ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1941

สรุปบท บทที่ 1941 ไม่ มันไม่เหมาะสม: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1941 ไม่ มันไม่เหมาะสม – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1941 ไม่ มันไม่เหมาะสม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เซี่ยวเฟิงไม่ได้สนใจมากนัก และคิดว่ากิเลนคงไม่หิวหรือไม่อยากจะกินซาลาเปา มันเลยกินของมันอย่างเอร็ดอร่อย

จนกระทั่งมันเห็นเซี่ยวเฟิงกินซาลาเปาเหลือแค่สองลูก และดูท่าจะยังไม่พอ กิเลนก็รีบคว้าซาลาเปาที่เหลืออีกสองลูกจากอุ้งเท้าของเซี่ยวเฟิงและยัดเข้าไปในปากของมันอย่างรวดเร็ว

หลังจากกินเสร็จแล้ว กิเลนก็จ้องมองเซี่ยวเฟิง

ในมุมมองของเซียวเฉวียน ลักษณะนิสัยของเซี่ยวเฟิง หากให้อยู่ในยุคปัจจุบันและถ้ามันเป็นผู้ชาย มันจะเป็นผู้ชายที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ใส่ใจคนอื่นไม่เป็น คงยากที่จะหาแฟนได้

แม้ว่ากิเลนไม่รู้ว่าแฟนคืออะไร แต่มันก็พอรู้คร่าวๆ ได้จากคำพูดของเซียวเฉวียนว่าแฟนนั้นมีความสำคัญมาก

การกระทำของกิเลนทำให้เซี่ยวเฟิงสับสนเล็กน้อย

เมื่อสักครู่เซี่ยวเฟิงเรียกกิเลน แต่กิเลนกลับไม่มากิน แต่ตอนนี้จ้องมองเซี่ยวเฟิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ แถมยังแย่งซาลาเปาจากเซี่ยวเฟิงด้วย

จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?

ถ้าจะกินก็แค่บอกกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง?

เซี่ยวเฟิงจ้องมองกิเลนด้วยความสงสัย กิเลนก็อดไม่ได้ม้องค้อนเซี่ยวเฟิงหนึ่งครั้ง จากนั้นหันหน้าไปไม่สนใจเซี่ยวเฟิง

สถานการณ์ตอนนี้เหมือนสองสามีภรรยาทะเลาะกัน

แต่ความรู้สึกของเซี่ยวเฟิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อเห็นกิเลนไม่สนใจมัน มันก็ไม่พูดกับกิเลนก่อน แต่กลับยืนอยู่อีกด้านฆ่าเวลาเฉยๆ

หลังจากอารมณ์เสียไปพักใหญ่ กิเลนก็เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยวเฟิงเพื่อจะพูดกับเซี่ยวเฟิง แต่เซี่ยวเฟิงรู้สึกง่วงหลังกินอิ่ม และเวลานี้เซี่ยวเฟิงก็หลับตาไปแล้ว

กิเลนเดิมทีที่คลายอารณณ์โกรธลงบ้างแล้ว ยิ่งกลับโมโหขึ้นมาอีกรอบแล้วมันก็คำรามใส่เซี่ยวเฟิงหนึ่งครั้ง

เซี่ยวเฟิงคิดว่าศัตรูบุกมาโจมตี ทันใดนั้นมันก็ตื่นขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นปฎิกริยาของเซี่ยวเฟิงแล้ว กิเลนไม่เพียงแต่หายโกรธ แต่ยังรู้สึกผิดเล็กน้อย

มันคำรามเสียงต่ำเพื่อบอกเซี่ยวเฟิงว่าอย่ากังวล ไม่มีใครมา

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยวเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่กิเลน "ไม่มีศัตรูมา แล้วเจ้าคำรามทำไม?"

กิเลนรู้ว่ามันผิด ก็ไม่กล้าเถียงกลับสักคำ มันก้มศรีษะลงเหมือนนักเรียนที่ทำอะไรผิดแล้วสำนึกผิดอยู่

แต่เซี่ยวเฟิงก็แค่มองกิเลนและไม่คิดจะซักไซร้กับเรื่องนี้ต่ออีก

คราวนี้ ความขุนเคืองของสัตว์สงครามทั้งสองก็ได้คลี่คลายลง

พูดให้ถูกก็คือ ความขับข้องใจของกิเลนก็ได้ขจัดออกไปแล้ว และมันก็ไม่เมินเฉยต่อเซี่ยวเฟิงอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งตั้งแต่จนจบก็มีแต่กิเลนที่อารมณ์เสียอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่เซี่ยวเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโกรธ

เนื่องจากเซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในระหว่างที่พักฟื้นรักษาตัวอยู่ ผนึกจูเสินก็ได้ใช้ความพยายามไปไม่ใช่น้อย ฉะนั้นผนึกจูเสินก็สูญเสียพลังภายในไปมากเช่นกัน

มันจำเป็นต้องเพิ่มพลังเช่นกัน

ทันทีที่เขาได้กลิ่นหอมของซาลาเปา ก็กระตุ้นความอยากอาหารของเซียวเฉวียน เขากินซาลาเปาหมดไปหนึ่งเข่งเพียงคนเดียว และเขายังรู้สึกไม่อิ่ม

