ตอน บทที่ 1900 ทำจากง่ายก่อนยากไว้ทีหลัง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1900 ทำจากง่ายก่อนยากไว้ทีหลัง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ยายเหยียนพลางต้องต่อต้านการรุกของพู่กันเฉียนคุน พลางต้องระวังการลอบจู่โจมของเซียวเฉวียนอีกด้วย ทั้งสองล้วนไม่ใช่หมูๆ นางกังวลว่านางจะไม่อาจหลบพ้นพวกเขาได้
เพราะนางยังไม่รับรู้ถึงระดับกำลังของเซียวเฉวียน นางจึงไม่กล้าตั้งอยู่ในความประมาท
ดังนั้น แม้ว่าเซียวเฉวียนจะมาเร็วมาก แต่ยายเหยียนก็ยังจับรู้สึกทัน
จังหวะที่ดาบจิงหุนกำลังจะถึงตัวนาง นางก็ใช้ไม้เท้าไปขวางดาบจิงหุนของเซียวเฉวียนโดยสัญชาตญาณ
"แคร้ง !"
เสียงกระทบของดาบจิงหุนและไม้เท้านั้น ทำให้คนเกิดความรู้สึกใจหายใจคว่ำ
เห็นได้ว่าดาบของเซียวเฉวียนนั้นรุกมาแรงขนาดไหนและไม้เท้านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
ทำมาจากวัสดุที่ดีจริงๆ
เซียวเฉวียนเลิกคิ้วและพูดอย่างเย็นชา "ถ้าเซียวเฉวียนเดาไม่ผิด เจ้าสำนักเหยียนต้องเป็นคนเขาคุนหลุนใช่ไหม ?"
อยู่ๆ โผล่มาคำนี้ ยายเหยียนซึ่งปกติเป็นคนไม่สะทกสะท้านก็มีอาการผงะอย่างเห็นได้ชัด
เป็นเพราะอาการผงะนี้เอง ทำให้เซียวเฉวียนและพู่กันเฉวียนคุนได้โอกาส เซียวเฉวียนบิดข้อมือหันดาบจิงหุนลงล่างแทงโดนตัวยายเหยียน
โชคดีที่นางตอบสนองไหวตัวได้เร็วพอ ถอยหลังหลบไปได้ทัน จึงถูกแทงไม่ลึก แค่มีเลือดออกนิดๆ
แต่ว่าแสงสีแดงและสีขาวของพู่กันเฉียนคุนนั้นแรงดุเดือดมาก ราวกับดาบคมกริบเป็นเล่มๆ เนื่องจากอาการผงะของยายเหยียน แม้นางจะมีกำลังภายในคุ้มกันตัว ก็ยังถูกแสงสีแดงและสีขาวยิงเข้าจนได้ ทำให้ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ
เหมือนมีมดนับหมื่นๆ ตัวมากัด
แต่ความเจ็บปวดแบบนี้สำหรับยายเหยียนแล้ว เป็นเรื่องจิ๊บๆ
แต่ว่า ความเจ็บปวดทำให้ยายเหยียนรีบกลับคืนสติ นางปัดไม้เท้าในมืออย่างแรงไปที่ตัวเซียวเฉวียน บังคับให้ เซียวเฉวียนต้องถอยหลบไปข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ฉวยจังหวะนี้ ยายเหยียนเอาปลายเท้าดีดพื้นเหินขึ้นข้างบน ชูไม้เท้าในมือรุกไปทางพู่กันเฉียนคุน
พู่กันสองด้ามนี้สร้างความรำคาญให้นางพอสมควร มาทำให้นางเสียจังหวะเป็นประจำ !
เห็นท่าทาง พู่กันเฉียนคุนก็รีบบินสูงขึ้นไปอีก เพื่อหลีกให้พ้นจากการรุกตีของยายเหยียน
ดูออกว่ายายเหยียนเกิดโมโหร้ายแล้ว หากถูกไม้เท้าฟาดโดน พู่กันเฉียนคุนไม่เสียก็ต้องแตกหักพิการ
ยายเหยียนถือโอกาสมองลงไปข้างล่างและเห็นเซียวเฉวียนกำลังตามขึ้นมา
นางรีบเร่งความเร็ว จะซิวพู่กันเฉียนคุนให้ได้ก่อนที่เซียวเฉวียนจะมาถึง
ดังนั้น ขณะที่ยายเหยียนเพิ่มความเร็ว ยังเพิ่มความรุนแรง ใช้ไม้เท้าของนางไล่ตามพู่กันทั้งสองอย่างไม่ลดละ
พู่กันเฉียนคุนก็มีไหวพริบไม่น้อย เห็นท่าทางจึงแยกออกไปคนละทาง ให้ยายเหยียนไม่สามารถรุกตีพวกมันในเวลาเดียวกัน
แต่พวกมันก็คาดไม่ถึง หลังจากที่ยายเหยียนพึมพำบางอย่างในปากเสร็จ ไม่รู้นางใช้เวทมนตร์แบบไหน ปิดเส้นทางของพู่กันเฉียนคุนไป ทำให้พวกมันไม่สามารถแยกทางไปได้แม้จะแยกก็ตาม พวกมันสามารถเคลื่อนที่ในบริเวณจำกัดเท่านั้น
ถูกยายเหยียนล้วงรู้ถึงเจตนา พู่กันเฉียนคุนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งด้วยเสียงเบาๆ "โคตรพ่อโคตรแม่...ง !"
