ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1902

สรุปบท บทที่ 1902 ขจัดปัญหาในอนาคต: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1902 ขจัดปัญหาในอนาคต – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1902 ขจัดปัญหาในอนาคต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เดิมทีนักปราชญ์คิดว่า ถ้าช่วยไม่ได้ ก็หาวิธีฆ่าเขาซะ

แต่ต่อหน้าคนจำนวนมาก นักปราชญ์ไม่สามารถพูดคำเช่นนั้นได้

หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของเสวียนจิ้ง ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ก็จะจบลง

เขาไม่กลัวภัยคุกคามใดๆ ที่เสวียนจิ้งอาจนำมาสู่เขา แต่เขากลัวว่าเสวียนจิ้งจะทรยศต่ออาจารย์อย่างเขาเหมือนที่เสวียนอวี่ทำหลังจากรู้ว่านักปราชญ์มีความคิดเช่นนั้น

การทรยศต่ออาจารย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรและสร้างพันธมิตรกับเซียวเฉวียน

แม้ว่าความเป็นไปได้นี้ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ข้อเท็จจริงในโลกนี้ก็ยากที่จะพูด

เดิมทีเซียวเฉวียนเป็นปัญญาชนที่ยากจนและไม่มีอำนาจแม้แต่น้อยเลยไม่ใช่หรือ?

ในสายตาของนักปราชญ์ เขาเป็นเพียงมดที่สามารถบดขยี้จนตายได้ตามต้องการ

ผลก็คือเซียวเฉวียนไม่เพียงแต่รอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ยังโต้กลับประสบความสำเร็จเยี่ยงนี้ได้อีกด้วย เขามีทุกสิ่งที่เขาควรมี รวมถึงอัตลักษณ์และสถานะ ความรุ่งโรจน์ และความมั่งคั่ง และเขาก็เป็นเพียงผู้ชนะในชีวิต

หลังจากเหตุการณ์นี้ของเซียวเฉวียน นักปราชญ์ก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น

เช่นเดียวกับเสวียนจิ้ง มันจะดีกว่าที่จะฆ่าเขามากกว่าปล่อยให้เขาตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียน

หวังว่าย่าเหยียนจะเข้าใจความหมายของนักปราชญ์ และเธอก็จะทำเช่นเดียวกันโดยที่เขาไม่ต้องพูดออกมา

ต้องบอกว่าย่าเหยียนฉลาดจริงๆ

เมื่อเธอได้ยินว่านักปราชญ์จะช่วยเสวียนจิ้ง เธอก็ไล่ตามเซียวเฉวียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เธอรู้ว่าด้วยพฤติกรรมของนักปราชญ์ ถ้าเสวียนจิ้งไม่มีค่ากับเขา หรือถ้าเขาไม่จับจุดอ่อนของนักปราชญ์ไว้ นักปราชญ์จะไม่ช่วยเสวียนจิ้งในสภาวะที่เขายังเอาตัวเองยังไม่รอดเลย

ดังนั้น เธอจึงเข้าใจว่านักปราชญ์หมายความว่าเสวียนจิ้งไม่สามารถตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียนได้ แม้ว่าจะฆ่าเขาซะ ก็ไม่อาจตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียนได้

เซียวเฉวียนคิดไม่ถึงอย่างเด็ดขาดว่าย่าเหยียนจะฟังนักปราชญ์ และมาช่วยเสวียนจิ้ง

ด้วยวิธีนี้ การเกมครั้งนี้ของเสวียนอวี่ถูกต้องแล้ว มีเสวียนจิ้งอยู่ในมือ เขาอาจจะสามารถงัดที่อยู่ของชาวยุทธแท้จากเขาได้ หรือว่าจะได้รู้ถึงข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับนักปราชญ์

ท้ายที่สุดแล้วเสวียนจิ้งก็เป็นลูกศิษย์ของนักปราชญ์และต้องพึ่งพาเขาไปตลอดชีวิต ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสวียนจิ้งจะรู้ความลับบางอย่างที่เขาไม่รู้

ดังนั้น ยิ่งพวกเขาต้องการช่วยใครสักคนมากเท่าไหร่ เซียวเฉวียนก็จะยิ่งปล่อยให้พวกเขาประสบความสำเร็จไม่ได้

เซียวเฉวียนตะโกนอย่างเย็นชา "ภาพร่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ เก็บ!"

ภาพร่งอรุณฤดูใบไม้ผลิม้วนตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินเสียง แล้วบินเข้าไปในแขนเสื้อของเซียวเฉวียน

เมื่อย่าเหยียนกำลังจะเข้าใกล้ เสวียนอวี่ก็ใช้โอกาสนี้เพื่อพาสองพี่น้องเว่ยหงที่ถูกขังอยู่ในม่านกำบังออกไป

เดิมทีสองพี่น้องเว่ยหงคิดว่าย่าเหยียนจะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมือของเสวียนอวี่ ระยะห่างระหว่างพวกเขากับย่าเหยียนก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ ความหวังในใจของพวกเขาก็ค่อยๆ อ่อนลง

หากพวกเขาตกอยู่ในมือของเซียวเฉวียน หากไม่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาจะตาย

เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพจากการประลองของเซียวเฉวียนและย่าเหยียน พวกเขารู้สึกว่าโอกาสที่จะหลบหนีจากเซียวเฉวียนมีน้อยมาก

หากพวกเขาต้องการหลบหนี พวกเขาทำได้เพียงหาทางหลบหนีในตอนนี้เท่านั้น

เว่ยหงผู้สงวนคำเฉกเช่นทองคำและรักศักดิ์ศรีมากมาโดยตลอดต้องยอมถ่อมตนลง แล้วพูดว่า "น้องชาย โปรดช่วยข้าหน่อย ปล่อยข้าออกไปปลดทุกข์เสียหน่อยเถอะ"

เหตุผลที่เขาพูดแบบนี้ เพราะเขารู้สึกว่าเสวียนอวี่สามารถปลดม่านกำบังนี้ได้

แต่เสวียนอวี่ทำให้เขาต้องผิดหวังเสวียนอวี่พูดอย่างท่าทีไร้ความเมตตาปราณีว่า "มีเพียงท่านอาเซียว เท่านั้นที่สามารถปลดม่านกำบังได้"

ความหมายก็คือ หากเจ้าต้องการหลอกข้า ใช้โอกาสนี้หลบหนีเช่นนั้นความพยายามของเจ้าจะไร้ผล

หากเจ้ามีความต้องการไปปลดทุกข์จริงๆ ก็จำต้องทนไปเท่านั้น มิเช่นนั้นก็ปลดในที่นี้ก็ได้

ยังไงซะเราก็เป็นผู้ชายอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องอาย

เมื่อเห็นว่าเสวียนอวี่เจรจายากนัก เว่ยหงจึงรู้ว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเว่ยหงไม่ค่อยตักเตือนเว่ยหยานมาโดยตลอด พวกเขาก็คงไม่สามารถซ่อนตัวได้นานขนาดนี้

เมื่อเห็นว่าเขาต้องการพูดต่อเว่ยหงก็เหลือบมองเขาเบาๆ

การชำเลืองมองเช่นนี้ ทำให้เว่ยหยานต้องหุบปากทันที เขาเป็นเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิด เขารู้สึกผิดมากจนอยากจะมองเว่ยหงแต่ไม่กล้า ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองเว่ยหงอย่างลับๆ เท่านั้น จากนั้นรีบลดตาลง

ด้วยวิธีนี้ เว่ยหงซึ่งหมดหนทางแล้ว ต้องหยุดพูดคุยกับเสวียนอวี่ชั่วคราวและคิดหาวิธีหลบหนี

การต่อสู้ระหว่างเซียวเฉวียนและย่าเหยียนนั้นดุเดือดมาก

ในตอนแรกเซียวเฉวียนคิดว่าทั้งนักปราชญ์และย่าเหยียนต้องการช่วยเสวียนจิ้งจริงๆ ดังนั้นตอนที่ไม้เท้าของย่าเหยียนฟาดลงมา เซียวเฉวียนจึงใช้เสวียนจิ้งเป็นโล่และทดสอบย่าเหยียนเพื่อดูว่าจะย่าเหยียนสามาถทำลายม่านกำบังที่เซียวเฉวียนสร้างได้หรือไม่

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้อาวุโสคุนหลุนและแม้แต่องค์ชายชิงหลงก็ไม่สามารถทำลายกำแพงของเซียวเฉวียนได้

อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนคิดผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาพบว่าแม้ว่าเขาจะใช้เสวียนจิ้งเพื่อสกัดกั้นไว้ด้านหน้า แต่ท่าทีในกระบวนท่าสังหารของย่าเหยียนก็ยังคงโหดร้ายมาก และมีความคิดที่จะฆ่าเสวียนจิ้ง

ครั้งหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าย่าเหยียนไม่มีเวลาตอบสนอง ไม่มีเวลาหยุดได้ทัน แต่มันเกิดขึ้นสามครั้งติดต่อกัน เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าย่าเหยียนและนักปราชญ์มีความตั้งใจที่ใช้งานเสร็จแล้วถีบหัวส่ง

เมื่อคิดเช่นนี้ ในที่สุดเซียวเฉวียนก็คิดได้ ไม่น่าแปลกใจที่นักปราชญ์ขอให้ย่าเหยียนช่วยเสวียนจิ้ง

ปรากฎว่าเพียงรออยู่ที่นี่ และถ้าช่วยไม่ได้ เขาจะถูกฆ่า

โดยรวมแล้ว ไม่อาจปล่อยเสวียนจิ้งให้ตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียนได้

ประการแรก พวกเขาไม่ไว้วางใจเสวียนจิ้ง และกลัวว่าเสวียนจิ้งจะเปิดเผยความลับของพวกเขา

ประการที่สอง นักปราชญ์ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเสวียนอวี่และมู่จิ่นที่ทรยศสำนักของเขา เขากลัวว่าเสวียนจิ้งจะตีจากโลกมืดเข้าสู่โลกสว่าง เข้าร่วมกับเซียวเฉวียน

แม้ว่านักปราชญ์จะรู้ว่าความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก แต่เขาก็ยังคงไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงและตัดสินใจฆ่าเขาหากไม่สามารถช่วยเขาได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

เซียวเฉวียนจะเติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย