ที่รีบร้อนถึงเพียงนี้ ทั้งหมดก็เพื่อใช้เวลาที่เหลือในการแจ้งให้คนที่ควรมาร่วมงานได้รับรู้
ตอนแรกก็เป็นเช่นนี้ หากคิดจากมุมนี้แล้ว เช่นนั้นคงเป็นเซียวเฉวียนเองที่คิดลึกไม่เพียงพอ และโทษว่าอี้กุยนั้นไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองได้
แต่เซียวเฉวียนได้เทศนาครั้งใหญ่ใส่เซียวเฉวียนไปแล้ว คำพูดที่กล่าวออกไปก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว มันไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้ ต่อให้ย้อนคืนกลับมาได้ เซียวเฉวียนก็ไม่คิดที่จะเอามันย้อนคืนกลับมา
เกิดความผิดพลาดขึ้นก็ไม่เห็นจะเป็นไร เซียวเฉวียนก็แค่ทำเป็นไรรู้เรื่องก็หมดปัญหาแล้ว
ใบหน้าของเขาดูตึงเครียดเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำธุระของเจ้าเสียเถิด”
อี้กุยตอบรับกลับมา “ขอรับ ท่านปู่น้อยพักผ่อนให้เต็มที่”
เมื่อเดินถึงหน้าประตู จู่ๆ อี้กุยก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไป
เซียวเฉวียนเพิ่งจะหลับตาลง ทำการฝึกฝนทางด้านจิตใจกับผนึกจูเสินต่อไป เห็นอี้กุยเดินกลับเข้ามา เขาก็ยกเปลือกตาของเขาขึ้น มองไปที่อี้กุยพร้อมกล่าวว่า “มีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”
อี้กุยนั่งลง “ท่านปู่น้อย ใต้เท้าสวีไม่เพียงรู้ว่าท่านกลับมายังเมืองหลวงแล้วเท่านั้น แต่เขายังรู้อีกว่าท่านพักอยู่ที่ศาลาคุนหวู่”
แม้แต่เรื่องที่เซียวเฉวียนได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้สวีซูผิงเองก็รู้แล้ว
เรื่องพวกนี้ อี้กุยเองก็ไม่ได้อยากบอกกับสวีซูผิง
แต่ช่วยไม่ได้ การคาดเดาของสวีซูผิงนั้นแม่นยำมาก เขาสามารถคาดเดาได้ด้วยตัวเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อี้กุยพูดออกไปเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้การคาดเดาของสวีซูผิงนั้นสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากเซียวเฉวียนบอกว่าย่าเหยียนมีความสามารถในการอ่านเสียงหัวใจ หากย่าเหยียนมาหาสวีซูผิงที่นี่ การคาดเดาของสวีซูผิงในสายตาของนาง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการพิสูจน์ความจริง
ดังนั้น ไม่สู้อี้กุยบอกความจริงกับสวีซูผิง จากนั้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับย่าเหยียนแก่เขา เมื่อสวีซูผิงได้เผชิญหน้ากับย่าเหยียน เขาจะได้หลบหลีกได้ทันเวลา
คนแบบนี้ อี้กุยและสวีซูผิงไม่อาจรุกรานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัว
อี้กุยกล่าวว่า “ท่านปู่น้อยไม่ตำหนิข้าที่บอกความจริงเรื่องนี้กับใต้เท้าสวีใช่หรือไม่?”
จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
ความคิดและการกระทำของอี้กุย ทุกอย่างล้วนอยู่บนเหตุผล ก็เหมือนกับที่เขาพูด สวีซูผิงคาดเดาเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อสวีซูผิง เช่นนั้นก็ไม่ควรปิดบังความจริงกับสวีซูผิง
เซียวเฉวียนยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่”
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าเหตุใดสวีซูผิงถึงคาดเดาได้แม่นยำถึงเพียงนี้
ดูเหมือนว่าผู้ที่สามารถเป็นจอหงวนได้ สติปัญญาของพวกเขาจะไม่ธรรมดา
และสวีซูผิงก็ไม่ปล่อยให้ความสะดวกสบายที่อยู่ตรงหน้าบดบังความฉลาดของเขา
รู้จักสวีซูผิงมานานถึงเพียงนี้แล้ว วันนี้เซียวเฉวียนเองก็เพิ่งรู้ว่าสวีซูผิงฉลาดถึงเพียงนี้
ให้เขาเป็นรัฐมนตรีการคลัง ตอนแรกเซียวเฉวียนรู้สึกว่าฮ่องเต้นั้นปิดผนึกความสามารถของเขาไว้ วันนี้เมื่อได้เห็น ความคิดดังกล่าวของเซียวเฉวียนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
รอให้บาดแผลของเขาหายดี หลังจากที่เขาสามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้ตามปกติ เขาจะต้องกล่าวชมเฉยสวีซูผิงต่อหน้าฮ่องเต้ ผลักดันให้ฮ่องเต้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นให้กับสวีซูผิงเป็นแน่
คนที่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ ให้เป็นแค่รัฐมนตรีการคลังก็มีแต่ทำให้สูญเสียพรสวรรค์ไปโดยเปล่าประโยชน์
เซียวเฉวียนต้องการให้สวีซูผิงได้รู้ว่า ราคาของการแสดงความฉลาดต่อหน้าเซียวเฉวียนนั้น มันแลกมาด้วยความสะดวกสบายตลอดชีวิตของเขา
ฮ่าฮ่าฮ่า!
เยี่ยมจริงๆ การที่ค้นพบผู้ที่มีพรสวรรค์ที่สามารถใช้งานได้เพิ่มมาอีกคนเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่า เมื่อสวีซูผิงรู้ว่าตนเองถูกโยกย้ายตำแหน่งเพราะคำพูดของเซียวเฉวียน เขาจะมีความรู้สึกเช่นไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเซียวเฉวียนก็ยกขึ้นอย่างภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัว อี้กุยเพิ่งจะรับรู้ถึงรอยยิ้มของเซียวเฉวียน เมื่อได้เห็นเช่นนั้น อี้กุยก็ขนลุกไปทั่วร่างกาย
เขารู้สึกว่า รอยยิ้มดังกล่าวของเซียวเฉวียนนั้นแสดงถึงเจตนาร้าย เขาน่าจะกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...