นี่มันกลอะไรของมันวะ จะว่าเป็นม่านกำบังก็ไม่เหมือน จะว่าไม่ใช่ม่านกำบัง มันก็เหมือนม่านกำบัง มาจำกัดให้บริเวณเคลื่อนไหวของพู่กันเฉียนคุนเล็กลง
ทำอย่างนี้ ถูกมัดไว้แน่
ยายเหยียนรุกมาตีพู่กันเฉียนคุนอย่างฉับไวและแม่นยำ พู่กันเฉียนคุนได้แต่หลบ แสงของพวกมันไม่อาจยิงใส่ดวงตาหรือร่างกายของยายเหยียนได้ ทำให้นางง่ายต่อการรับมือกับพู่กันเฉียนคุน
ฟาดไม้เท้าลงไปทีเดียว บังคับให้พู่กันต้องไปรวมอยู่ที่เดียวกัน ฟาดไม้เท้าไปอีกทีอย่างแม่นยำไปที่ตัวพู่กันทั้งสอง
ไม้นี้ฟาดลงไป พู่กันไม่แตกละเอียด แต่ก็เหินขึ้นไม่ได้อีกแล้ว เห็นร่วงลงไปตรงๆ
ดูเหมือนว่ามันจะเจ็บแล้ว
เซียวเฉวียนรีบมาถึงเห็นสภาพ เขาก็รีบเอื้อมมือไปรับพู่กันเฉียนคุนไว้และใส่เข้าไปในแขนเสื้อ
มาทำร้ายอาวุธของเซียวเฉวียนงั้นหรือ !
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิได้ยินเสียงก็ออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ลอยอยู่บนอากาศเพื่อรอคำสั่งของเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียนกล่าวว่า "ลงไปช่วยเสวียนอวี๋"
แม้ว่าภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิจะไม่มีวิชาการต่อสู้ แต่วิชาป้องกันนั้นค่อนข้างดีทีเดียว
มีมันมาช่วย จะรับประกันให้เสวียนอวี๋ไม่มีโอกาสพลาด
จะควบคุมยายเหยียนมันไม่ง่ายนัก แต่การควบคุมนักปราชญ์และศิษย์นั้นไม่ได้ยากอะไร
แทนที่จะปล่อยให้นักปราชญ์และศิษย์ร่วมมือกับยายเหยียนมาสู้รบกับเซียวเฉวียน สู้เซียวเฉวียนจัดให้นักปราชญ์และศิษย์ถูกควบคุมไว้ก่อนดีกว่า
หากสามารถล้วงเอาร่องรอยที่อยู่ของกองทัพนักรบแท้ได้ก็จะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ เซียวเฉวียนสู้ควบคุมนักปราชญ์และลูกศิษย์ทั้งสองไว้ก่อนดีกว่า
ดังนั้น จำนวนศัตรูน้อยลงหนึ่งคนก็เอาหนึ่งคน กองทัพนักรบแท้นั้นเซียวเฉวียนจะหาทางอื่นค้นจนเจอให้ได้
เมื่อเห็นว่าพี่น้องเว่ยหงกำลังจะหลบหนี เซียวเฉวียนจะไม่ให้พวกเขาได้สมหวังแน่
ว่ากันตามเดิม เซียวเฉวียนไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะจัดการกับยายเหยียนได้ แต่จะกักพี่น้องเว่ยหงไว้ เซียวเฉวียนคิดว่าเขายังไหวอยู่
ดังนั้นเขาไม่สนใจยายเหยียนแล้ว เขาบึ่งตรงขึ้นไปเข้าหาพี่น้องเว่ยหงโดยตรง
เดิมทีคิดว่าเป้าหมายหลักของเซียวเฉวียนคือยายเหยียนเอง
แต่มาเห็นเซียวเฉวียนและเสวียนอวี๋แยกออกเป็นสองทาง แยกทางไปล้อมพี่น้องเว่ยหงและนักปราชญ์กับลูกศิษย์ตามลำดับ กลับเมินเฉยต่อตัวนาง
การเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนนี้ ทำให้ยายเหยียนสับสนงุนงง นางคือคนที่ทำร้ายพู่กันเฉียนคุนของเซียวเฉวียน เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายต้องชดใช้กรรม เป้าหมายของเซียวเฉวียนควรเป็นนางถึงจะถูกในตอนนี้
ทำไมเซียวเฉวียนถึงทำแบบนี้ นางสับสนและงุนงง ทำไมหันหอกไปหาสี่คนนั้น ?
หรือจะว่า เซียวเฉวียนคิดว่านางรับมือยาก จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ ทำจากง่ายก่อนยากไว้ทีหลัง ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...