ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1977

สรุปบท บทที่1977 ซ่อนไว้ไม่อยู่จริงๆ: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่1977 ซ่อนไว้ไม่อยู่จริงๆ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่1977 ซ่อนไว้ไม่อยู่จริงๆ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อต้องสนทนากับคนที่ฉลาดแบบนี้จะต้องมีสติอยู่เสมอ เผลอเมื่อไหร่ก็อาจะโดนหลอกเอาได้

แต่พูดก็พูดเถอะ ทำไมเมื่อก่อนอี้กุยถึงไม่รู้เลยว่าสวีซูผิงฉลาดได้ถึงเพียงนี้?

สวีซูผิงผู้ถ่อนตน แต่จะซ่อนความฉลาดไว้ได้เก่งขนาดนั้นเชียวหรือ?

หรือสวีซูผิงที่เขารู้จักก่อนหน้านี้เป็นตัวปลอมกันแน่?

แม้ว่าฮ่องเต้จะยังทรงพระเยาว์แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่เก่งมากๆ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสวีซูผิงเป็นคนมีความสามารถชนาดนี้?

แต่งตั้งสวีซูผิงให้เป็นเพียงข้าราชการว่างงาน แถมยังไม่ค่อยเรียกใช้เขาอีก นั่นทำให้อี้กุยรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

เมื่อนึกถึงตอนนี้ อี้กุยก็ลืมคำถามของสวีซูผิงไปและถามเขากลับว่า “ใต้เท้าสวี ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดท่านจึงเป็นเพียงรัฐมนตรีการคลังเท่านั้น?”

จากความสนิทสนมของเขากับฮ่องเต้ จากความสามารถมากล้นของเขา ยังไงก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นยศใหญ่ได้กว่านี้

เมื่อพูดจบอี้กุยก็นิ่งเงียบ การที่เขาพูดออกไปแบบนี้ก็เท่ากับบอกกับสวีซูผิงว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเซียวเฉวียน

การสนทนากับสวีซูผิง เป็นการตกหลุมพลางจริงๆ

อี้กุยไม่นึกเลยว่าเขาได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ เหมือนการที่เขาตั้งใจปลูกสร้างที่ดินแต่สุดท้ายถูกสวีซูผิงครอบครอง

สายตาของเขามองไปที่สวีซูผิงอย่างไม่กระพริบ แต่ในใจก็คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้

สวีซูผิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “คุณชายอี้ เกรงว่าคำถามนี้ท่านต้องไปถามฝ่าบาทเองนะ”

มีเพียงฮ่องเต้ที่มีสิทธ์มอบตำแหน่งนี้ให้เขาได้ สวีซูผิงเองก็ไม่เคยถามว่าเพราะเหตุใดถึงให้เขาเป็นรัฐมนตรีการคลัง

แต่เขากลับชอบตำแหน่งข้าราชการว่างงานนี้ ทั้งสามารถแอบรับใช้ต้าเว่ยอย่างเงียบๆ อีกทั้งยังไม่ต้องไปพัวพันกับวังวลของอำนาจนั่น

แทนที่จะไปสนใจเรื่องอำนาจบาทใหญ่ สู้ไปสอดรู้เรื่องของชาวบ้าน ฟังพวกขี้นินทาซุบซิบกันยังดีซะกว่า

ยังปลอดภัยกับชีวิตอีกด้วย

ชีวิตนี้ติดหนี้บุญคุณเสิ่นฉี หรือจะพูดได้ว่าเสิ่นฉีช่วยชีวิตแลกชีวิต เขาจะไม่รักษามันได้อย่างไร

และเซียวเฉวียนก็ช่วยเสิ่นฉีแก้ไขปัญหาคาใจ พูดในอีกแง่นึง เซียวเฉวียนก็ถือเป็นผู้มีพระคุณสำหรับสวีซูผิงเช่นกัน อีกทั้งเซียวเฉวียนก็เป็นคนมีคุณธรรม เหตุนี้สวีซูผิงจึงเคารพเขา

อีกทั้งความสามารถของเซียวเฉวียนเองก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร เรียกได้ว่าเขาคือกระดูกสันหลังของต้าเว่ยเลยก็ว่าได้

ดังนั้นแล้ว สวีซูผิงก็ต้องปฏิบัติตัวดีต่อเซียวเฉวียน

เขาพูด “คุณชายอี้ เซียวเฉวียนเกิดเรื่องอะไร พูดมาเถอะ ไม่ต้องปิดบังข้าหรอก ”

