ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1960

สรุปบท บทที่ 1960 ผนึกเสินจะฝึกด้วยตนเอง: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 1960 ผนึกเสินจะฝึกด้วยตนเอง จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1960 ผนึกเสินจะฝึกด้วยตนเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

น้องเว่ยหงเป็นผู้มีความคิดรอบคอบและใจเย็น พวกเขารู้ดีว่าถ้าหากบอกความจริงกับเซียวเฉวียน พวกเขาจะต้องไม่รอดแน่นอน เนื่องจากเซียวเฉวียนเป็นคนจิตใจคับแคบ

ถ้าไม่พูด พวกเขาก็ยังมีทางรอด

ฉะนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกความจริงแก่เซียวเฉวียน ซึ่งเซียวเฉวียนก็ไม่มีทางยินเสียงในใจของพวกเขาทั้งคู่

และทำอะไรพวกเขาไม่ได้

การจับกุมตัวหนึ่งในสองคนมาในเวลานี้ นอกจากจะเปิดเผยร่องรอยการเดินทางแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ

ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงปล่อยพวกเขาไปก่อน รอให้บาดแผลของตนเองหายดี จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะฆ่าพวกเขา หรือจัดการอย่างไร

เมื่อเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เซี่ยวเฟิงจึงพยักหน้าและส่งเสียงคำราม เพื่อสื่อว่าทำตามที่เซียวเฉวียนกล่าว

ต่อจากนั้น เซี่ยวเฟิงก็หันหลังออกไปและหายไปทันที เพราะมันยังต้องทำภารกิจที่เซียวเฉวียนมอบหมายให้สำเร็จ

ในเมื่อเซียวเฉวียนมิให้จับน้องเว่ยหง เซี่ยวเฟิงก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสบายใจ

เซี่ยวเฟิงจึงไปยังสถานที่ที่เคยพบกับน้องเว่ยหง เพื่อตระเตรียมแสร้งเดินผ่านพวกเขา ทำให้พวกเขาเห็นเซี่ยวเฟิง

ทว่าทันทีที่เซี่ยวเฟิงมาถึงสถานที่แห่งนั้น น้องเว่ยหงก็ไม่อยู่แล้ว เซี่ยวเฟิงจึงทำได้เพียงยกเลิกแผนการ

ทางด้านเซียวเฉวียน ครั้นทราบว่าน้องเว่ยหงปรากฏตัวที่รัฐมู่อวิ๋นซึ่งพรมแดนติดกับหูโจว ก็เกิดมีแผนในใจขึ้นมา

เพราะการเคลื่อนไหวของเซี่ยวเฟิง ได้เบี่ยงเบนความสนใจย่าเหยียนและคนอื่นๆ ถึงแม้ย่าเหยียนและคนของเธอจะอยู่ใกล้กับถนนชางเฉิง แต่ก็น่าจะเหลือคนสองคนไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการค้นหา

ส่วนจะเป็นย่าเหยียนหรือคนของเธอนั้น เซียวเฉวียนเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด

แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็พิสูจน์ได้ว่า ความสนใจของย่าเหยียนไม่ได้อยู่ที่รัฐมู่อวิ๋นอีกต่อไป

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี

นอกจากนี้ ที่ตั้งของถ้ำอยู่ห่างไกลจากถนนชางเฉิง แม้นว่าพวกเขาจะทำการค้นหาตามรอยของเซี่ยวเฟิงในย่านชานเมืองที่ใกล้กับถนนชางเฉิง ก็ไม่สามารถสืบหามาถึงที่นี่ได้

กล่าวได้ว่า เซี่ยวเฟิงและกิเลนฉลาดเฉลียวอย่างยิ่งที่เลือกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะการที่เซี่ยวเฟิงไปหาอาหารเช้า ณ ถนนชางเฉิง เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด

ในฐานะที่เป็นสัตว์สงคราม มีสติปัญญาเช่นนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

และเซียวเฉวียนก็โชคดี ที่มีสัตว์สงครามดังนี้อยู่ข้างกาย

เซียวเฉวียนตัดสินใจว่า หลังจากอาการบาดเจ็บของตนเองหายดีแล้ว เขาจะทำปิ้งย่างเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับสัตว์สองครามและผนึกจูเสิน

เพราะผนึกจูเสินอยากกินเนื้อย่างมานานแล้ว

เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนมีความคิดดังกล่าว ผนึกจูเสินจึงเอ่ยเสนอ “ข้าขอแบบเผ็ดๆ”

เซียวเฉวียนจึงตอบผ่านกระแสจิต “ไม่มีปัญหา!”

