดคน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนมีกองทหารเป็นพันเป็นหมื่นกำลังประชันรบกันอยู่

แรงบรรยากาศอันทรงพลังทำให้หน้าผาโดยรอบสั่นสะเทือนไปด้วยกรวดหินดินทราย ใบหญ้าต้นไม้พลิ้วไหว

เหมือนมีพายุไต้ฝุ่นระดับแปดเคลื่อนผ่าน

ไม่คิดว่ามาเจอพวกเซียวเฉวียนและยายเหยียนกำลังต่อสู้กันอยู่ตรงนี้

เมื่อเห็นเซียวเฉวียนถูกไล่รุกตีโดยคนสามคนที่ด้านล่างของหุบเขา พู่กันเฉียนคุนอดเกิดโทสะขึ้นมาไม่ได้ พวกมันบินลงมาและเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไล่ตามนักปราชญ์และเสวียนจิ้งไม่ปล่อย

ไล่บี้จนทั้งสองไม่อาจโต้กลับได้ ทำได้แต่ดิ้นหลบไปหลบมาเอาชีวิตรอด

พู่กันเฉียนคุนที่โกรธแค้นปล่อยแสงสีแดงและสีขาว จนนักปราชญ์และเสวียนจิ้งไม่กล้าลืมตาเต็มที่ ต้องหรี่ตาลงเห็นเป็นเส้น

ให้ทั้งสองคนเอาตัวเองแทบไม่รอด ไม่มีจังหวะที่จะไปยุ่งกับเซียวเฉวียนอีก

แต่ถึงกระนั้น เซียวเฉวียนก็ยังเน้นแค่หลบหลีก ถูกยายเหยียนไล่รุกตีอยู่

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากยายเหยียน แต่เมื่อเห็นเซียวเฉวียนถูกนางไล่จิกแต่ไม่โต้กลับ พู่กันเฉียนคุนก็คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้และช่วยเซียวเฉวียนสั่งสอนยายชราคนนี้

ด้วยเหตุนี้ พู่กันเฉียนคุนจึงเปิดการโจมตีที่รุนแรงที่สุดต่อนักปราชญ์และศิษย์ แสงสีแดงและสีขาวสลับกันไม่หยุดหย่อน เหมือนกับดาบเรียวยาวๆ แทงไปที่ดวงตาของสองคน บังคับให้พวกเขาไม่แม้แต่จะลืมตาได้สักนิด

นักปราชญ์และศิษย์ไม่อาจมองเห็นสภาพได้ ถูกพู่กันเฉียนคุนบีบบังคับจนตกลงไปในสระน้ำโดยไม่ระวัง

ถือว่าให้สองคนนี้สงบลงชั่วคราวได้

หากไม่ใช่เพราะคิดว่าสองคนนี้จะต้องมอบให้เซียวเฉวียนจัดการด้วยตัวเอง พู่กันเฉียนคุนคงปลิดชีพพวกมันไปแล้ว

จากนั้น พู่กันเฉียนคุนก็หันไปช่วยเซียวเฉวียน

เมื่อเห็นแสงของพู่กันเฉียนคุนแทงมาที่ตาตัวเอง ยายเหยียนก็หยีตาลงครึ่งหนึ่งโดยสัญชาตญาณและพูดด้วยเสียงแหบห้าวว่า "เซียวเฉวียน ! เจ้าเป็นถึงราชครูของประเทศและเป็นเจ้าของชิงหยวน แต่มาใช้ดาบชีวัน เจ้าไม่กลัวถูกคนใต้ฟ้าทั่วหล้าด่าทอหรือ ?”

เท่าที่ยายเหยียนรู้ เซียวเฉวียนเมื่อก่อนมีชื่อเสียงแย่มาก เขาได้ใช้ความพยายามมาอย่างมากถึงได้รับความยอมรับจากผู้คน ฟอกขาวให้กับตัวเอง

ที่ยายเหยียนจะพูดแบบนี้ เพราะนางคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่หวงในชื่อเสียงของตัวเอง

การสร้างดาบชีวันเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมมาก หากเซียวเฉวียนใช้ดาบชีวันและให้ชาวโลกรู้เข้า ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาก็จะสูญเสียหมดสิ้น !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย