เซียวเฉวียนทั้งกล่อมทั้งหลอกล่อ "พ่อรู้ว่าหมิงชิวเข้าใจเรื่องราวดี เป็นห่วงพ่อ"
”หมิงชิวเก่งขนาดนี้ ช่วยพ่อคุ้มครองแม่ให้ดีๆ ก็คือช่วยเหลือพ่อได้มากแล้ว”
“ส่วนเรื่องรับมือกับยายเหยียน พ่อมีทางจัดการเอง”
“หนูรีบกลับไปดีกว่า อย่าให้แม่หนูต้องเป็นห่วง”
พูดไปพูดมา ก็มีอยู่คำเดียว เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่ามายุ่ง
เซียวเฉวียนหวงรักลูกสาวจริงๆ เซียวหมิงชิวเพิ่งบอกว่าเธอมีกระแสจิตกับเขา เธอจึงรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อย่างเขาหรือ ผ่านไปแค่พริบตา เขาก็เผลอลืมไปแล้ว ยังมาพูดคุยกับเซียวหมิงชิวอีกตั้งมากมาย
คิดว่าเซียวหมิงชิวจะหลอกเอาง่ายๆ งั้นหรือ ?
ถ้างั้น เขาก็คิดผิดอย่างมหันต์ !
เซียวหมิงชิวยิ้มฮิๆ แจงสิ่งที่เซียวเฉวียนคิดในใจออกมาอย่างไม่ไว้หน้า "พ่อไม่เชื่อหรือว่าหมิงชิวสามารถจัดการกับยายเหยียนได้ ?"
หือ
เลินเล่อไปแล้วจริงๆ เซียวเฉวียนลืมไปชั่วขณะว่าหนูน้อยคนนี้ ยังมีความสามารถฟังเสียงในใจของเขาได้
ดังคำที่ว่า รู้แล้วไม่น่าพูด หนูน้อย เจ้าช่วยรักษาหน้าไว้ให้พ่อเฒ่าหน่อยไม่ได้หรือ ?
รู้แล้วจะทำไม เซียวเฉวียนก็ปฏิเสธลูกเดียว "ไม่มีเรื่องแบบนั้น พ่อเชื่อหนูหมิงชิวอยู่แล้วแน่นอน"
ลูกสาวตัวเองไม่เชื่อ แล้วจะไปเชื่อใครล่ะ ?
เซียวเฉวียนทำหน้ายิ้มอย่างเอาใจและพูดว่า "หมิงชิว หนูว่าใช่เปล่า ?"
ให้หนูกลับไป อยากให้หนูไปดูแลแม่ให้ดีจริงๆ
พูดถึงตรงนี้ สมองเซียวเฉวียนประกายแวบขึ้นมาทีหนึ่ง และกล่าวย้อนเซียวหมิงชิวไป "พ่อว่า หมิงชิวเองนั่นแหละที่ไม่เชื่อใจพ่อ"
พูดเสร็จ เซียวเฉวียนยังทำหน้าเคร่งขรึม
ไม่ว่ายังไง เซียวเฉวียนแข็งใจแล้วจะต้องหลอกล่อให้เซียวหมิงชิวกลับเข้าไปในวังให้ได้
ยิ่งเธออยู่ข้างนอกนานขึ้นหนึ่งนาทีฉันใด เธอก็อาจมีอันตรายมากขึ้นหนึ่งนาทีฉันนั้น
มีคำพูดทำนองนี้ วันพรุ่งนี้กับเหตุไม่คาดคิด ท่านไม่มีทางรู้ได้ว่าอันไหนจะมาถึงก่อน
เซียวเฉวียนไม่อาจปล่อยให้เลือดเนื้อของตัวเองเกิดเหตุร้ายได้ เขาต้องพยายามสุดความสามารถ ช่วยพวกเขาลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับเซียวหมิงชิว พระราชวังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอ
เซียวหมิงชิวซึ่งเชื่อฟังเขามาโดยตลอด กลับดื้อขึ้นมาในครั้งนี้ เธอไม่เชื่อฟังการหลอกล่อของเซียวเฉวียน เธอเอาแต่ใจตัวเอง จะใช้กำลังของเธอกล่อมเซียวเฉวียน "พ่อ ยายเหยียนเป็นเจ้าสำนักหมิงเซียน ที่พ่อสงสัยเรื่องแก่นเลือดระหว่างคิ้วของทหารตระกูลเซียว ก็นางนั่นเป็นคนยั่วยุให้พี่น้องเว่ยหงลักออกมา ใช่ไหม ?”
เธอรู้เรื่องพวกนี้ เซียวเฉวียนไม่แปลกใจเลยสักนิด
เพราะเธอสามารถฟังเสียงในใจของเซียวเฉวียนได้
เห็นเซียวเฉวียนไม่เห็นด้วย เซียวหมิงชิวจึงพูดต่อว่า "นางมีพลังมาก ณ ตอนนี้ พ่อคิดว่าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางใช่ไหม ?"
”นั่นเป็นเพราะนางยังไม่มาเจอกับหมิงชิว”
ก็หมายความว่า เซียวหมิงชิวหนูน้อยคนนี้มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า เธอสามารถจัดการกับยายเหยียนได้
เซียวเฉวียนมองดูหนูน้อยวัยหนึ่งขวบเศษคนนี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อนว้าวุ่น และอดแอบบ่นในใจไม่ได้ว่า "ชาวโลกต่างกล่าวว่า ลูกชายให้เจริญรอยตามพ่อ ลูกสาวให้เจริญรอยตามแม่"
แต่เซียวหมิงชิวหนูน้อยนี้ มาเจริญรอยในส่วนมั่นใจตัวเองและมองโลกในแง่ดีตามเซียวเฉวียน ความมั่นใจตัวเองและการมองโลกในแง่ดีของเธอ เซียวเฉวียนหวดแส้ใส่ม้าเท่าไรก็ตามขึ้นไม่ทัน
ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหนูน้อยขนาดนี้ เอาความมั่นใจที่สูงยิ่งกว่าท้องฟ้าและกว้างยิ่งกว่าทะเลมาจากไหน
อย่างมากอายุขัยของชาวคุนหลุนอาจจะยาวนานกว่าชาวประเทศอื่นหน่อย แต่ก็ไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้เป็นพันปี
ก็เป็นเพราะมีความคิดอย่างนี้ แม้เซียวเฉวียนจะคิดว่ายายเหยียนเป็นคนของยุคเทพเจ้า แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนัก
เพราะนี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่อย่างในละครโทรทัศน์ยุคปัจจุบัน ไม่น่ามีมนุษย์ที่มีชีวิตอมตะ
เซียวหมิงชิวพูดด้วยอารมณ์ลำพองว่า "พ่อไม่รู้อะไรเลย"
อย่าว่าแต่เซียวเฉวียนไม่รู้ เจี้ยนจงจอมดาบก็ไม่รู้ ที่ยายเหยียนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เพราะนางใช้วิธีสลายร่างเช่นเดียวกับเจี้ยนจง
แต่ว่า หลังจากการสลายร่างแล้ว ยายเหยียนไม่ได้หลับยาว แต่กลายเป็นเงาดำก้อนหนึ่งที่มีความคิด อยู่ด้วยกันกับเจ้าสำนักทุกสมัยของสำนักหมิงเซียนที่ผ่านมา
เซียวหมิงชิวกล่าวว่า "ก็หมายความว่า หากเจ้าสำนักหมิงเซียนในสมัยไหนทำอะไรผิดหรือตัดสินใจอะไรผิด เงาดำก้อนนี้จะปรากฏขึ้นและแนะนำพวกเขาไม่ให้ทำ"
ในความเป็นจริง นักปราชญ์ตอนที่กล่าวว่าเซียวเฉวียนเป็นคนนอกรีตผิดธรรมชาติ จะต้องกำจัดทิ้ง เงาดำก็เคยหักห้ามเขาแล้ว
แต่ว่า นักปราชญ์คนนี้สันดานดื้อรั้นและไม่ฟังคำแนะนำ จึงนำไปสู่ความผิดพลาดครั้งมโหฬารนี้
ฟังถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนก็ประหลาดใจ อายุแค่ขวบกว่าอย่างเซียวหมิงชิว แต่มีความสามารถในการเรียบเรียงภาษาที่เก่งมากเช่นนี้
เล่าถึงเรื่องราวของยายเหยียน ก็บรรยายได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ฟังเซียวหมิงชิวเล่าเรื่องราว เซียวเฉวียนรู้สึกว่าสติปัญญาของเขาไม่สู้จะเพียงพอเสียแล้ว
เซียวเฉวียนถามด้วยความสงสัย “ก็หมายความว่า เงาดำนั้นก็คือยายเหยียนร่างต่อมาหรือ ?”
ยามไม่ปรากฏก็เข้าสิงในร่างของยายเหยียน เวลาปรากฏ มันก็จะแยกตัวออกจากร่างของยายเหยียน แล้วยายเหยียนก็จะไม่ปรากฏตัวงั้นหรือ ?
ที่เซียวเฉวียนเข้าใจคือเงาดำก็เหมือนกับตราจูเสิน สิงอยู่ในร่างมนุษย์และสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ตามต้องการ อยากแยกออกจากร่างก็แยก อยากสิงกลับไปเมื่อไรก็สิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...