ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1916

สรุปบท บทที่ 1916 ต้องเผามันเทศ: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1916 ต้องเผามันเทศ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1916 ต้องเผามันเทศ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ดังนั้น ย่าเหยียนจึงบละทิ้งทางนั้น แล้วหันไปทางอื่นแล้วค้นหาที่อยู่ของเซี่ยวเฟิงและคนอื่น ๆ ต่อไป

เพื่อที่ไม่เป็นการให้นักปราชญ์มาเสียเที่ยว ทั้งสองคนจึงต้องหาสถานที่ที่แท้จริงเอาไว้ เพื่อรอนักปราชญ์

รอประมาณจนเวลาธูปหมดไปหนึ่งดอก นักปราชญ์ถึงจะตามมาทัน

พอเห็นสองคนนี้รออยู่ที่นี่ นักปราชญ์ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี กลัวว่าครั้งนี้ที่พวกเขามาจะมาเสี่ยเที่ยว

และก็เป้นอย่างที่คิดไว้ ย่าเหยียนได้กล่าวว่า “เจ้าสำนักใหญ่ เกรงว่าที่นี่จะไม่ถูก พวกเราเปลี่ยนไปที่อื่นกันเถิด“

พอคิดถึงความเร็วของนักปราชญ์ที่เร็วสู้เขาไม่ได้ ย่าเหยียนกล่าวว่า “จากตามที่ท่านเห็น ควรจะทำเช่นไรดีเล่า?”

ความหมายนัยก็คือ ยังอยากจะคิดตามพวกเธอไปหาอีกหรือไม่?

ถ้าตามเธอ เขาก็ตามเธอไม่ทันอยู่ดี

หรือไม่ก็หาเส้นทางหาใหม่เอา

นักปราชญ์อยู่มาเป็นสิบกว่าปี ไม่มีทางยังฟังคำพูดที่มีความหมายนัยนี้ไม่ออก เขายังมีความตระหนักในตนเองและมีความรู้มาก

“ตามที่พวกข้าดู ข้ารู้ว่าพวกท่านน่ะทำได้ แต่อันตัวความเร็วของพวกข้าเร็วไม่ทันพวกท่าน มิอยากจะฉุดหลังพวกท่านเข้าหลังคลอง“

ความหมายนัยก็คือ ข้าไม่ไปเล่นกับพวกเจ้าแล้ว

พอได้ยินดังนั้น ยย่าเหยียนก็อดที่จะรู้สึกขันไม่ได้ นักปราชญ์นี้ยังรู้จักการรักษาหน้าตัวเอง พอถึงเวลานี้ ยังรู้จักไว้หน้าตัวเอง

เหตุใดที่บอกว่ายามนี้ความเร็วไม่เท่าพวกเธธ ความเร็วพวกเขาไม่เคยที่จะทันเธอกับอาเล่อเลยเสียตั้งหาก!

การมองผ่านแต่ไม่พูดความจริงคือศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ย่าเหยียนจะมอบให้กับนักปราชญ์ได้

นักปราชญ์ไม่รู้ว่ากภายในใจของย่าเหยียนนั้นหลากหลาย เขายังคงคิดว่าเนื่องจากทุกคนทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาที่อยู่ของเซียวเฉวียน เขาจึงไม่สามารถรอและไม่ทำอะไรเลย

ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะประนีประนอมโดยกล่าวว่า “หากผู้นำเหยียนรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ข้าสามารถทำได้ ท่านก็บอกพวกข้ามาได้เลย”

ความหมายของนักปราชญ์คือ ตนไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแบ่งปันความกังวล ดังนั้นจึงยอมทุกอย่างแล้วแต่พวกเธอจะจัดการ

พอได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปาก ย่าเหยียนก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปเลยกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจนะท่าน ข้าเพิ่งค้นพบดินแดนสมบัติฮวงจุ้ย คิดว่าสามารถเป็นค่ายฐานอนาคตของสำนักหมิงเซียน

สถานที่แห่งนี้เป็นความลับอย่างยิ่งและเป็นสถานที่ที่หายากมาก

แต่มีไพร่ฟ้าจำนวนมากอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้

พอฟังถึงตรงนี้ นักปราชญ์ก็เข้าใจว่าย่าเหยียนต้องการให้เขาทำอะไร

นักปราชญ์มองไปที่ใบหน้าย่าเหยียนอย่างแผ่วเบา แล้วพูดว่า “ท่านผู้นำเหยียนหมายความว่า จักให้พวกคิดว่าวิธีจัดการกับชาวไพร่ฟ้าอย่างนั้นหรือ?“

ความหมายของจัดการนั้นคือ ให้พวกเขาย้ายไปจากที่นี่เองจะดีที่สุด

ถ้าไม่ได้ ก็คงต้องใช้ไม้เด็ด

บนเส้นทางดาง ย่าเหยียนคิดอย่างละเอียดรอบคอบหากชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างหน้าผาเคลื่อนตัวออกไปสถานที่ที่อยู่ด้านล่างหน้าผาจะเป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ สถานที่นี้จะไม่เป็นสถานที่ซ่อนเร้นอีกต่อไป