ครั้นถึงเวลานั้นเขาจะทำเผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต

แต่

เมื่อคิดไปคิดมา เซียวเฉวียนนึกขึ้นได้ว่า อาหารรสเลิศของผนึกจูเสินทั้งหมด จะต้องผ่านปากของตนก่อน

แม้นว่าเซียวเฉวียนจะทานเผ็ดได้ แต่เผ็ดระดับร้องขอชีวิตนั้น เป็นเรื่องยากที่เขาจะท้าทาย

คิด ๆ แล้วช่างมันเถิด

ผนึกจูเสินจึงเอ่ยวาจาดูถูก “ช่างปอดแหกเสียจริง”

ถูกบรรพชนพันปีดูถูกว่าปอดแหก หรือจะว่าขี้ขลาดก็ขี้ขลาดเถิด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไม่โต้เถียงกันด้วยเรื่องนี้ เซียวเฉวียนจึงไม่ได้โต้แย้งผนึกจูเสิน แต่กลับหลับตาพักสมอง เพื่อฝึกพลังความคิด

ที่เรียกว่าฝึกพลังความคิด ก็คือการที่เซียวเฉวียนคิดสิ่งต่างๆในสมองอยู่ตลอด

ผนึกจูเสินรู้สึกว่าวิธีเช่นนี้จะทำให้ก้าวหน้าได้ไม่มากนัก ถ้าหากอยากก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เซียวเฉวียนจะต้องได้รับการฝึกในระดับเข้มข้น

เซียวเฉวียนถามอย่างสงสัย “ทำไมจะต้องฝึกในระดับเข้มข้นด้วยหรือ?”

นี่เป็นยุคสมัยโบราณไม่เหมือนยุคสมัยใหม่ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันเซียวเฉวียนสามารถซื้อหนังสือหลายๆเล่มเพื่อกระตุ้นความคิด

แต่นี่คือสมัยโบราณ ไม่มีหนังสือเหล่านี้ เซียวเฉวียนทำได้เพียงคิดเรื่องอื่นๆในสมองอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่เป็นป่าดิบเขา เซียวเฉวียนเองก็ต้องการหาคนมาทดสอบเขา แต่ไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นี้

เสี่ยวเซียนชิวเช่นนั้นหรือ?

และผนึกจูเสินก็คือขิงแก่พันปี!

เซียวเฉวียนตอบกลับ “เชื่อ ข้าจะไม่เชื่อได้อย่างไร”

ผนึกจูเสินพูดด้วยความไม่พอใจ “ฟังนะ มีคนห้าร้อยหกสิบสามในแนวนอน และมีสี่ร้อยห้าสิบสองในแนวตั้ง รวมทั้งหมดมีกี่คน?”

“ข้าจะนับหนึ่งถึงห้า เพื่อให้ท่านตอบ”

ยอดเยี่ยมเสียจริง!

ตัวเลขจำนวนมาก แถมยังไม่มีอุปกรณ์ในการช่วยคิด และเซียวเฉวียนจะต้องตอบคำถามภายในห้าวินาที

กล่าวตามตรง ผนึกจูเสินช่างร้ายกาจเสียจริง แรกเริ่มก็ให้ตัวเลขจำนวนมาก อีกทั้งต้องคิดคำนวณในใจ ผนึกจูเสินเป็นพวกเผ็ดแบบแสบร้อนสินะ

โจทย์ข้อนี้ผนึกจูเสินพูดออกมาโดยไม่คิดใช่หรือไม่?

เซียวเฉวียนจึงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “บรรพชน ตัวเลขจำนวนมากเช่นนี้ ท่านสามารถพูดคำตอบออกมาทันทีได้หรือไม่?”

ผนึกจูเสินตอบด้วยท่าทางหยิ่งทะนง “สองแสนห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยเจ็ดสิบหกคน”

“หากท่านไม่เชื่อ ท่านลองคิดคำนวณดูก็ได้”

จากนั้นเซียวเฉวียนรีบหากิ่งไม้และใช้พื้นดินแทนกระดาษ ในการคิดคำนวณ

และก็ได้คำตอบดังที่ผนึกจูเสินกล่าว

แต่นี่มีอะไรต้องทะนงตัว บางทีผนึกจูเสินอาจคิดไว้ก่อนอยู่แล้ว

เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนไม่เชื่อ ผนึกจูเสินจึงเอ่ย “เช่นนั้น ท่านลองพูดโจทย์มาหนึ่งข้อ มาดูกันว่าข้าจะตอบได้หรือไม่”

เซียวเฉวียนเองก็คิดเช่นนี้ จากนั้นกล่าวโจทย์ออกมา “ตอนนี้มีคนหนึ่งร้อยแปดสิบคนในแนวนอน และมีเจ็ดร้อยเจ็ดสิบหกคนในแนวตั้ง รวมทั้งหมดมีกี่คน?”

เขาพูดจบ ผนึกจูเสินก็ให้คำตอบทันที “หนึ่งแสนสามหมื่นเก้าพันหกร้อยแปดสิบคน”

โจทย์ข้อนี้เซียวเฉวียนพูดลอยๆออกมา หลังจากคิดคำนวณอยู่บนพื้น ถึงกับประหลาดใจในคำตอบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย