ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อเซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บ พระเจ้าจะเป็นผู้ทำการรักษาให้เขา
แต่ครั้งนี้เซียวเฉวียนกลับต้องหลบซ่อนเพื่อฟื้นฟูและรักษาตนเอง
ตามที่เซียวเฉวียนพูด เป็นไปได้ว่าเขาจะต้องพักฟื้นในศาลาคุนหวู่เป็นระยะเวลาประมาณครึ่งเดือน
ก่อนที่จะเดินทางมาถึงศาลาคุนหวู่ เขาได้พักฟื้นอยู่ด้านนอกเป็นเวลาหลายวันแล้ว แม้เซียวเฉวียนจะไม่ได้บอก แต่อี้กุยก็รู้เรื่องนี้ดี
กล่าวโดยสรุปก็คือ อี้กุยรู้สึกได้ว่าอาการบาดเจ็บของเซียวเฉวียนในครั้งนี้นั้นแปลกออกไป
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ย่าเหยียนผู้นี้รับมือยากยิ่งนัก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีซูผิงกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้าเซียวพูดออกมาเช่นนี้ ท่านก็จะเชื่อในคำพูดของใต้เท้าเซียวอย่างนั้นหรือ?”
เขาบอกว่าไม่ต้องกังวล เช่นนั้นก็เท่ากับว่าปลอดภัยแล้ว บาดแผลจะหายดีหรือไม่ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเวลา
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ ห้ามเปิดเผยร่องรอยของเซียวเฉวียนออกไปเป็นอันขาด
ด้วยเหตุนี้ ครั้งนี้เจ้าหนุ่มเซียวเฉวียนได้เผชิญหน้ากับศัตรูผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
น่าเสียดายที่สวีซูผิงไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเขาได้ สิ่งที่เขาทำได้คืออธิษฐานต่อพระเจ้าให้ช่วยคุ้มครองเซียวเฉวียน ให้เขาได้เป็นเสาหลักของต้าเว่ยต่อไป
หากต้าเว่ยต้องการพัฒนา เซียวเฉวียนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เซียวเฉวียนจึงจำเป็นต้องเอาชนะคนอย่างย่าเหยียนให้ได้!
อี้กุยกล่าวว่า “นั่นคือสิ่งเดียวในเวลานี้ ข้าเองก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บที่อยู่ของเซียวเฉวียนไว้เป็นความลับ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะรู้ว่าสวีซูผิงไม่มีทางพูดออกไป แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะกำชับออกมาอีกครั้ง “ข้าหวังว่าใต้เท้าสวีจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
สวีซูผิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
พูดออกมาเช่นนี้ ต่อให้เขาอยากจะไปเยี่ยมเซียวเฉวียน มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยของเซียวเฉวียน สวีซูผิงจึงต้องทำในสิ่งที่เขาควรทำอย่างซื่อสัตย์ และรออยู่ในที่ที่เขาควรอยู่
เขากล่าวว่า “หลังจากที่คุณชายอี้กลับไปแล้ว ช่วยกล่าวคำทักทายใต้เท้าเซียวแทนข้าด้วย ไว้เมื่อมีเวลาที่เหมาะสม ข้าจะไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง”
อี้กุยแสดงรอยยิ้มบนใบหน้า ตอบกลับไปว่า “คำพูดของใต้เท้าสวี ข้าจะนำไปบอกกับใต้เท้าเซียวเป็นแน่ ข้าขอกล่าวขอบคุณแทนท่านปู่น้อยด้วย”
สิ่งที่สวีซูผิงไม่ควรรู้ สิ่งที่ควรรู้ เขาล้วนได้รับรู้ไปหมดแล้ว อี้กุยจึงกล่าวออกมาว่า “เช่นนั้นก็ขอรบกวนใต้เท้าสวีเลือกวันมงคลให้ข้าด้วย”
เซียวเฉวียนพูดไว้แล้ว เรื่องเงินไม่อาจปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปได้ เรื่องการเปิดหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนัน จะต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ยิ่งวันนั้นเข้ามาถึงเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
หลังจากเข้าใจคำขอของอี้กุยแล้ว สวีซูผิงก็กล่าวออกมาว่า “คุณชายอี้รอสักครู่”
พูดจบเขาก็รวบรวมสมาธิ พึมพำบางสิ่งบางอย่างออกมา แต่อี้กุยนั้นได้ยินไม่ชัดว่าเขาพึมพำอะไรออกมาบ้าง
ในขณะเดียวกัน เขาก็ดีดนิ้วของเขาไปมา
แม้ว่าอี้กุยเคยขอให้สวีซูผิงทำเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นสวีซูผิงก็ไม่ได้จริงจังถึงเพียงนี้ แค่เขาเอ่ยปากอีกฝ่ายก็ให้คำตอบออกมาแล้ว
เมื่อดูจากการกระทำของเขาในวันนี้แล้ว เขาเหมือนพวกหลอกลวงในยุทธภพ
คิดไม่ถึงเลยว่า หนุ่มจอหงวนในตอนนั้นจะกลายเป็นสภาพเช่นนี้
ขณะที่ขอบเขตอันไกลโพ้นของอี้กุยถูกเปิดออก เขาก็รู้สึกขบขันกับการกระทำของสวีซูผิงอย่างช่วยไม่ได้
เขาหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นในเวลาที่ไม่เหมาะสม
ในเวลานี้ สวีซูผิงยกเปลือกตาของเขาขึ้นมา มองมาที่อี้กุยด้วยแววตาอันเฉยเมย “คุณชายอี้ ท่าทางเมื่อครู่ของข้ามันน่าขันขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”
เดิมทีการทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่อี้กุยคิดว่าเป็นคนใครชิด จึงพูดคุยกันได้ง่าย และสวีซูผิงก็เกิดมาจากครอบครัวของบัณฑิต แต่กลับมาทำเรื่องเช่นนี้ อี้กุยจึงรู้สึกว่าภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่นั้นไม่สอดคล้องกันเอาเสียเลย เขาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
อี้กุยเองก็รู้ว่าการหัวเราะของเขานั้นเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรง แต่เขาก็อดไม่ได้จริงๆ เขาทำได้เพียงกล่าวขอโทษสวีซูผิง “ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว หวังว่าใต้เท้าสวีจะไม่ถือสา”
สวีซูผิงกลอกตาขาวใส่เขา “ข้าเป็นคนขี้ตระหนี่ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”
เขาจะโต้เถียงกับคนรุ่นหลังเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่างนั้นหรือ?
นี่มันแสดงให้เห็นว่าเขาขาดความเอื้ออาทรมากเพียงใด?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...