น้องเว่ยหงเป็นผู้มีความคิดรอบคอบและใจเย็น พวกเขารู้ดีว่าถ้าหากบอกความจริงกับเซียวเฉวียน พวกเขาจะต้องไม่รอดแน่นอน เนื่องจากเซียวเฉวียนเป็นคนจิตใจคับแคบ
ถ้าไม่พูด พวกเขาก็ยังมีทางรอด
ฉะนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกความจริงแก่เซียวเฉวียน ซึ่งเซียวเฉวียนก็ไม่มีทางยินเสียงในใจของพวกเขาทั้งคู่
และทำอะไรพวกเขาไม่ได้
การจับกุมตัวหนึ่งในสองคนมาในเวลานี้ นอกจากจะเปิดเผยร่องรอยการเดินทางแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงปล่อยพวกเขาไปก่อน รอให้บาดแผลของตนเองหายดี จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะฆ่าพวกเขา หรือจัดการอย่างไร
เมื่อเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เซี่ยวเฟิงจึงพยักหน้าและส่งเสียงคำราม เพื่อสื่อว่าทำตามที่เซียวเฉวียนกล่าว
ต่อจากนั้น เซี่ยวเฟิงก็หันหลังออกไปและหายไปทันที เพราะมันยังต้องทำภารกิจที่เซียวเฉวียนมอบหมายให้สำเร็จ
ในเมื่อเซียวเฉวียนมิให้จับน้องเว่ยหง เซี่ยวเฟิงก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสบายใจ
เซี่ยวเฟิงจึงไปยังสถานที่ที่เคยพบกับน้องเว่ยหง เพื่อตระเตรียมแสร้งเดินผ่านพวกเขา ทำให้พวกเขาเห็นเซี่ยวเฟิง
ทว่าทันทีที่เซี่ยวเฟิงมาถึงสถานที่แห่งนั้น น้องเว่ยหงก็ไม่อยู่แล้ว เซี่ยวเฟิงจึงทำได้เพียงยกเลิกแผนการ
ทางด้านเซียวเฉวียน ครั้นทราบว่าน้องเว่ยหงปรากฏตัวที่รัฐมู่อวิ๋นซึ่งพรมแดนติดกับหูโจว ก็เกิดมีแผนในใจขึ้นมา
เพราะการเคลื่อนไหวของเซี่ยวเฟิง ได้เบี่ยงเบนความสนใจย่าเหยียนและคนอื่นๆ ถึงแม้ย่าเหยียนและคนของเธอจะอยู่ใกล้กับถนนชางเฉิง แต่ก็น่าจะเหลือคนสองคนไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการค้นหา
ส่วนจะเป็นย่าเหยียนหรือคนของเธอนั้น เซียวเฉวียนเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด
แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็พิสูจน์ได้ว่า ความสนใจของย่าเหยียนไม่ได้อยู่ที่รัฐมู่อวิ๋นอีกต่อไป
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้ ที่ตั้งของถ้ำอยู่ห่างไกลจากถนนชางเฉิง แม้นว่าพวกเขาจะทำการค้นหาตามรอยของเซี่ยวเฟิงในย่านชานเมืองที่ใกล้กับถนนชางเฉิง ก็ไม่สามารถสืบหามาถึงที่นี่ได้
กล่าวได้ว่า เซี่ยวเฟิงและกิเลนฉลาดเฉลียวอย่างยิ่งที่เลือกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะการที่เซี่ยวเฟิงไปหาอาหารเช้า ณ ถนนชางเฉิง เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด
ในฐานะที่เป็นสัตว์สงคราม มีสติปัญญาเช่นนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
และเซียวเฉวียนก็โชคดี ที่มีสัตว์สงครามดังนี้อยู่ข้างกาย
เซียวเฉวียนตัดสินใจว่า หลังจากอาการบาดเจ็บของตนเองหายดีแล้ว เขาจะทำปิ้งย่างเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับสัตว์สองครามและผนึกจูเสิน
เพราะผนึกจูเสินอยากกินเนื้อย่างมานานแล้ว
เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนมีความคิดดังกล่าว ผนึกจูเสินจึงเอ่ยเสนอ “ข้าขอแบบเผ็ดๆ”
เซียวเฉวียนจึงตอบผ่านกระแสจิต “ไม่มีปัญหา!”
ครั้นถึงเวลานั้นเขาจะทำเผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต
แต่
เมื่อคิดไปคิดมา เซียวเฉวียนนึกขึ้นได้ว่า อาหารรสเลิศของผนึกจูเสินทั้งหมด จะต้องผ่านปากของตนก่อน
แม้นว่าเซียวเฉวียนจะทานเผ็ดได้ แต่เผ็ดระดับร้องขอชีวิตนั้น เป็นเรื่องยากที่เขาจะท้าทาย
คิด ๆ แล้วช่างมันเถิด
ผนึกจูเสินจึงเอ่ยวาจาดูถูก “ช่างปอดแหกเสียจริง”
ถูกบรรพชนพันปีดูถูกว่าปอดแหก หรือจะว่าขี้ขลาดก็ขี้ขลาดเถิด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไม่โต้เถียงกันด้วยเรื่องนี้ เซียวเฉวียนจึงไม่ได้โต้แย้งผนึกจูเสิน แต่กลับหลับตาพักสมอง เพื่อฝึกพลังความคิด
ที่เรียกว่าฝึกพลังความคิด ก็คือการที่เซียวเฉวียนคิดสิ่งต่างๆในสมองอยู่ตลอด
ผนึกจูเสินรู้สึกว่าวิธีเช่นนี้จะทำให้ก้าวหน้าได้ไม่มากนัก ถ้าหากอยากก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เซียวเฉวียนจะต้องได้รับการฝึกในระดับเข้มข้น
เซียวเฉวียนถามอย่างสงสัย “ทำไมจะต้องฝึกในระดับเข้มข้นด้วยหรือ?”
นี่เป็นยุคสมัยโบราณไม่เหมือนยุคสมัยใหม่ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันเซียวเฉวียนสามารถซื้อหนังสือหลายๆเล่มเพื่อกระตุ้นความคิด
แต่นี่คือสมัยโบราณ ไม่มีหนังสือเหล่านี้ เซียวเฉวียนทำได้เพียงคิดเรื่องอื่นๆในสมองอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่เป็นป่าดิบเขา เซียวเฉวียนเองก็ต้องการหาคนมาทดสอบเขา แต่ไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นี้
เสี่ยวเซียนชิวเช่นนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...