สรุปเนื้อหา บทที่ 1985 ที่มาของเงาดำ – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 1985 ที่มาของเงาดำ ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เซียวเฉวียนทั้งกล่อมทั้งหลอกล่อ "พ่อรู้ว่าหมิงชิวเข้าใจเรื่องราวดี เป็นห่วงพ่อ"
”หมิงชิวเก่งขนาดนี้ ช่วยพ่อคุ้มครองแม่ให้ดีๆ ก็คือช่วยเหลือพ่อได้มากแล้ว”
“ส่วนเรื่องรับมือกับยายเหยียน พ่อมีทางจัดการเอง”
“หนูรีบกลับไปดีกว่า อย่าให้แม่หนูต้องเป็นห่วง”
พูดไปพูดมา ก็มีอยู่คำเดียว เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่ามายุ่ง
เซียวเฉวียนหวงรักลูกสาวจริงๆ เซียวหมิงชิวเพิ่งบอกว่าเธอมีกระแสจิตกับเขา เธอจึงรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อย่างเขาหรือ ผ่านไปแค่พริบตา เขาก็เผลอลืมไปแล้ว ยังมาพูดคุยกับเซียวหมิงชิวอีกตั้งมากมาย
คิดว่าเซียวหมิงชิวจะหลอกเอาง่ายๆ งั้นหรือ ?
ถ้างั้น เขาก็คิดผิดอย่างมหันต์ !
เซียวหมิงชิวยิ้มฮิๆ แจงสิ่งที่เซียวเฉวียนคิดในใจออกมาอย่างไม่ไว้หน้า "พ่อไม่เชื่อหรือว่าหมิงชิวสามารถจัดการกับยายเหยียนได้ ?"
หือ
เลินเล่อไปแล้วจริงๆ เซียวเฉวียนลืมไปชั่วขณะว่าหนูน้อยคนนี้ ยังมีความสามารถฟังเสียงในใจของเขาได้
ดังคำที่ว่า รู้แล้วไม่น่าพูด หนูน้อย เจ้าช่วยรักษาหน้าไว้ให้พ่อเฒ่าหน่อยไม่ได้หรือ ?
รู้แล้วจะทำไม เซียวเฉวียนก็ปฏิเสธลูกเดียว "ไม่มีเรื่องแบบนั้น พ่อเชื่อหนูหมิงชิวอยู่แล้วแน่นอน"
ลูกสาวตัวเองไม่เชื่อ แล้วจะไปเชื่อใครล่ะ ?
เซียวเฉวียนทำหน้ายิ้มอย่างเอาใจและพูดว่า "หมิงชิว หนูว่าใช่เปล่า ?"
ให้หนูกลับไป อยากให้หนูไปดูแลแม่ให้ดีจริงๆ
พูดถึงตรงนี้ สมองเซียวเฉวียนประกายแวบขึ้นมาทีหนึ่ง และกล่าวย้อนเซียวหมิงชิวไป "พ่อว่า หมิงชิวเองนั่นแหละที่ไม่เชื่อใจพ่อ"
พูดเสร็จ เซียวเฉวียนยังทำหน้าเคร่งขรึม
ไม่ว่ายังไง เซียวเฉวียนแข็งใจแล้วจะต้องหลอกล่อให้เซียวหมิงชิวกลับเข้าไปในวังให้ได้
ยิ่งเธออยู่ข้างนอกนานขึ้นหนึ่งนาทีฉันใด เธอก็อาจมีอันตรายมากขึ้นหนึ่งนาทีฉันนั้น
มีคำพูดทำนองนี้ วันพรุ่งนี้กับเหตุไม่คาดคิด ท่านไม่มีทางรู้ได้ว่าอันไหนจะมาถึงก่อน
เซียวเฉวียนไม่อาจปล่อยให้เลือดเนื้อของตัวเองเกิดเหตุร้ายได้ เขาต้องพยายามสุดความสามารถ ช่วยพวกเขาลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับเซียวหมิงชิว พระราชวังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอ
เซียวหมิงชิวซึ่งเชื่อฟังเขามาโดยตลอด กลับดื้อขึ้นมาในครั้งนี้ เธอไม่เชื่อฟังการหลอกล่อของเซียวเฉวียน เธอเอาแต่ใจตัวเอง จะใช้กำลังของเธอกล่อมเซียวเฉวียน "พ่อ ยายเหยียนเป็นเจ้าสำนักหมิงเซียน ที่พ่อสงสัยเรื่องแก่นเลือดระหว่างคิ้วของทหารตระกูลเซียว ก็นางนั่นเป็นคนยั่วยุให้พี่น้องเว่ยหงลักออกมา ใช่ไหม ?”
เธอรู้เรื่องพวกนี้ เซียวเฉวียนไม่แปลกใจเลยสักนิด
เพราะเธอสามารถฟังเสียงในใจของเซียวเฉวียนได้
เห็นเซียวเฉวียนไม่เห็นด้วย เซียวหมิงชิวจึงพูดต่อว่า "นางมีพลังมาก ณ ตอนนี้ พ่อคิดว่าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางใช่ไหม ?"
”นั่นเป็นเพราะนางยังไม่มาเจอกับหมิงชิว”
ก็หมายความว่า เซียวหมิงชิวหนูน้อยคนนี้มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า เธอสามารถจัดการกับยายเหยียนได้
เซียวเฉวียนมองดูหนูน้อยวัยหนึ่งขวบเศษคนนี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อนว้าวุ่น และอดแอบบ่นในใจไม่ได้ว่า "ชาวโลกต่างกล่าวว่า ลูกชายให้เจริญรอยตามพ่อ ลูกสาวให้เจริญรอยตามแม่"
แต่เซียวหมิงชิวหนูน้อยนี้ มาเจริญรอยในส่วนมั่นใจตัวเองและมองโลกในแง่ดีตามเซียวเฉวียน ความมั่นใจตัวเองและการมองโลกในแง่ดีของเธอ เซียวเฉวียนหวดแส้ใส่ม้าเท่าไรก็ตามขึ้นไม่ทัน
ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหนูน้อยขนาดนี้ เอาความมั่นใจที่สูงยิ่งกว่าท้องฟ้าและกว้างยิ่งกว่าทะเลมาจากไหน
อย่างมากอายุขัยของชาวคุนหลุนอาจจะยาวนานกว่าชาวประเทศอื่นหน่อย แต่ก็ไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้เป็นพันปี
ก็เป็นเพราะมีความคิดอย่างนี้ แม้เซียวเฉวียนจะคิดว่ายายเหยียนเป็นคนของยุคเทพเจ้า แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนัก
เพราะนี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่อย่างในละครโทรทัศน์ยุคปัจจุบัน ไม่น่ามีมนุษย์ที่มีชีวิตอมตะ
เซียวหมิงชิวพูดด้วยอารมณ์ลำพองว่า "พ่อไม่รู้อะไรเลย"
อย่าว่าแต่เซียวเฉวียนไม่รู้ เจี้ยนจงจอมดาบก็ไม่รู้ ที่ยายเหยียนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เพราะนางใช้วิธีสลายร่างเช่นเดียวกับเจี้ยนจง
แต่ว่า หลังจากการสลายร่างแล้ว ยายเหยียนไม่ได้หลับยาว แต่กลายเป็นเงาดำก้อนหนึ่งที่มีความคิด อยู่ด้วยกันกับเจ้าสำนักทุกสมัยของสำนักหมิงเซียนที่ผ่านมา
เซียวหมิงชิวกล่าวว่า "ก็หมายความว่า หากเจ้าสำนักหมิงเซียนในสมัยไหนทำอะไรผิดหรือตัดสินใจอะไรผิด เงาดำก้อนนี้จะปรากฏขึ้นและแนะนำพวกเขาไม่ให้ทำ"
ในความเป็นจริง นักปราชญ์ตอนที่กล่าวว่าเซียวเฉวียนเป็นคนนอกรีตผิดธรรมชาติ จะต้องกำจัดทิ้ง เงาดำก็เคยหักห้ามเขาแล้ว
แต่ว่า นักปราชญ์คนนี้สันดานดื้อรั้นและไม่ฟังคำแนะนำ จึงนำไปสู่ความผิดพลาดครั้งมโหฬารนี้
ฟังถึงตรงนี้ เซียวเฉวียนก็ประหลาดใจ อายุแค่ขวบกว่าอย่างเซียวหมิงชิว แต่มีความสามารถในการเรียบเรียงภาษาที่เก่งมากเช่นนี้
เล่าถึงเรื่องราวของยายเหยียน ก็บรรยายได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ฟังเซียวหมิงชิวเล่าเรื่องราว เซียวเฉวียนรู้สึกว่าสติปัญญาของเขาไม่สู้จะเพียงพอเสียแล้ว
เซียวเฉวียนถามด้วยความสงสัย “ก็หมายความว่า เงาดำนั้นก็คือยายเหยียนร่างต่อมาหรือ ?”
ยามไม่ปรากฏก็เข้าสิงในร่างของยายเหยียน เวลาปรากฏ มันก็จะแยกตัวออกจากร่างของยายเหยียน แล้วยายเหยียนก็จะไม่ปรากฏตัวงั้นหรือ ?
ที่เซียวเฉวียนเข้าใจคือเงาดำก็เหมือนกับตราจูเสิน สิงอยู่ในร่างมนุษย์และสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ตามต้องการ อยากแยกออกจากร่างก็แยก อยากสิงกลับไปเมื่อไรก็สิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...