ผนึกจูเสินพูดเบา ๆ ว่า "ซาลาเปาที่เซี่ยวเฟิงนำกลับมา มันน้อยไปหน่อย"

ในสายตาของผนึกจูเสิน ซาลาเปาเหล่านี้ไม่ได้อร่อยมากนัก แต่เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ซาลาเปาก็ถือเป็นอาหารที่ดีที่สุดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บ เนื้อย่างที่ผนึกจูเสินชอบและอยากจะกินมากก็คงกินไม่ได้ในเวลานี้

ของกินอร่อยๆในโลกนี้ ผนึกจูเสินชอบกินเนื้อย่างมากที่สุด นอกจากนั้นก็แค่กินให้อิ่มท้องเท่านั้น

เมื่อผนึกจูเสินหิวมันก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ฉะนั้น มีซาลาเปาให้กินก็ถือว่าดีมากแล้ว

ให้ท้องอิ่มก็พอแล้ว

เซียวเฉวียนพูดเบา ๆ “ท่านไม่บอกข้าแต่แรก”

ตามที่เซียวเฉวียนรู้ ผนึกจูเสินนั้นสนใจแต่เนื้อย่างเท่านั้น เห็นเนื้อย่างเมื่อไหร่ มันก็จะกระตือรือร้นบอกเซียวเฉวียนว่าให้กินเยอะ ๆ

ใครจะไปรู้ว่ามันก็ชอบกินซาลาเปาเหมือนกัน

ในเมื่อชอบกิน แล้วทำไมตอนที่เซี่ยวเฟิงนำกลับมามันไม่ยอมกินล่ะ แล้วก็ไม่ยอมบอก

ถ้าหากบอก เซียวเฉวียนจะได้ไม่มอบอีกเข่งหนึ่งให้สัตว์สงคราบทั้งสอง และอีกเข่งเขาจะได้ไม่กินเอง

อีกแล้วเหรอ ว่าเซียวเฉวียนอีกแล้ว

ไม่เป็นไร นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนผนึกจูเสินว่า

แต่ศัตรูที่พวกเขาเผชิญคือผู้คนที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษอย่างย่าเหยียน เฉวียนอีแห่งจวนเซียวไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพี่น้องเว่ยหง หากเขาตกเป็นเป้าหมายเขาจะถูกจับได้อย่างง่ายดาย

เซียวเฉวียนจะเรียกคนเหล่านี้ออกมาไม่ได้

ไม่เพียงแต่จะช่วยอะไรไม่ได้เท่านั้น แต่ยังอาจทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย

ในสายตาของคนนอก เฉวียนอีและคนอื่น ๆ เป็นลูกน้องของเซียวเฉวียน ชีวิตของพวกเขาไม่มีค่าอะไร ในเมื่อพวกเขากินข้าวของเซียวเฉวียน ก็ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อเซียวเฉวียน

แต่ในสายตาของเซียวเฉวียนพวกเขาก็คือพี่น้องของเซียวเฉวียน การที่เซียวเฉวียนใช้พวกเขาไปทำสิ่งต่าง ๆ นั้น เซียวเฉวียนก็มอบหมายงานตามความสามารถของพวกเขาแต่ล่ะคน หากรู้ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าคือเหวลึก เขาจะไม่มีวันผลักพวกเขาลงไปในนั้นด้วยมือของพวกเขาเอง

ทุกคนเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน แต่ชีวิตก็มีค่า

สามารถใช้เสี่ยวเซียนชิวและเจี้ยนจงได้ แต่ทั้งสองคนก็มีพื้นที่ที่ต้องคอยดูปกป้องแทนเซียวเฉวียนอยู่ และไม่สามารถไปไหนได้

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่สามารถให้ดาบวิญญาณและเจี้ยนจงเดินทางมาไกล เพียงเพื่อหาซื้ออาหารให้เซียวเฉวียนเท่านั้น นั่นคงเป็นการใช้คนไม่ถูกกับงาน

เซียวเฉวียนรู้สึกว่าการทำแบบนั้นดูไม่ค่อยให้เกรียติเสี่ยวเซียนชิวและเจี้ยนจงสักเท่าไหร่

แม้กระทั่งกับเสวียนอวี๋ก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

เมื่อเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ ผนึกจูเสินก็คิดว่ามันก็มีเหตุผล

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะพูดแบบนั้น แต่เซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจะหิวไม่ได้ ปัญหาเรื่องอาหารก็ต้องมี

นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่เหมาะสม ถ้างั้นเซียวเฉวียนจะกินอะไรล่ะ?

จะให้กินผลไม้ป่าคงไม่ได้ใช่ไหม?

แม้ว่าเซียวจะยอมกิน แต่ผนึกจูเสินก็คงไม่ยินยอม

ในขณะที่เซียวเฉวียนและผนึกจูเสินยังตกลงกันไม่ได้ เสียงของชิงหลงก็ดังขึ้นมา "ใต้เท้าเซียว! ใต้เท้าเซียว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย