ลมนี้เหมือนอย่างกับเจอผี ยิ่งพัดก็ยิ่งแรง
เสียงดังฟู่ๆ กระแทกใส่ตัวนักปราชญ์ ร่างกายผอมแห้งอย่างนักปราชญ์เกือบจะถูกลมยกลอยขึ้นให้ได้
พูดตามตรง คิดจะเดินข้ามทะเลทราย จะต้องมีความสามารถที่แน่นอนจริงๆ มิเช่นนั้น มีโอกาสที่จะถูกลมแรงในทะเลทรายกวาดเอาตัวไปได้ทุกเมื่อ
คนร่างผอมบางอย่างนักปราชญ์ ถ้าเขาไม่มีกำลังภายในคอยต่อสู้กับลมแรง เขาคงถูกพัดพาไปฝังไว้ตรงจุดนั้นแล้ว
ฝุ่นทรายที่พัดมาอย่างต่อเนื่องหลังกระทบตัวนักปราชญ์ ไหลลงตามเสื้อผ้าแล้วกองรวมกันอยู่ที่บริเวณเท้าของนักปราชญ์
นักปราชญ์เดินทวนลม ย่ำไปข้างหน้าด้วยเท้าข้างหนึ่งจมลึกลงบ้างอีกข้างหนึ่งจมน้อยลงไปบ้าง
ในสถานการณ์เช่นนี้ นักปราชญ์ไม่กล้าคิดที่จะเหินขึ้น เท้าเหยียบที่พื้นยังพอต้านลมได้ ถ้าเหินขึ้นไปบนอากาศไม่ถูกลมผลักเอาตัวไปก็แปลกแล้ว
เขาเข้าออกทะเลทรายหลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนหรือเพราะสภาพอากาศในทะเลทรายเปลี่ยนไปจริงๆ นักปราชญ์รู้สึกจริง ๆ ว่าสภาพอากาศในครั้งนี้ แย่กว่าเมื่อก่อนเอามากๆ
แต่ก่อนก็เคยมีลมทรายพัดแรง แต่นักปราชญ์ก็สามารถผ่านมาได้อย่างสบายๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักปราชญ์ไม่ได้มองลมและทรายในทะเลทรายอยู่ในสายตาเลย
ตอนนี้เขากลับมาถูกลมทรายฟาดจนไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่ก้าวเดียว นักปราชญ์หวังว่าพายุทรายนี้จะหยุดลงให้เร็วที่สุด
สวรรค์เบื้องบนเหมือนจะได้ยินคำอธิษฐานของเขา ลมเริ่มอ่อนลงอย่างช้าๆ และในเวลาหนึ่งถ้วยชา ทะเลทรายก็กลับมาสงบอีกครั้ง
มันดูเงียบสงบราวกับว่าลมแรงในเมื่อกี้ไม่เคยได้เกิดขึ้น รอบๆ มีแต่เนินทรายที่นิ่งสนิท ดูไม่ออกว่ามีร่องรอยของความวุ่นวายแม้แต่นิด
พูดตรงๆ ในทะเลทรายอันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เมื่อไรที่ลมหยุด มองไปที่ใดก็ดูเหมือนกันหมด
นักปราชญ์รีบเดินทางไปอย่างกระวนกระวาย ร้อนใจที่จะไปถึงค่ายกองทัพโดยเร็วที่สุด
เพื่อลดระยะเวลา เขาอาศัยแรงกระตุกปลายเท้าแล้วยกตัว เฟี้ยวทีเหินขึ้นไปในอากาศ
แต่จังหวะที่เขาเพิ่งเหินขึ้นไป ก็มองเห็นพายุลมหมุนรุนแรงกำลังพัดมาหาทางของเขา
ให้ตายเถอะ มีพายุลมหมุนด้วย !
เมื่อเห็นสถานการณ์ นักปราชญ์รีบหลบไปอีกด้านหนึ่ง
แต่พายุลมหมุนนี้ดูเหมือนจะจดจำใบหน้าคนได้ นักปราชญ์หลบไปทางไหน มันก็จะหันเหไปทางนั้น
นับตั้งแต่เผชิญหน้ากับเซียวเฉวียน นักปราชญ์เหมือนมีผีโรคห่าติดตัว โชคของเขาแย่เอามาก ๆ ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น
อย่างนั้นไม่ว่า แม้แต่พายุลมหมุนที่เขาเจอนี้ก็ดูเหมือนจะมีวิญญาณ ไล่ตามนักปราชญ์อย่างไม่ลดละ
แต่นักปราชญ์ไม่เชื่อเรื่องเพี้ยนๆ นี้ เห็นพายุลมหมุนเคลื่อนมาทางนี้ อย่างมากเขาก็เปลี่ยนทิศทางเดิน
พอได้เปลี่ยนทิศทางแล้ว พายุลมหมุนก็ไม่ตามนักปราชญ์มาอีก มันเร็วมากและมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้าม
ในที่สุดนักปราชญ์ก็ได้โล่งอกเสียที
แต่เขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่นานเกินไป เพราะที่นี่มีลมทรายแรงมาก ซึ่งนอกจากถ่วงเวลาการเดินทาง ยังอาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายด้วย
พายุลมหมุนก็เกิดขึ้นมาแล้ว นักปราชญ์ไม่รู้ว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้นอีกในทะเลทราย
การเดินทางในทะเลทรายครั้งนี้ ทำให้นักปราชญ์ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
อย่างไรก็ตาม สวรรค์เบื้องบนให้จังหวะเขาพักหายใจ แต่ไม่มีเวลาให้เขาหลบหนีมากไปกว่านี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักปราชญ์เพิ่งจะโล่งใจหยกๆ ข้างหน้ามีลมแรงพัดเข้ามาหาเขาอีกแล้ว
ช่างน่าตื่นเต้นอะไรถึงปานนี้ !
นักปราชญ์อยากร้องไห้ทั้งไร้น้ำตา เขาตอนนี้ นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาในใจ “หลังคาบ้านรั่วแถมมีฝนตกทั้งคืนมาซ้ำเติมอีก”
กำลังสู้แต่ก่อนไม่ได้ ที่อยู่ของกองทัพอาจถูกเซียวเฉวียนล่วงรู้ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่สามารถมาไปถึงค่ายทหารทัพก่อนที่เซียวเฉวียนจะไปถึง กองทัพไม่ถูกเปลี่ยนมือก็จะถูกทำลายล้างหมด
ความพยายามทั้งหลายที่ทำมาก่อนหน้านี้ของนักปราชญ์ก็จะบรรลัยหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...