ดังนั้น ความหมายของย่าเหยียนนั้นคือ ชาวบ้านบริเวณเชิงผามีทางไปสองทาง

หนึ่งคือพวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงของนักปราชญ์จะกลายเป็นสาวกของสำนักหมิงเซียน

ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ที่ด้านล่างของหน้าผาได้อย่างปลอดภัย และเรียนรู้วิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของสำนักหมิงเซียน

วิชาแพทย์ของสำนักนักเซียนนั้น ไม่ใช่ย่าเหยียนพูดโอ้อวด ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเทียบได้กับทักษะทางการแพทย์ของเทือกคุนหลุน

ท้ายที่สุดแล้ว วิชาแพทย์ของสำนักหมิงเซียนถูกนำออกมาจากเทือกเขาคุนหลุนโดยย่าเหยียน

แต่เพื่อที่จะซ่อนตัวตนของเธอจากโลกภายนอก เธอได้ทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อไม่ให้ใครเห็นเงาวิชาแพทย์ของเทือกเขาคุนหลุน

แต่เปลี่ยนแปลงแค่เฉพาะภายนอก แม้ว่าทักษะวิชาแพทย์จะดูแตกต่างออกไปมาก แต่ผลลัพธ์ก็ยังน่าประทับใจ

หากชาวไพร่ฟ้าที่อยู่เชิงผาทราบสถานการณ์ก็จะเป็นผู้รับผลประโยชน์

ถ้าพวกเขาไม่ยินยอมสวามภักดิ์สำหนักหมิงเซียน เช่นนั้นเขาก็มีทางเลือกเพียงทางที่สอง นั่นหมายความว่าทั้งหมู่บ้านประสบภัยพิบัติ

อันไหนสำคัญกว่ากัน เชื่อว่าชาวไพร่ฟ้าคงตัดสินกันเองได้

หากชาวบ้านที่ด้านล่างของหน้าผายืนกรานที่จะใช้เส้นทางที่สอง นักปราชญจะส่งพวกเขาทั้งหมดไปทางทิศตะวันตกได้

เรื่องนี้ นักปราชญ์คิดว่าเขามีสามารถรับหน้าทนี้ได้ และเขายังต้องดูดซับวิญญาณมนุษย์เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขาด้วย

เซียวเฉวียนเห็นความสิ่งที่เขาจะคิด เสวียนจิ้งจึงตกใจและรำคาญมาก

เจ้าเซียวเฉวียนนี่มันน่ารำคาญซะจริง!

เขาก็ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดจึงมีคนอย่างเซียวเฉวียนบนโลกใบนี้ด้วยเล่า!

เรียกเขาว่าฉลาดอย่างนั้นหรือ แต่เริ่มแรกสอบตกจังหวัดสามปีติดต่อกัน

จะเรียกเขาว่าโง่เขลาเบาปัญญา ต่อมาก็เขากลับได้รับรางวัลสามอันดับแรกติดต่อกัน

ใช้เวลาเพียงปีเดียวเท่านั้น จากลูกเขยในจวนฉินที่ทุกคนสามารถรังแกได้ กลับกลายมาเป็นพระราชบุตรเขยแห่งซินเจียง

เงินตรา อำนาจ ตำแหน่งหน้าที่การงาน คู่ครองงาม เขาล้วนต่างมีทั้งหมด

ความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนนั้นแข็งแกร่งมากจนใครก็ตามที่ต่อต้านเขาจะไม่สามารถได้รับประโยชน์ใด ๆ จากเขา

แม้แต่เขา ก็จบลงเอบแบบนี้เช่นกัน

โชคดีที่ในที่สุดศัตรูของเซียวเฉวียนก็ปรากฏตัวขึ้น และเขาจะไม่สามารถกระโดดโลดเต้นแบบนี้ได้อีก!

ฮ่าฮ่าฮ่า!

ในเมื่อเซียวเฉวียนก็จะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว ในเมื่อเขาอยากกินมันเทศนักเขาก็จะยอมเผาให้กินเป็นบุญละกัน

เมื่อรอวันย่าเหยียนมาหาเขา เสวียนจิ้งจะชำระบัญชีนี้ให้สาสม!

คิดว่าเขาเป็นบุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะตกต่ำ แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนที่เซียวเฉวียนไม่สามารถเข้าถึงได้!

แต่เขาปฏิบัติต่อเสวียนจิ้งเหมือนทาส นี่มันมากเกินไปแล้ว!

เขาจำบัญชีหนี้แค้นนี้ได้เป็นอย่างดี!

เซียวเฉวียนชอบเห็นเสวียนจิ้งโกรธมาก ชอบหน้าตาของคนไม่อยากทำงานแต่ต้องทำ

ไม่อย่างนั้นเรื่องเผามันเทศ สู้ให้กิเลนทำไม่ดีกว่าเขาทำหรอกหรือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย