สรุปตอน บทที่ 1918 รู้แล้วยังถาม – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 1918 รู้แล้วยังถาม ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เซียวเฉวียนมีประสาทสัมผัสหูที่ไวยิ่งนัก ถึงแม้ว่าเขาจักมิได้มีท่าทีตอบสนอง หากแต่นั่นเป็นเพราะเขาเลือกที่จะไม่สนใจเสวียนจิ้งเสียมากกว่า ทำให้เขาอับอายขายหน้ามากกว่าเดิม
ภายในใจของเสวียนจิ้งนั้น ไม่ว่าสถานะของเซียวเฉวียนจะสูงส่งเท่าใด หรือไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาก็เป็นได้แค่เพียง "เศรษฐีหน้าใหม่" เท่านั้น
เขาก็แค่คนยากจน จักมาเทียบกับคนจากตระกูลขุนนางเช่นเสวียนจิ้งได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเซียวเฉวียนเข้ามาชี้นิ้วสั่งการคอยบงการเขาเช่นนี้ มันจะเกินไปแล้ว!
ทว่า เสวียนจิ้งที่ไร้หนทางต่อกรต่อเซียวเฉวียนนั้น เขาทำได้เพียงโมโหโกรธแค้นอยู่ภายในใจแต่มิกล้าเอ่ยวาจาออกมา ถึงแม้ภายในใจจักก่นด่าบรรพบุรุษของเซียวเฉวียนไปถึงสิบแปดรุ่นแล้วก็ตาม!
หากเอาจริง ๆ แล้วนั้น มันเทศย่างนี้มีกลิ่นหอมยิ่งรัก เสวียนจิ้งลอบกลืนน้ำลายลงไปนับครั้งไม่ถ้วนในยามที่ได้กลิ่นของมัน
ในยามนี้เซียวเฉวียนจึงวางท่าสูงส่ง ก่อนจะมองลงมาหาเสวียนจิ้งด้วยแววตาที่เฉยเมยพลางกล่าวว่า "เอามาให้ข้าอันหนึ่ง"
พูดจบเซียวเฉวียนพลันยื่นมือออกมา ก่อนจะกวาดสายตามองดูเสวียนจิ้งด้วยความชอบใจ เขาชอบที่จะเห็นสีหน้าหงุดหงิด แต่ก็มิอาจขัดคำสั่งของเสวียนจิ้งยิ่งนัก
เสวียนจิ้งพลางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองเซียวเฉวียนด้วยท่าทีมิค่อยเต็มใจเท่าใดนัก จากนั้นจึงยื่นมันเทศไปให้กับเซียวเฉวียน
ทันทีที่มันเทศมาถึงฝ่ามือของเซียวเฉวียนนั้น เซียวเฉวียนพลางปล่อยมันเทศกลิ้งลงพื้นไปในทันที
เซียวเฉวียนเอ็ดออกมาในทันที "ร้อนเช่นนี้ เจ้าคิดอยากจะให้มันลวกข้าให้ตายเลยหรือไร?"
เสวียนจิ้งได้กลอกตาไปมาใส่เซียวเฉวียนในทันที พลางกล่าวกับตนเองภายในใจว่า"หากมันลวกเจ้าตายได้คงจะดียิ่งนัก!"
มันเทศย่างใหม่ ๆ ย่อมร้อนเป็นธรรมดา! เป็นเซียวเฉวียนเองที่ขอให้เสวียนจิ้งยื่นมันเผาให้กับเขามิใช่หรือ เสวียนจิ้งก็แค่ทำตามที่เขาสั่งเท่านั้น จักมาโทษเสวียนจิ้งได้อย่างไร?
เซียวเฉวียนกำลังก่อเรื่องไร้สาระยิ่งนัก!
ในสายตาของเสวียนจิ้งแล้วนั้น เซียวเฉวียนจงใจพยายามสร้างปัญหาให้กับเสวียนจิ้ง พยายามทำให้เขาขายหน้า!
หากว่าเสวียนจิ้งโกรธโมโหทั้งโวยวายใส่เซียวเฉวียนแล้วละก็ ด้วยนิสัยของเซียวเฉวียนแล้วนั้น เสวียนจิ้งคงจะต้องเจอดีอย่างแน่นอน!
ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เสวียนจิ้งทำได้ในยามนี้มีแต่ต้องอดทนเท่านั้น!
เสวียนจิ้งได้แต่กัดฟันหยิบมันเทศขึ้นมาเป่าจนรู้สึกว่ามันไม่ร้อนแล้วนั้น ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามามองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าเฉยเมย พลางยื่นมันเทศออกไปให้ “นี่ มิร้อนแล้ว ”
เซียวเฉวียนหยิบมันเทศไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเสวียนจิ้งเลยสักนิด ก่อนจักใช้มือฉีกมันเทศออกเป็นสองท่อน
มันเทศกำลังที่เพิ่งย่างเสร็จนั้น มันยังเต็มไปด้วยไออุ่นและกลิ่นหอมที่เย้ายวน!
เสวียนจิ้งอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมทั้งเหม่อมองมันเทศที่อยู่ในมือของเซียวเฉวียนด้วยท่าทีตะกละตะกลาม
มันเทศเมื่อย่างออกมาแล้วมันหอมขนาดนี้เลยหรือ!
อีกทั้ง ยังเป็นกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ทำเอาเสวียนจิ้งนึกหลงใหลในกลิ่นนี้ยิ่งนัก หากว่ากันตามตรงแล้วละก็ เสวียนจิ้งอยากกินมันเทศย่างที่ส่งกลิ่นหอมออกมาเช่นนี้!
เขามิเคยเจออาหารชนิดใด ที่มิจ้องปรุงรสก็จักส่งกลิ่นหอมออกมาได้เช่นนี้มาก่อน
กลิ่นหอมที่ลอยออกมานั้น ทำเอาท้องของเสวียนจิ้งที่มิได้กินสิ่งใดมาวันหนึ่งแล้ว ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างไม่ตั้งใจในทันที
ทว่า เซียวเฉวียนหาได้สังเกตเห็นความปรารถนาอันแรงกล้าของเสวียนจิ้งไม่ เขายังคงค่อย ๆ ปอกเปลือกมันเทศ ก่อนจะส่งมันเทศที่หอมกุ่นเข้าปากของตนเองไปในทันที ก่อนจะเอ่ยชมเชยออกมาด้วยความพอใจว่า "มันหอมหวานและอร่อยมาก!"
เมื่อเห็นเซียวเฉวียนเพลิดเพลินกับมันเทศแสนอร่อยนั้น เสวียนจิ้งทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอ หากแต่ภายในใจเขาก็อดที่จะคิดสงสัยไม่ได้ว่า "เจ้าของสิ่งนี้ก็ดูมิได้มีอันใดมาก มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?"
เซียวเฉวียนที่เป็นถึงเถ้าแก่ของหอปี๋เซิ่งในเมืองหลวง อาหารของหอปี๋เซิ่งในเมืองหลวงนั้น ผู้คนต่างบอกเป็นเสียงเกียวกันว่ารสชาติเลิศรสเสียยิ่งกว่าพ่อครัวในห้องเครื่องขององค์จักรพรรดิเสียอีก
หากว่ากันตามจริงแล้ว เซียวเฉวียนเองก็ลิ้มลองอาหารเลิศรสมามากมายนัก ทั้งยังออกไปเห็นโลกกว้างมามากมาย ในเมื่อเขาเอ่ยชมมันเทศว่าอร่อยเช่นนี้ เกรงว่ามันเทศคงจะอร่อยมากจริง ๆ กระมัง หรือว่าเซียวเฉวียนจงใจแสดงอาการเช่นนี้ใส่เสวียนจิ้ง?
หากเป็นในคราก่อนละก็ นับว่ามันเทศนี้เป็นสิ่งของที่หาได้ยากจริง ๆ
ทว่า ในยามนี้เซียวเฉวียนรู้ทั้งรู้ว่าเสวียนจิ้งมิได้กินอะไรมาหนึ่งวันแล้ว ทั้งยังทำงานมาทั้งวัน เรี่ยวแรงย่อมไม่มีเหลือ ท้องร้องโครกครากออกมาเสียงดัง เสวียนจิ้งในสภาพเช่นนี้ นับว่าน่าสมเพชยิ่งนัก
ถึงแม้ว่าเขาจะทรมานเพราะความหิวก็ตาม หากแต่ในฐานะที่เสวียนจิ้งเป็นถึงปัญญาชน ย่อมมีนิสัยเย่อหยิ่ง เลือกกินเป็นที่สุด
ดังนั้น แม้ว่าเขาจักหิวโซมากเพียงใดก็ตาม เสวียนจิ้งก็จักอดทนอดกลั้นมันเอาไว้ มิยอมเอ่ยปากขอมันเทศกับเซียวเฉวียนเป็นอันขาด
ทว่า ความอดกลั้นของผู้คนก็มีจำกัดมากเช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเฉวียนจึงโยนมันเทศไปให้เซี่ยวเฟิงและกิเลน ก่อนจะกล่าวว่า "มา เซี่ยวเฟิงและกิเลนก็มาลองฝีมือของเสวียนจิ้งด้วย"
สัตว์เหล่านี้ได้รับการปฏิบัติตัวที่ดีกว่าเสวียนจิ้งเสียอีก อีกทั้ง พวกมันยังได้กินมันเทศที่เสวียนจิ้งเป็นคนย่างอีกด้วย อย่างไรก็ตามเสวียนจิ้งในยามนี้หิวโหยจนตาลายเป็นอย่างมาก แต่ตนเองหาได้มีโอกาสได้กินมันเทศฝีมือที่ตัวเองย่างไม่
เสวียนจิ้งที่เกิดความอิจฉาอยู่ในอดได้ก่นด่าอยู่ในใจ
เฉกเช่นประโยคที่ว่า ผู้คนที่โชคร้าย ยังมีชีวิตที่ตกต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
เมื่อเห็นเซี่ยวเฟิงและกิเลนกินมันเทศจนหมดแล้วนั้น เซียวเฉวียนจึงหันมาเอ่ยถามว่า "รู้สึกเช่นไรบ้าง?"
อร่อยไหม?
ทั้งเซี่ยวเฟิงและกิเลนต่างก็คำรามออกมาพร้อมกันในทันที เพื่อบ่งบอกว่ามันอร่อยมาก
จากนั้นนัยน์ตาของสัตว์สงครามทั้งสองตัวก็จับจ้องมองไปที่มันเทศที่ยังไม่ได้กินในทันที ราวกับเป็นการบอกเซียวเฉวียนกลาย ๆ ว่าพวกมันยังอยากกินอีก
ของกินที่อร่อยและส่งกลิ่นหอมเช่นนี้ ใครบ้างมิชอบเล่า?
เสวียนจิ้งหาได้เห็นท่าทีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุรุษกับสัตว์สองตัวไม่ เขาได้แต่ฟังมัน ก่อนจะกัดฟันเกลียดเซียวเฉวียนมากมาย
แม้ว่าเขาและเซียวเฉวียนจักเป็นศัตรูกัน แต่เขาก็ช่วยเซียวเฉวียนทำงานมาทั้งวันแล้ว ถึงแม้จักมิใช่งานหนักมากนักแต่เขาก็สมควรได้รับค่าตอบแทนมิใช่หรือ
เซียวเฉวียนที่เป็นเช่นนี้ เขาสั่งการให้คนทำงาน ทว่า มิให้กินข้าว น้ำสักหยดก็ยังไม่ให้กินด้วยซ้ำ!
เซียวเฉวียนที่ฉลากเป็นกรด ย่อมมิจำเป็นต้องให้เสวียนจิ้งเอ่ยออกมาไม่ เขาควรจักให้เสวียนจิ้งกินอาหารสักนิด ถึงแม้จักเป็นเพียงน้ำก็ยังดี
แต่ดูสิ่งที่เซียวเฉวียนทำสิ!
ยิ่งเสวียนจิ้งหลับตาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงใด ภายในใจก็เต็มไปด้วยโทสะมากมาย หายใจเข้าออกล้วนแต่เป็นอารมณ์โกรธ เซียวเฉวียนอดที่จะเอ่ยหยอกล้อขึ้นมาไม่ได้ว่า "เจ้ากระหายน้ำและหิวมากเสียจนมิอาจนอนหลับได้เลยใช่หรือไม่ ?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสวียนจิ้งก็ยังมิลืมตาขึ้นมา หากแต่ภายในใจกลับเอ่ยเสียดสีเซียวเฉวียนขึ้นมาว่า “เจ้ารู้อยู่แล้วยังจะถามอีกหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...