ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1960

น้องเว่ยหงเป็นผู้มีความคิดรอบคอบและใจเย็น พวกเขารู้ดีว่าถ้าหากบอกความจริงกับเซียวเฉวียน พวกเขาจะต้องไม่รอดแน่นอน เนื่องจากเซียวเฉวียนเป็นคนจิตใจคับแคบ

ถ้าไม่พูด พวกเขาก็ยังมีทางรอด

ฉะนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกความจริงแก่เซียวเฉวียน ซึ่งเซียวเฉวียนก็ไม่มีทางยินเสียงในใจของพวกเขาทั้งคู่

และทำอะไรพวกเขาไม่ได้

การจับกุมตัวหนึ่งในสองคนมาในเวลานี้ นอกจากจะเปิดเผยร่องรอยการเดินทางแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ

ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงปล่อยพวกเขาไปก่อน รอให้บาดแผลของตนเองหายดี จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะฆ่าพวกเขา หรือจัดการอย่างไร

เมื่อเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ เซี่ยวเฟิงจึงพยักหน้าและส่งเสียงคำราม เพื่อสื่อว่าทำตามที่เซียวเฉวียนกล่าว

ต่อจากนั้น เซี่ยวเฟิงก็หันหลังออกไปและหายไปทันที เพราะมันยังต้องทำภารกิจที่เซียวเฉวียนมอบหมายให้สำเร็จ

ในเมื่อเซียวเฉวียนมิให้จับน้องเว่ยหง เซี่ยวเฟิงก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสบายใจ

เซี่ยวเฟิงจึงไปยังสถานที่ที่เคยพบกับน้องเว่ยหง เพื่อตระเตรียมแสร้งเดินผ่านพวกเขา ทำให้พวกเขาเห็นเซี่ยวเฟิง

ทว่าทันทีที่เซี่ยวเฟิงมาถึงสถานที่แห่งนั้น น้องเว่ยหงก็ไม่อยู่แล้ว เซี่ยวเฟิงจึงทำได้เพียงยกเลิกแผนการ

ทางด้านเซียวเฉวียน ครั้นทราบว่าน้องเว่ยหงปรากฏตัวที่รัฐมู่อวิ๋นซึ่งพรมแดนติดกับหูโจว ก็เกิดมีแผนในใจขึ้นมา

เพราะการเคลื่อนไหวของเซี่ยวเฟิง ได้เบี่ยงเบนความสนใจย่าเหยียนและคนอื่นๆ ถึงแม้ย่าเหยียนและคนของเธอจะอยู่ใกล้กับถนนชางเฉิง แต่ก็น่าจะเหลือคนสองคนไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการค้นหา

ส่วนจะเป็นย่าเหยียนหรือคนของเธอนั้น เซียวเฉวียนเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด

แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็พิสูจน์ได้ว่า ความสนใจของย่าเหยียนไม่ได้อยู่ที่รัฐมู่อวิ๋นอีกต่อไป

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี

นอกจากนี้ ที่ตั้งของถ้ำอยู่ห่างไกลจากถนนชางเฉิง แม้นว่าพวกเขาจะทำการค้นหาตามรอยของเซี่ยวเฟิงในย่านชานเมืองที่ใกล้กับถนนชางเฉิง ก็ไม่สามารถสืบหามาถึงที่นี่ได้

กล่าวได้ว่า เซี่ยวเฟิงและกิเลนฉลาดเฉลียวอย่างยิ่งที่เลือกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะการที่เซี่ยวเฟิงไปหาอาหารเช้า ณ ถนนชางเฉิง เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด

ในฐานะที่เป็นสัตว์สงคราม มีสติปัญญาเช่นนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

และเซียวเฉวียนก็โชคดี ที่มีสัตว์สงครามดังนี้อยู่ข้างกาย

เซียวเฉวียนตัดสินใจว่า หลังจากอาการบาดเจ็บของตนเองหายดีแล้ว เขาจะทำปิ้งย่างเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับสัตว์สองครามและผนึกจูเสิน

เพราะผนึกจูเสินอยากกินเนื้อย่างมานานแล้ว

เมื่อรู้ว่าเซียวเฉวียนมีความคิดดังกล่าว ผนึกจูเสินจึงเอ่ยเสนอ “ข้าขอแบบเผ็ดๆ”

เซียวเฉวียนจึงตอบผ่านกระแสจิต “ไม่มีปัญหา!”

ครั้นถึงเวลานั้นเขาจะทำเผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต

แต่

เมื่อคิดไปคิดมา เซียวเฉวียนนึกขึ้นได้ว่า อาหารรสเลิศของผนึกจูเสินทั้งหมด จะต้องผ่านปากของตนก่อน

แม้นว่าเซียวเฉวียนจะทานเผ็ดได้ แต่เผ็ดระดับร้องขอชีวิตนั้น เป็นเรื่องยากที่เขาจะท้าทาย

คิด ๆ แล้วช่างมันเถิด

ผนึกจูเสินจึงเอ่ยวาจาดูถูก “ช่างปอดแหกเสียจริง”

ถูกบรรพชนพันปีดูถูกว่าปอดแหก หรือจะว่าขี้ขลาดก็ขี้ขลาดเถิด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไม่โต้เถียงกันด้วยเรื่องนี้ เซียวเฉวียนจึงไม่ได้โต้แย้งผนึกจูเสิน แต่กลับหลับตาพักสมอง เพื่อฝึกพลังความคิด

ที่เรียกว่าฝึกพลังความคิด ก็คือการที่เซียวเฉวียนคิดสิ่งต่างๆในสมองอยู่ตลอด

ผนึกจูเสินรู้สึกว่าวิธีเช่นนี้จะทำให้ก้าวหน้าได้ไม่มากนัก ถ้าหากอยากก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เซียวเฉวียนจะต้องได้รับการฝึกในระดับเข้มข้น

เซียวเฉวียนถามอย่างสงสัย “ทำไมจะต้องฝึกในระดับเข้มข้นด้วยหรือ?”

นี่เป็นยุคสมัยโบราณไม่เหมือนยุคสมัยใหม่ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันเซียวเฉวียนสามารถซื้อหนังสือหลายๆเล่มเพื่อกระตุ้นความคิด

แต่นี่คือสมัยโบราณ ไม่มีหนังสือเหล่านี้ เซียวเฉวียนทำได้เพียงคิดเรื่องอื่นๆในสมองอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่เป็นป่าดิบเขา เซียวเฉวียนเองก็ต้องการหาคนมาทดสอบเขา แต่ไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นี้

เสี่ยวเซียนชิวเช่นนั้นหรือ?

บทที่ 1960 ผนึกเสินจะฝึกด้วยตนเอง 1

บทที่ 1960 ผนึกเสินจะฝึกด้วยตนเอง 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย