สรุปเนื้อหา บทที่ 1981 ยึดเป็นของตัวเอง – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1981 ยึดเป็นของตัวเอง ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
อี้กุยเก็บความคิดของเขา จากนั้นก็เรียกพ่อบ้านเข้ามา
พ่อบ้านยืนอยู่ตรงหน้าอี้กุยด้วยความเคารพ “คุณชาย ท่านมีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?”
อี้กุยกล่าวว่า “เจ้ารีบไปจัดการเตรียมตัวเปิดกิจการหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเดี๋ยวนี้”
หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเป็นทรัพย์สินของเซียวเฉวียนไม่ใช่หรือ?
พ่อบ้านถามออกมาด้วยความสงสัย “ใต้เท้าเซียวกลับมาเมืองหลวงแล้วงั้นหรือ?”
อี้กุยตอบกลับไปว่า “ยัง แต่เขาส่งจดหมายมา บอกให้ข้าเป็นผู้รับผิดชอบในการเปิดกิจการ และจะทำการเปิดกิจการในวันมะรืนนี้”
ดังนั้นพ่อบ้านจะต้องรีบไปเตรียมจดหมายเชิญ และส่งออกไปให้เร็วที่สุด
อี้กุยมีความสัมพันธ์กับใครบ้าง เรื่องนี้พ่อบ้านรู้ดีอยู่แก่ใจ อี้กุยจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายลึกลงไปในรายละเอียด
ในฐานะพ่อบ้านแห่งศาลาคุนหวู่ การเขียนจดหมายเชิญชวนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากอะไรเลย สำหรับเขาแล้ว มันก็เหมือนกับการกินขนมชิ้นหนึ่ง
แต่การเปิดกิจการหอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันนั้นเป็นเรื่องใหญ่
เซียวเฉวียนเป็นเถ้าแก่ แต่กลับไม่มาเป็นประธานด้วยตัวเอง นี่ทำให้พ่อบ้านอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้
เขาได้ยินมาว่าเซียวเฉวียนนั้นไม่ผูกมัดกับหลักการหรือเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องการเปิดกิจการ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก
เหตุใดเซียวเฉวียนจึงไม่ยอมกลับมาเป็นประธาน?
แม้ว่าจะไม่ชอบการซุบซิบ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องที่แปลกประหลาด มันก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น แต่อี้กุยพูดออกมาแล้ว เซียวเฉวียนส่งจดหมายมา บอกให้อี้กุยเป็นคนจัดการเรื่องการเปิดกิจการ เหตุผลนี้ก็เพียงพอแล้วเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ เซียวเฉวียนจะต้องมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการเป็นแน่ เขาจึงไม่สามารถกลับมาได้ชั่วคราว
แต่สิ่งที่พ่อบ้านสงสัยก็คือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการเปิดกิจการก็สามารถเลื่อนออกไปได้ เหตุใดจึงต้องรีบร้อนที่จะเปิดกิจการถึงเพียงนี้?
ราวกับรับรู้ได้ถึงความสงสัยในใจของพ่อบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อบ้านสืบสาวราวเรื่องจากความสงสัยของเขา อี้กุยจึงอธิบายออกมาว่า “ท่านปู่น้อยมีเรื่องที่ต้องจัดการ เขาไม่สามารถกลับมาได้อีกพักใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องรอถึงครึ่งเดือน หรือไม่แน่ก็อาจจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี”
แม้ว่ามันจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่อี้กุยก็พูดออกมา
“หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันเป็นธุรกิจที่ทำเงินจำนวนมหาศาลให้กับท่านปู่น้อย ท่านปู่น้อยชอบเงินเป็นที่สุด ในเมื่อได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว เช่นนั้นก็ควรเปิดกิจการให้เร็วที่สุด”
ความหมายของมันก็คือ เงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เขาแค่ทำเงินได้ แค่นั้นก็ถือเป็นเรื่องดี ส่วนใครจะเป็นประธานในการเปิดกิจการ สำหรับเซียวเฉวียนแล้วมันไม่สำคัญ
เมื่อพ่อบ้านได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ความสงสัยบนใบหน้าของเขาลดลงไปไม่น้อย
เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณชาย ยังมีเรื่องอื่นที่จะสั่งการอีกหรือไม่?”
อี้กุยตอบกลับไป “ไม่มีแล้ว เจ้าไปเถอะ รีบไปทำบัตรเชิญและส่งไปยังแขกทุกคนให้เรียบร้อย”
ส่วนเรื่องการจัดเตรียมและตกแต่งหอปี๋เซิ่งกับบ่อนพนัน ทุกอย่างสามารถจัดการได้อย่างเรียบง่าย
การจุดประทัดอันยิ่งใหญ่แสดงถึงความรื่นเริงเหนือสิ่งอื่นใด!
และอี้กุยก็ได้เตรียมประทัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
พูดตามตรง ตั้งแต่ที่หอปี๋เซิ่งและบ่อนพนันปรับปรุงเสร็จแล้ว อี้กุยก็ได้จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้หมดแล้ว รอแค่ให้เซียวเฉวียนกลับมาและเลือกวันในการเปิดกิจการเท่านั้น
ทางด้านของอี้กุยให้ความสำคัญในเรื่องของการเปิดกิจการเป็นอย่างมาก แต่ทางด้านของเซียวเฉวียนก็กำลังเร่งฝึกฝนเกี่ยวกับพลังจิตของเขา
ภายใต้การฝึกฝนอันหนักหน่วงจากผนึกจูเสิน พลังจิตของเซียวเฉวียนแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แม้ว่าเซียวเฉวียนยังไม่สามารถคำนวณผลลัพธ์กับคูณเลขสามหลักได้ในระยะเวลาที่กำหนดเหมือนกับผนึกจูเสิน แต่ระยะเวลาในการคำนวณของเขาก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
จากคำพูดของผนึกจูเสิน อาจกล่าวได้ว่าความก้าวหน้าของเซียวเฉวียนนั้นรวดเร็วจนน่าตกใจ
ชายที่มีเครายาวผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ “สำนักหมิงเซียนอะไร ผู้นำเหยียนอะไร ต่อให้พระเจ้าลงมาด้วยตัวเอง มันก็ไม่ได้หมายความว่าอยากได้ที่แห่งนี้ไปแล้วจะได้ไปตามความต้องการ”
“พวกเจ้ายึดที่แห่งนี้ไป เช่นนั้นพวกข้าจะไปอยู่ที่ไหน?”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้ว่าย่าเหยียนจะสร้างที่พักอาศัยใหม่ให้กับพวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมออกไปจากที่นี่อยู่ดี
เขาว่าแล้ว ใต้หน้าผาที่แสนสงบสุข แต่ช่วงนี้กลับเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าปรากฏตัวออกมาใต้หน้าผา ทำให้พวกเขาหาเส้นทางลับที่ใช้เดินทางเข้าออกใต้หน้าผาแห่งนี้ไม่พบ
วันนี้ได้เห็นกับตา คำตอบเหล่านั้นได้ปรากฏออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของสามคนนี้ อยู่ดีๆ สามคนนี้บอกว่าต้องการที่แห่งนี้เป็นของตัวเอง และให้ชาวบ้านอย่างพวกเขาย้ายออกไปยังอยู่ที่อื่น และจะทำให้คนทั่วทั้งใต้หล้ารู้สึกสถานที่แห่งนี้
ชายผู้มีเครายาวเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่ใต้หน้าผาแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่
เนื่องจากก่อนที่จะลงมายังใต้หน้าผาแห่งนี้ เขาเองก็มีประสบการณ์ไม่น้อย ประกอบกับพอมีสมองอยู่บ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาก็สามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้ และยังเป็นคนที่มีความกล้า
ดังนั้นชาวบ้านที่อยู่ใต้หน้าผาจึงให้ความเคารพกับเขาเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่า ณ ใต้หน้าผาแห่งนี้ คำพูดของเขาค่อนข้างมีน้ำหนัก
เมื่อได้ยินชายผู้มีเครายาวพูดเช่นนั้น ชาวบ้านก็ต่างพากันให้ความร่วมมือ “ใช่ พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไร?”
“ใช่ พวกเจ้าทำเช่นนี้มันหมายความว่ายังไง?”
ในเวลานี้ ชาวบ้านอีกคนหนึ่งพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะมอบใต้หน้าผาแห่งนี้ให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าบอกความจริงข้ามา เส้นทางลับที่หายไป เป็นฝีมือของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”
เหล่าชาวบ้านมองหน้ากัน ต่างคนต่างพูดออกมา อาจั้นไม่เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกมาเท่านั้น แต่คำถามของพวกเขายังทำให้อาจั้นไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรมาเป็นระยะเวลาพักใหญ่แล้ว
ชาวบ้านพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าเพิกเฉยต่อคำขอของพวกเขา!
อาจั้นมองมาทางย่าเหยียนเพื่อขอความช่วยเหลือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...