เซียวเฉวียนกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รอก่อน”
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เซียวเฉวียนก็ตัดสินใจส่งเหมิงเอ้าที่อยู่ใกล้เคียงไปยังคุนหลุน
เหมิงเอ้ามีคุณสมบัติสำหรับงานนี้เช่นกัน
แต่ชิงหลงไม่คิดอย่างนั้น ในแง่ของความเร็ว แม้ว่าความเร็วของเหมิงเอ้าจะเร็วราวสายลม แต่ก็ยังไม่เร็วเท่ากับวิชาหายตัว
ถ้าเหมิงเอ้าหนีหลบหนีไม่ทันและถูกจับได้ เขาคงเดือดร้อนหนักแน่
ปัจจุบันเหมิงเอ้าเป็นแม่ทัพเจิ้นซีผู้ยิ่งใหญ่ของต้าเว่ย คำพูดและการกระทำของเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของจวนเซียวอีกต่อไป ทว่าเป็นต้าเว่ย
พูดตรงๆ หากพบว่าเหมิงเอ้าขึ้นไปยังภูเขาคุนหลุนโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้เขายังพยายามช่วยเหลือชิงหลงด้วย เมื่อถึงเวลานั้นผู้อาวุโสจะยึดจุดนี้และตราหน้าเหมิงเอ้าว่าแทรกแซงกิจการคุนหลุนแล้วโจมตีต้าเว่ย ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ
ผู้อาวุโสที่แต่เดิมกังวลว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะส่งกองกำลังมายังต้าเว่ย พวกเขาจะสร้างความยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องนี้และพยายามทุกวิถีทางเพื่อยกระดับให้ไม่ต่างจากความขัดแย้งระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยก่อนหน้านี้
ด้วยวิธีนี้สงคราม ระหว่างทั้งสองแคว้นจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก
ชาวคุนหลุนมีความกล้าหาญและเก่งในการต่อสู้ กองทัพต้าเว่ยก็มีอาวุธใหม่ๆ สงครามระหว่างทั้งสองแคว้นจะเป็นหายนะร้ายแรงสำหรับประชาชน
ชิงหลงคิดไปไกลมาก ทว่าเซียวเฉวียนกลับกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา จะไม่มีใครพบเหมิงเอ้า ใต้เท้าชิงหลงวางใจได้”
เซียวเฉวียนรู้ว่าคนของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
แม้ว่าในยามนี้เหมิงเอ้าจะไม่มีวิชาหายตัว แต่ความเร็วของเขาก็ไม่ได้ช้ากว่าวิชาหายตัวมากนัก ตราบใดที่เหมิงเอ้าลงมืออย่างระมัดระวังและส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1] การช่วยเหลือชิงหลงจะไม่ใช่ปัญหาเป็นแน่
มันไม่ซับซ้อนอย่างที่ชิงหลงคิด
แม้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าสมเหตุสมผล แต่เหมิงเอ้าก็ไม่ยอมให้โอกาสพวกเขาได้รู้
ปิดบังใบหน้าเอาไว้ในคืนเดือนมืดลมตก ตราบเท่าที่ไม่ถูกจับได้ใครจะจำได้ว่าใครเป็นใคร?
ความหมายก็คือเซียวเฉวียนจะขอให้เหมิงเอ้าลงมือในเวลากลางคืน ชิงหลงตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ชิงหลงตอบว่า “ได้ ขอบคุณ ใต้เท้าเซียว”
ดูสิ เอ่ยขอบคุณทุกครั้งเมื่อมาและไป นี่เป็นสิ่งที่ชัดเจน
เซียวเฉวียนกล่าวว่า “ยินดี”
ตอนนี้ธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชิงหลงจึงเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับเซียวเฉวียน “อาการบาดเจ็บของใต้เท้าเซียวเป็นอย่างไรบ้าง?”
เซียวเฉวียนพูดเบาๆ “ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว”
เขาตายไม่ได้ หลังจากอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว เซียวเฉวียนจะแข็งแกร่งขึ้น
“ดีมาก ใต้เท้าเซียว โปรดใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วย” ชิงหลงสั่ง
เซียวเฉวียนตอบรับทันที “ได้”
จำเป็นต้องพูดอะไรก็พูดไปหมดแล้ว พวกเขาจึงจบการสนทนาโดยไม่เสียเวลาอีก
เซียวเฉวียนเตรียมที่จะเชื่อมต่อกับเหมิงเอ้าทันที แต่หลังจากลองสองครั้ง เซียวเฉวียนก็ไม่สามารถติดต่อกับเหมิงเอ้าได้ อ๊ะ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากชาวคุนหลุน แม้กระทั่งเทพเจ้าสื่อสารก็ยังต้องถูกระงับ?
มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?
เซียวเฉวียนไม่เชื่อเรื่องชั่วร้ายนี้ และพยายามอีกสองครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
ในที่สุดเซียวเฉวียนก็เชื่อแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามใช้ความคิดในการส่งข้อความถึงเหมิงเอ้าด้วยความสิ้นหวัง แต่มันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของเซียวเฉวียนยังต้องพบกับการเยาะเย้ยจากผนึกจูเสิน “เซียวเฉวียน ปกติแล้วเจ้าเป็นคนฉลาดมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนสมองของเจ้าจะขึ้นสนิมและใช้งานไม่ได้ไปเสียแล้วหรือ?”
เนื่องจากไม่อาจใช้เทพเจ้าสื่อสารได้ นั่นเป็นเพราะว่าพลังจิตไม่สามารถรองรับได้ การส่งผ่านเสียงทางจิตย่อมไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป
เมื่อผนึกจูเสินกล่าวเช่นนี้ เซียวเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก ต้องบอกว่าเขาสับสนเล็กน้อยจริงๆ เหตุผลก็คือสิ่งที่ผนึกจูเสินพูด
แต่เซียวเฉวียนไม่เข้าใจ แม้ว่าเซียวเฉวียนจะได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ที่ศีรษะ ปกติแล้วเขาควรติดต่อเหมิงเอ้าได้ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงทำไม่ได้เล่า?
นี่มันไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยไม่ใช่หรือ?
ผนึกจูเสินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เป็นเพราะเจ้าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหมายความว่าบรรพชนของเจ้าและข้าก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความสามารถของเซียวเฉวียนในการคุยระยะไกลกับเหมิงเอ้าในอดีตนั้นเนื่องมาจากผนึกจูเสิน
เมื่อพูดอย่างนั้น เซียวเฉวียนจำได้ว่าตอนที่เขาถูกเนรเทศและระหว่างทางไปเกาะจูเสิน เขาไป๋ฉี่และคนอื่นๆ รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าเทพเจ้า แต่พวกเขาถูกบังคับให้หยุดชะงักเมื่อระยะทางเริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมา ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะอยู่ที่ไหนหรืออยู่ห่างจากไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าแค่ไหน เขาก็สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ตลอดเวลา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...