หมายความว่า ไว้ใจเขาได้

อี้กุยยิ้มเล็กน้อย “ท่านคิดเยอะไปแล้ว เขาไม่ได้เป็นอันใดหรอก ก็แค่ยุ่งกับงานราชการจนไม่มีเวลากลับมา”

“ท่านวางใจเถอะ”

ไม่ใช่ว่าสวีซูผิงไม่น่าไว้ใจ จริงๆเขาก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือคนนึง หากแต่เพราะเซียวเฉวียนกำชับไว้นักหนาว่าเรื่องที่เขากลับเมือง อย่าให้ใครรู้มาก

เรื่องสำคัญขนาดที่ อี้กุยเองก็ไม่อยากรับรู้!

เขารู้อยู่แล้วว่าสวีซูผิงจะไม่ขายเซียวเฉวียนเป็นแน่ หากแต่เขาไม่สามารถต้านทานความสามารถการอ่านใจของย่าเหยียนได้

คนแบบนั้น สวีซูผิงจะป้องกันได้อย่างไร?

เพื่อความปลอดภัย อี้กุยจะไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว

สวีซูผิงหัวเราะเบาๆ “คุณชายอี้ ท่านจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่เท่าที่ข้าเดา ตอนนี้เซียวเฉวียนกลับมายังเมืองนครแล้ว และกำลังพำนักอยู่กับท่านที่ศาลาคุนหวู่ใช่หรือไม่?”

สวีซูผิงรู้ได้อย่างไร?

ที่ที่เซียวเฉวียนจะไปมีมากมาย จวนเซียว สถานศึกษาชิงหยวน หอปี๋เซิ่ง บ่อนพนัน กองราชองครักษ์ หรือหากไม่ได้จริงๆก็ยังมีพระราชวังและจวนฉิน

ที่มากมายขนาดนั้น ทำไมสวีซูผิงถึงเดาได้ว่าเป็นศาลาคุนหวู่กัน?

ในเมื่อปิดไม่อยู่แล้ว อี้กุยก็ทำได้เพียงยอมรับไปตามความจริง “ดูท่าจะปิดท่านใต้เท้าไม่อยู่แล้ว”

ที่นางทำอย่างนี้ไปทำไมกัน?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆสวีซูผิงก็นึกอะไรบางอย่างได้ แววตาของเขาเป็นประกาย “เซียวเฉวียนได้พูดอะไรอีกรึเปล่า?”

เช่น เหตุผลที่ย่าเหยียนต้องซ่อนพลังของตัวเอง?

พูดตามหลักแล้ว การเป็นนายใหญ่ของสำนักซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดนั้นสบายกว่าการเป็นผู้นำ

อี้กุยส่ายหัว “หามีไม่”

เขามองไปที่สวีซูผิงด้วยสายหน้างุนงง และคิดกับตัวเองว่าสวีซูผิงนั้นแปลกจริงๆ

เมื่อครู่พูดถึงอาการบาดเจ็บของเซียวเฉวียน แต่สักพักก็เปลี่ยนมาถามเรื่องย่าเหยียน สรุปแล้วสวีซูผิงเป็นห่วงอาการของเซียวเฉวียนหรืออยากรู้เรื่องของย่าเหยียนมากกว่ากันแน่?

ในตอนนั้นสวีซูผิงก็พูดว่า “สรุปแล้วอาการของเซียวเฉวียนเป็นเช่นไร?”

รุนแรงไหม?

เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าความจริงแล้วสวีซูผิงเป็นห่วงเซียวเฉวียนมากแค่ไหน

อี้กุยตอบ “กินได้นอนหลับ ก็ดูจะปกติดีแล้ว”

สรุปแล้วรุนแรงไหมนั้น อี้กุยก็ตอบไม่ได้

เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็อดไม่ได้จะกรอกตา “เรื่องของนายเจ้า เจ้าเป็นห่วงสักนิดหรือไม่?”

ขนาดเขารับบาดเจ็บมากไหมยังไม่รู้ เป็นหลานที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ

อี้กุยตอบ “ข้าถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ตอบเพียงบอกข้าว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

ในเมื่อเซียวเฉวียนไม่พูด แล้วอี้กุยจะรู้ได้อย่างไร?

แต่พูดตรงๆหากจะให้พักฟื้นให้กลับมาหายดีคงไม่ใช่เรื่องง่าย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย