ตอน บทที่ 1983 ความประทับใจที่เปลี่ยนไป จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1983 ความประทับใจที่เปลี่ยนไป คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เป็นอย่างที่กล่าวไว้ ผู้คล้อยตามข้าจะราบรื่น ผู้ฝ่าฝืนข้าจะเสียหาย!
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหันความสนใจไปที่ร่างของชายไว้หนวดเคราและร่างของชายชรา เพื่อขอให้พวกเขาได้เลือก
ชายมีเคราหันความสนใจไปที่ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านเป็นชายผมขาวมีเคราที่ดูแล้วใจดีมาก แต่เขาเป็นผู้ชายที่กล้าหาญและยังมีความสามารถอีกด้วย
ทุกคนในที่นี้เชื่อในตัวเขา เพราะฉะนั้น คำของเขาถือเป็นที่สุด
ไม่นานหลังจากที่ย่าเหยียนและคนอื่นๆ มาถึงยังหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็เดินฝ่าฝูงชนมายืนอยู่ตรงหน้าย่าเยียน เพียงแต่ไม่ได้ออกปากกล่าวอะไรออกมา
พูดให้ชัดเจนคือ เขาสังเกตสีหน้าท่าทางของย่าเหยียนและคนอื่น ๆ รวมถึงยังดูท่าทีของผู้คนในหมู่บ้านด้วย
ชายมีเครากระซิบว่า “ผู้ใหญ่บ้าน”
หัวหน้าหมู่บ้านหันศรีษะไปมองชายมีเคราเพื่อรอให้เขาพูดออกมา
ชายมีเครากล่าวต่อว่า “ตามความเห็นของท่าน พวกเราควรเลือกอย่างไรดี?”
หลังจากที่ตามย่าเหยียนและได้เข้าร่วมสำนักหมิงเซียน ทุกคนก็มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง แต่จะมีชีวิตที่ดีไหมนั้น ก็หลังจากนั้นแหละถึงจะทราบได้
หากเรื่องต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผน พวกเขาก็จะต้องสู้กับทั้งสามนี้ให้ตายกันไปข้าง
แต่ชาวบ้านไม่เจอพบทางลัดที่จะนำไปสู่โลกภายนอกเลย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายของสงคราม เพื่อหลบหนีออกไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่วิธีนี้ก็ไม่สามารถทำได้
ผลที่จะตามมาของการต่อต้านนี้มีสองอย่างคือ ชาวบ้านทั้งหมดจะถูกฆ่าตายหรือพวกย่าเหยียนทั้งสามคนนั้นจะตาย
ตอนนี้ทุกคนได้เห็นความแข็งแกร่งของย่าเหยียนแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงแม้จะมีชาวบ้านกว่า 400 คนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะพวกย่าเหยียนทั้งสามคนได้
คำกล่าวที่ว่าสองมือไม่สู้สี่หมัด ไม่เหมาะสมที่จะใช้กับสามคนตรงหน้านี้
ถ้าจะให้พูดในทางร้ายคือ ไม่มีทางไหนที่จะสำเร็จ ย่าเหยียนก็ไม่กล้าที่จะนำทั้งสองคนมาที่นี่ เธอพูดอย่างมั่นใจได้เลยว่า ชาวบ้านสามารถเลือกได้แค่สองทางที่เธอได้พูดไปเท่านั้น
ดังคำกล่าวที่ว่า อย่าต่อสู้กับการต่อสู้ที่ไม่แน่นอน
สำหรับชาวบ้านที่นี่ กว่าเก้าส่วนไม่มีความพยายามที่จะปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย หากพวกเขาต้องสู้กับย่าเหยียนแล้วจริงๆ หล่ะก็ พวกเขาจะตายทั้งหมด
ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่การถอนหายใจนี้ก็แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของผู้ใหญ่บ้านแล้ว
การถอนหายใจในครั้งนี้ทำให้ทุกคนรอบ ๆ ต่างก็เงียบกันหมด
ทุกคนมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
แท้ที่จริงแบ้ว สิ่งที่ย่าเหยียนได้แสดงให้เห็นตอนนั้น ทำให้ชาวบ้านกว่าเก้าส่วนหวาดกลัว ความเย่อหยิ่งที่มีก่อนหน้านี้ก็ลดลงไปเช่นกัน
ทุกคนได้แต่มองหน้ากันโดยที่ไม่กล้าจะทักท้วงอะไร
ชายมีเคราพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า "มันเป็นความต้องการของผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ตามความต้องการของพวกเขา คือเข้าร่วมสำนักหมิงเซสำนักหมิงเซียนของเธอหรอ?"
ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่ชายมีเคราด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“นอกจากนี้แล้วเรามีทางเลือกอื่นอีกไหม”
แน่นอนว่าถ้านายไม่ปฏิบัติตามความปรารถนาของย่าเหยียน คุณก็จะตายเท่านั้น
พวกเขาได้อาศัยที่นี่ด้วยความสงบสุขมาหลายทศววรษแล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะประสบกับปัญหาเช่นนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง แล้วกล่าวไปว่า “จ้าวกัง ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่นี่ นายกล้าหาญที่สุด นายถามแทนทุกคนหน่อยเถอะ สำนักหมิงเซียนจะทำอะไร”
ต้องการจะให้พวกเขาเข้าร่วมสำนักหมิงเซียน ต้องให้พวกเขาเข้าใจด้วยว่าสำนักหมิงเซียนเป็นสำนักประเภทใด
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายมีหนวดก็ตอบว่า “ตกลง”
จริง ๆ แล้วบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่บ้านแล้วจ้าวกังนั้น ย่าเหยียนเคยได้ยินแล้ว สายตาของเธอมองไปที่จ้าวกังอย่างเมินเฉย
จ้าวกังเองก็มองหน้าของย่าเหยียบและสบตากันอย่างเงียบ ๆ “เจ้าสำนักเหยียน คุณควรอธิบายสำนักหมิงเซียนซักหน่อยไหมครับ?”
เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ
ย่าเหยียนหันไปมองที่อาจั้นและพูดอย่างใจเย็นว่า “อาจั้น อธิบายสำนักถึงหมิงเซียนให้ละเอียด”
ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ท้ายที่สุดแล้ว ใครกันหล่ะที่ไม่ต้องการจะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับการเอาชีวิตรอด?
แต่จ้าวกัง ยังมีคำถามต่ออีกว่า "ถ้าคุณรับพวกเราไปอยู่ภายใต้คุณไปพร้อม ๆ กัน คุณยังจะสอนพวกเราอีกไหม?"
เนื่องจากสำนักหมิงเซียนมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายพันปี มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะมีเขตควบคุม
แต่ย่าเหยียนกลับนำคนของเธอมาควบคุมพื้นที่แห่งนี้อย่างรุนแรง และยังบังคับชาวบ้านให้เข้าร่วมสำนักหมิงเซียนอีกด้วย
ใคร ๆ ก็คิดได้ว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกินขึ้นสำนักหมิงเซียนอย่างแน่นอน
จ้าวกังกล้าเดาได้เลยว่าสำนักหมิงเซียนมีโอกาสที่จะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
ในตอนนี้เอง คนในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ลูกชายที่ไม่ออกปากพูดใด ๆ ก็ลุกยืนขึ้น ผู้เฒ่าจังก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “บังอาจถามเจ้าสำนักเหยียนขอรับ ก่อนนี้ที่มาอาศัยที่ครอบครัวจังท่านนั้น คนที่มีเคราสีขาว ก็คือเจ้าสำนักที่น้องชายพูดถึงงั้นหรอ?”
เพื่อพวกย่าเหยียนทั้งสามคนปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ผู้เฒ่าจังก็รู้สึกว่านักปราชน์และย่าเหยียนเป็นพวกเดียวกัน ที่เขาถามในวันนี้ ก็เพื่อยืนยันความคิดนี้เท่านั้น
ทางฝั่งย่าเหยียนที่กำลังดูความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ เมื่อถูกเรียกชื่อ เธอก็เหลือบไปมองผู้เฒ่าจังแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “เป็นเขา”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของย่าเหยียน ผู้เฒ่าจางก็รับรู้บางอย่างภายในใจของเขา
กล่าวได้ว่า สำนักหมิงเซียนที่นักปราชน์พูดถึงและสำนักที่อาจั้นพูดถึงนั้นเป็นสำนักเดียวกัน จุดประสงค์ของนักปราชน์ที่แกล้งป็นลมและถือโอกาสอาศัยที่บ้านของผู้เฒ่าจางในตอนแรกนั้นคือชักชวนให้ชาวบ้านเข้าร่วมนิกายหมิงเซียนอย่างอ่อนโยน
ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ จู่ๆ นักปราชน์ก็หายตัวไป จากนั้นย่าเหยียนและคนอื่นๆ ก็เข้ามาใช้วิธีการที่รุนแรง
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจของผู้เฒ่าจัง ย่าเหยียนก็พูดอย่างใจเย็นว่า "เจ้าสำนักไปจัดการเรื่องสำคัญอย่างอื่นแล้ว"
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้
ผู้เฒ่าจังพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและกล่าวว่า "ขอบคุณเจ้าสำนักเหยียนที่ไขข้อสงสัยของฉัน"
ย่าเหยียนเหลือบมองไปที่ผู้เฒ่าจังอย่างเฉยเมย ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หันไปมองจ้าวกังเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...