ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1954

สรุปบท บทที่ 1954 เสมอต้นเสมอปลาย: ซูเปอร์ลูกเขย

บทที่ 1954 เสมอต้นเสมอปลาย – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย

ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1954 เสมอต้นเสมอปลาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ลมนี้เหมือนอย่างกับเจอผี ยิ่งพัดก็ยิ่งแรง

เสียงดังฟู่ๆ กระแทกใส่ตัวนักปราชญ์ ร่างกายผอมแห้งอย่างนักปราชญ์เกือบจะถูกลมยกลอยขึ้นให้ได้

พูดตามตรง คิดจะเดินข้ามทะเลทราย จะต้องมีความสามารถที่แน่นอนจริงๆ มิเช่นนั้น มีโอกาสที่จะถูกลมแรงในทะเลทรายกวาดเอาตัวไปได้ทุกเมื่อ

คนร่างผอมบางอย่างนักปราชญ์ ถ้าเขาไม่มีกำลังภายในคอยต่อสู้กับลมแรง เขาคงถูกพัดพาไปฝังไว้ตรงจุดนั้นแล้ว

ฝุ่นทรายที่พัดมาอย่างต่อเนื่องหลังกระทบตัวนักปราชญ์ ไหลลงตามเสื้อผ้าแล้วกองรวมกันอยู่ที่บริเวณเท้าของนักปราชญ์

นักปราชญ์เดินทวนลม ย่ำไปข้างหน้าด้วยเท้าข้างหนึ่งจมลึกลงบ้างอีกข้างหนึ่งจมน้อยลงไปบ้าง

ในสถานการณ์เช่นนี้ นักปราชญ์ไม่กล้าคิดที่จะเหินขึ้น เท้าเหยียบที่พื้นยังพอต้านลมได้ ถ้าเหินขึ้นไปบนอากาศไม่ถูกลมผลักเอาตัวไปก็แปลกแล้ว

เขาเข้าออกทะเลทรายหลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนหรือเพราะสภาพอากาศในทะเลทรายเปลี่ยนไปจริงๆ นักปราชญ์รู้สึกจริง ๆ ว่าสภาพอากาศในครั้งนี้ แย่กว่าเมื่อก่อนเอามากๆ

แต่ก่อนก็เคยมีลมทรายพัดแรง แต่นักปราชญ์ก็สามารถผ่านมาได้อย่างสบายๆ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักปราชญ์ไม่ได้มองลมและทรายในทะเลทรายอยู่ในสายตาเลย

ตอนนี้เขากลับมาถูกลมทรายฟาดจนไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่ก้าวเดียว นักปราชญ์หวังว่าพายุทรายนี้จะหยุดลงให้เร็วที่สุด

สวรรค์เบื้องบนเหมือนจะได้ยินคำอธิษฐานของเขา ลมเริ่มอ่อนลงอย่างช้าๆ และในเวลาหนึ่งถ้วยชา ทะเลทรายก็กลับมาสงบอีกครั้ง

มันดูเงียบสงบราวกับว่าลมแรงในเมื่อกี้ไม่เคยได้เกิดขึ้น รอบๆ มีแต่เนินทรายที่นิ่งสนิท ดูไม่ออกว่ามีร่องรอยของความวุ่นวายแม้แต่นิด

พูดตรงๆ ในทะเลทรายอันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เมื่อไรที่ลมหยุด มองไปที่ใดก็ดูเหมือนกันหมด

นักปราชญ์รีบเดินทางไปอย่างกระวนกระวาย ร้อนใจที่จะไปถึงค่ายกองทัพโดยเร็วที่สุด

เพื่อลดระยะเวลา เขาอาศัยแรงกระตุกปลายเท้าแล้วยกตัว เฟี้ยวทีเหินขึ้นไปในอากาศ

แต่จังหวะที่เขาเพิ่งเหินขึ้นไป ก็มองเห็นพายุลมหมุนรุนแรงกำลังพัดมาหาทางของเขา

ให้ตายเถอะ มีพายุลมหมุนด้วย !

เมื่อเห็นสถานการณ์ นักปราชญ์รีบหลบไปอีกด้านหนึ่ง

แต่พายุลมหมุนนี้ดูเหมือนจะจดจำใบหน้าคนได้ นักปราชญ์หลบไปทางไหน มันก็จะหันเหไปทางนั้น

นับตั้งแต่เผชิญหน้ากับเซียวเฉวียน นักปราชญ์เหมือนมีผีโรคห่าติดตัว โชคของเขาแย่เอามาก ๆ ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น

อย่างนั้นไม่ว่า แม้แต่พายุลมหมุนที่เขาเจอนี้ก็ดูเหมือนจะมีวิญญาณ ไล่ตามนักปราชญ์อย่างไม่ลดละ

แต่นักปราชญ์ไม่เชื่อเรื่องเพี้ยนๆ นี้ เห็นพายุลมหมุนเคลื่อนมาทางนี้ อย่างมากเขาก็เปลี่ยนทิศทางเดิน

พอได้เปลี่ยนทิศทางแล้ว พายุลมหมุนก็ไม่ตามนักปราชญ์มาอีก มันเร็วมากและมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้าม

ในที่สุดนักปราชญ์ก็ได้โล่งอกเสียที

แต่เขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่นานเกินไป เพราะที่นี่มีลมทรายแรงมาก ซึ่งนอกจากถ่วงเวลาการเดินทาง ยังอาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายด้วย

พายุลมหมุนก็เกิดขึ้นมาแล้ว นักปราชญ์ไม่รู้ว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้นอีกในทะเลทราย

การเดินทางในทะเลทรายครั้งนี้ ทำให้นักปราชญ์ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

อย่างไรก็ตาม สวรรค์เบื้องบนให้จังหวะเขาพักหายใจ แต่ไม่มีเวลาให้เขาหลบหนีมากไปกว่านี้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นักปราชญ์เพิ่งจะโล่งใจหยกๆ ข้างหน้ามีลมแรงพัดเข้ามาหาเขาอีกแล้ว

ช่างน่าตื่นเต้นอะไรถึงปานนี้ !

นักปราชญ์อยากร้องไห้ทั้งไร้น้ำตา เขาตอนนี้ นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาในใจ “หลังคาบ้านรั่วแถมมีฝนตกทั้งคืนมาซ้ำเติมอีก”

กำลังสู้แต่ก่อนไม่ได้ ที่อยู่ของกองทัพอาจถูกเซียวเฉวียนล่วงรู้ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่สามารถมาไปถึงค่ายทหารทัพก่อนที่เซียวเฉวียนจะไปถึง กองทัพไม่ถูกเปลี่ยนมือก็จะถูกทำลายล้างหมด

ความพยายามทั้งหลายที่ทำมาก่อนหน้านี้ของนักปราชญ์ก็จะบรรลัยหมดสิ้น

นักปราชญ์ก็ยืนอยู่อย่างนี้ พลิ้วไหวท่ามกลางลมพายุอันแรงกล้า ด้วยความรู้สึกผสมปนเปในใจ

เป็นการละเลยจริงๆ ที่ไม่ได้ใช้วิชาทำนายอนาคตอันยอดเยี่ยมของเขา มาคำนวณว่าวันนี้เป็นฤกษ์ดีเหมาะจะเดินทางหรือไม่

แต่ย้อนกลับมาดู ถึงแม้เขาจะทำนายรู้ว่าวันนี้ไม่เหมาะที่จะเดินทาง แต่เขาก็คงยังต้องออกเดินทาง เพราะเขาไม่อาจทิ้งกองทัพไว้โดยไม่เหลียวแล

ยิ่งนักปราชญ์เดินทางล่าช้าไปหนึ่งนาทีฉันใด โอกาสที่กองทัพจะตกอยู่ในมือของผู้อื่นก็มากขึ้นหนึ่งนาทีฉันนั้น

ตอนนี้นักปราชญ์ก็ทำได้แต่รออย่างใจจดใจจ่อให้ลมเบาลง

เขาภาวนาในใจตลอดว่า "ขอร้องท่านเทพเจ้า ขอให้ลมนี้หยุดเร็วๆ เถอะ"

ที่พักของเซียวเฉวียน

หลังจากเซียวเฉวียนกินอาหารเช้าเสร็จ กำลังคิดว่าวันนี้จะทำอะไร

เซี่ยวเฟิงขาทาบแสงแดดยามเช้าปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยที่ทางเข้าถ้ำ ยืนอยู่ตรงกลางทางเข้า ร่างอันใหญ่โตของมันบังแสงที่ทางเข้าถ้ำพอดี ทั้งถ้ำก็มืดสลัวลงทันที เซียวเฉวียนยกเปลือกตามองไปที่เซี่ยวเฟิงและพูดว่า "ภารกิจทำเสร็จหมดแล้วหรือ ?"

เซี่ยวเฟิงพยักหน้า แล้วส่งเสียงคำรามเบาๆ บอกเซียวเฉวียนว่าใช่

ด้วยความไวของเซี่ยวเฟิง วิ่งให้ทั่วทั้งพื้นที่ต้าเว่ยและภูมิภาคตะวันตกก็ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน

ที่มันเพิ่งกลับมาตอนนี้ก็เพื่อให้ผู้คนได้เห็นรูปร่างอันสง่างามของมันมากขึ้น

มนุษย์มักพูดว่าการเป็นคนต้องเสมอต้นเสมอปลาย เซี่ยวเฟิงคิดว่าการเป็นเสือก็ต้องเสมอต้นเสมอปลายเช่นกัน

ดังนั้น เซี่ยวเฟิงจึงค้างคืนข้างนอกคืนหนึ่ง เช้าของวันนี้ มันก็สุ่มเลือกตลาดสองสามแห่งแล้ว "กวน" ผู้คนอีกรอบ

เรื่องนี้ เซี่ยวเฟิงเล่นซนจริงๆ

แต่ว่า ทำอย่างนี้ก็อาจทำให้ผู้ที่เห็นเซี่ยวเฟิงเมื่อคืนนี้กับเช้านี้เกิดหลงเข้าใจว่าเซี่ยวเฟิงก็พักอยู่ในบริเวณแถวนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย